บทที่4 [ฮูหยินผู้ไม่เป็นที่รัก]
เหตุการณ์เมื่อสองเดือนก่อนหน้านี้...
ค่ำคืนเหน็บหนาวในวันสิ้นปี ในขณะที่ผู้คนต่างมีความสุขกับการบอกลาปีเก่าเพื่อต้อนรับปีใหม่นั้น หนิงเซียนผู้เป็นฮูหยินเอกของแม่ทัพเกาหานเยว่กลับกำลังถูกสามีต่อว่าและเตรียมที่จะลงโทษนางในความผิดที่นางไม่ได้ก่อเสียแล้ว
“หานเยว่ จะอย่างไรตัวข้าก็ได้ชื่อว่าเป็นฮูหยินของท่าน แม้ไม่มีใจให้ต่อกัน แต่ท่านจะไว้หน้าข้าในฐานะฮูหยินของท่านบ้างไม่ได้เลยหรือ” หนิงเซียนเอ่ยถามด้วยแววตาที่ตัดพ้อ
นางไม่เอ่ยเรียกเขาว่าท่านพี่ เพราะตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น เขาไม่เคยปฏิบัติต่อนางเหมือนภรรยาเลยแม้แต่น้อย เช่นนั้นแล้วความสัมพันธ์ที่มี จึงไม่ต่างจากคนแปลกหน้าที่ต้องมาอาศัยอยู่ร่วมกันเพียงเท่านั้น
“ไว้หน้าเจ้าเช่นนั้นหรือ แล้วการที่เจ้าแสดงกิริยาเช่นนี้ เจ้าเคยคิดที่จะไว้หน้าข้าบ้างหรือไม่ หรือว่าต้องให้ข้ายอมรับ ว่าข้ามีใจต่อหนิงฮวาและต้องการที่จะแต่งงานนางเข้าจวน เช่นนั้นเจ้าจึงจะพอใจและเลิกหาเรื่องนางสักที” หานเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ดุดันและแสดงออกถึงความไม่พอใจอย่างชัดเจนอีกด้วย
“ที่ท่านกล่าวเช่นนี้ คงเพราะมีนางนั่งอยู่ภายในใจแล้วใช่หรือไม่” แม้ในใจจะรู้ดีว่าคำตอบของผู้เป็นสามีจะเป็นเช่นไร หากแต่หนิงเซียนก็ยังอยากที่จะฟังถ้อยคำนั้นจากปากของเขาเองสักครั้ง
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมานั้น การที่นางไม่สามารถตัดใจได้เสียที อาจเป็นเพราะว่าความผิดหวังและความปวดร้าวที่นางได้รับนั้นมันยังไม่มากพอก็เป็นได้ เช่นนั้นแล้ว แม้ความเป็นจริงจะปวดร้าวสักเพียงใด หนิงเซียนก็ยินดีที่จะรับฟัง เพื่อที่นางนั้นจะได้เลิกหวังในความรักหรือเศษเสี้ยวของความสงสารจากสามีที่ไร้ใจผู้นี้เสียที
‘หานเยว่ บัดนี้ตัวข้าเหนื่อยเกินกว่าที่จะฝืนทนรอต่อไปอีกแล้ว เรื่องราวระหว่างท่านกับข้า เห็นทีว่าควรที่จะให้มันสิ้นสุดกันที่ตรงนี้แล้ว’ หนิงเซียนเอ่ยคำลาผู้เป็นสามีอยู่ภายในใจ นับจากนี้ ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย นางจะขอวางหัวใจไว้ให้ห่างจากหานเยว่ผู้นี้และจะไม่ขอข้องเกี่ยวกับเขาอีกต่อไปแล้ว
“ใช่! ข้ามีใจให้นางและอยากที่จะแต่งนางเข้าจวน แต่จนใจที่ตำแหน่งฮูหยินเอกของข้ามีเจ้านั่งครองอยู่ก่อนแล้ว ข้าจึงไม่อาจด้อยค่านางด้วยการแต่งนางมาเป็นเพียงฮูหยินรองอย่างไรเล่า” หานเยว่กล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูชิงชังในตัวฮูหยินของตนเองอย่างไม่มีปิดบัง
การแต่งงานระหว่างหานเยว่และหนิงเซียนนั้น เดิมทีก็ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรักระหว่างกันอยู่แล้ว หากแต่เป็นการแต่งงานที่สืบเนื่องมาจากคำมั่นของสองตระกูลเท่านั้น ยิ่งหนิงเซียนมีนิสัยที่ร้ายกาจเช่นนี้ หานเยว่จึงไม่คิดที่จะมอบความรักหรือโอกาสให้แก่นางผู้เป็นฮูหยินเลยแม้แต่น้อย
หากนางอยากที่จะเป็นฮูหยินของเขา เช่นนั้นก็ให้นางเป็นไปเถิด เพราะไม่ว่าจะอย่างไร นางก็จะไม่มีวันได้รับความรักจากเขาไปครอบครองอย่างแน่นอน
