บท
ตั้งค่า

บทที่3 เจ้าสาวไร้ค่า ที่จำเป็น ヅ

เมื่อวันแต่งงานเวียนมาถึง ก่อนที่ซูฮวาจะถูกส่งตัวขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวนั้น หนิงฮวาก็ได้เดินมาหาและกล่าวถ้อยคำที่ติดค้างอยู่ภายในใจของตนเองออกมา

“ข้าไม่เคยนับว่าเจ้าเป็นน้องสาว ไม่ว่าจะอดีตหรือจวบจนวันนี้ และเหตุผลที่เจ้าได้มีโอกาสขึ้นเกี้ยวแต่งงานในครั้งนี้ ก็เป็นเพราะว่าตัวข้าไม่ปรารถนาที่จะแต่งให้แม่ทัพปีศาจผู้นั้น เช่นนั้นแล้ว เกี้ยวเจ้าสาวนี้คงทำได้เพียงนำเจ้าไปสู่ขุมนรก หาใช่สวรรค์อย่างที่เจ้าเฝ้าฝันแต่อย่างใด จงอย่าได้ดีใจไปนักเลย” หนิงฮวากล่าวถ้อยคำในใจออกไปอย่างไม่คิดที่จะขอบคุณหรือถนอมน้ำใจอีกฝ่ายที่ต้องมาแต่งงานแทนตนเลยแม้แต่น้อย

“ขอบคุณที่ท่านยังคงเป็นคนเช่นนี้เสมอ ในอดีตเคยปฏิบัติต่อข้าเช่นไร วันนี้ท่านก็ยังคงกระทำตนเช่นนั้นไม่เคยเปลี่ยน ผ่านมาเนิ่นนานจวบจนวันนี้ ตัวข้าล้วนรู้ซึ้งดีแล้วว่าตนนั้นไม่คู่ควรต่อสกุลหลี่เพียงใด เช่นนั้นแล้ว วันหน้าหากเราทั้งสองต้องเวียนมาเจอกันอีกครั้ง ท่านกับข้าก็จงเป็นเพียงคนแปลกหน้าต่อกันเท่านั้นเถิด” ซูฮวากล่าวอย่างปล่อยวาง นางไม่อยากข้องเกี่ยวกับสกุลหลี่นี้อีกต่อไปแล้ว

เบื้องหลังของการแต่งงานในครั้งนี้ใช่ว่าตัวนางจะไม่รู้มาก่อน หากแต่รู้แล้วเช่นไร ไม่รู้แล้วเช่นไร สุดท้ายนางก็ไม่อาจเลือกเส้นทางเดินเองได้อยู่ดี

เมื่อไม่อาจกล่าวแย้งสิ่งใดได้ เช่นนั้นแล้ว ซูฮวาก็ได้แต่ทำใจยอมรับในชะตากรรมที่ตกมาเป็นของตนเองอย่างไม่ทันตั้งตัวเพียงเท่านั้น

“แต่ข้าหวังว่าจะไม่มีวันนั้น” หนิงฮวากล่าวพร้อมเผยรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความเย้ยหยัน ก่อนที่หลี่เจินจะเดินเข้ามาเพื่อส่งซูฮวาขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวพอดี

“หนิงฮวา เจ้ากลับเข้าไปข้างในก่อนเถิดท่านแม่เจ้ารออยู่ พ่อขอคุยกับนางสักครู่” หลี่เจินกล่าวกับบุตรสาวผู้เป็นที่รัก ถึงจะอย่างไร ซูฮวาก็นับได้ว่าเป็นทางออกที่ดีสำหรับพวกเขาแล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้น หลี่เจินก็ไม่อยากที่จะสร้างบาดแผลให้เกิดขึ้นภายในใจของซูฮวาไปมากกว่านี้

หลังจากที่หนิงฮวาจากไปแล้ว ซูฮวาก็ได้เปิดใจกล่าวถ้อยคำที่ตนนั้นได้ทนเก็บไว้มาเนิ่นนานออกไปเสียที

“ท่านพ่อ เดิมทีข้าเพียงคิดว่า หากข้าทำตัวว่านอนสอนง่ายสักหน่อย ท่านอาจจะใจอ่อนและยอมรับว่าข้านั้นคือบุตรสาวของท่านอีกผู้หนึ่ง หากแต่เมื่อหนึ่งเดือนที่แล้ว ภายหลังจากที่ท