“อ้อ ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ คนที่ท่านมีใจให้ไม่ใช่ข้า หากแต่เป็นนาง เช่นนั้นท่านก็แต่งนางเข้าจวนเถิด เพราะแม้จะเป็นเพียงตำแหน่งฮูหยินรอง แต่ในเมื่อนางเป็นคนในดวงใจของท่าน ข้าเชื่อว่าความเป็นอยู่ของนางนับต่อจากนี้ย่อมต้องดีมากอย่างแน่นอน” หนิงเซียนกลืนก้อนความเสียใจลงไป ก่อนที่จะเอ่ยประโยคเมื่อครู่ออกมา โดยในน้ำเสียงของนางนั้น บัดนี้มีเพียงความเฉยชาและไม่หลงเหลือซึ่งความเสียใจอีกต่อไปแล้ว
“ข้าจะแต่งใครเข้าจวน ไม่ต้องให้เจ้ามาแสดงความคิดเห็น นับจากนี้ เจ้าจงใช้ชีวิตอยู่ที่เรือนเล็กที่อยู่ท้ายจวนเพื่อสำนึกในสิ่งที่เจ้าได้กระทำผิดไป หากไม่มีคำสั่งจากข้า อย่าได้ก้าวขาออกมาจากเรือนนั้นเป็นอันขาด” หานเยว่กล่าวด้วยโทสะ เนื่องจากการกระทำของหนิงเซียนในวันนี้ช่างร้ายแรงยิ่งนัก นางมีใจหาญกล้าเช่นนั้นได้อย่างไร ถึงได้แอบวางยาปลุกกำหนัดผู้อื่น
หานเยว่คิดว่าความร้ายกาจของนางนั้น หากไม่กำราบเสียตั้งแต่ตอนนี้ เกรงว่าภายภาคหน้าคงยากที่จะแก้ไขได้แล้ว
สตรีด้วยกัน ย่อมควรที่จะรู้ดีว่าการที่ถูกวางยาและโดนล่วงเกินโดยชายอื่นนั้น ความรู้สึกที่ต้องเผชิญจะปวดร้าวมากเพียงใด และสำหรับสิ่งที่หนิงเซียนได้กระทำไปนั้น ถ้าหากว่าเขาไม่สามารถเข้าไปยับยั้งเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้น หนิงฮวาไม่ต้องมีมลทินมัวหมองไปแล้วหรือ
สตรีผู้นี้ช่างมีจิตใจที่ร้ายกาจมากจนเกินไปแล้ว กล้าแม้กระทั่งจะวางยาผู้อื่น เช่นนั้นแล้ว ก็จงกักตัวและสำนึกผิดอยู่ที่เรือนหลังเล็กนี้จนกว่านางจะคิดได้เถิด หานเยว่คิดว่าการที่เขาลงโทษนางเช่นนี้นั้นถูกต้องและเหมาะสมแล้ว เอาไว้นางสำนึกและคิดได้เมื่อไร เขาค่อยหาทางพูดคุยกับนางด้วยเหตุผลอีกครั้ง
“หนิงเซียนเข้าใจแล้ว ขอบคุณท่านพี่ที่มีเมตตาเจ้าค่ะ” หนิงเซียนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เรียบเย็น โดยที่นางไม่แสดงความโกรธหรือความไม่พอใจแต่อย่างใด
บุรุษผู้นี้คือสามีที่นางได้กราบไหว้ฟ้าดินร่วมกันมา ชีวิตที่เหลืออยู่ของนางนั้นล้วนวางอยู่ในมือของเขา หากแต่เขากลับไม่มีใจเชื่อมั่นในตัวนางเลยแม้แต่น้อย
‘หานเยว่ ในสายตาของท่าน การกระทำของข้าช่างดูต่ำช้าและน่ารังเกียจมากใช่หรือไม่ การที่ฮูหยินของท่านที่มีนิสัยเช่นนี้คงทำให้ท่านลำบากใจไม่น้อย แต่หากข้ากล่าวว่าข้าไม่ได้ทำ ท่านจะมีใจเชื่อในคำพูดนั้นของข้าหรือไม่ ในสายตาของท่าน ข้าคงเป็นได้แค่นางร้ายผู้หนึ่งก็เท่านั้น’ หนิงเซียนได้แต่ก้มหน้ายอมรับในชะตากรรมของตนเองที่เหลือต่อจากนี้
เขาคือคนที่นางรักและอยากที่จะใช้ชีวิตที่เหลือร่วมกันนับจากนี้ หากแต่เขากลับไม่อาจจดจำนางได้อีกต่อไป มิหนำซ้ำยังมองว่านางเป็นมารร้ายที่คอยขัดขวางความรักระหว่างเขาและคนรักที่แท้จริงอีกด้วย
‘เกาหานเยว่ สิ่งเดียวที่ข้านึกสึกเสียใจในตอนนี้ก็คือ การที่ข้าได้พบกับท่านในวันนั้น หากย้อนเวลากลับไปได้ ข้าจะไม่ขอพบเจอและจะไม่รักท่านเหมือนดั่งในชาตินี้’
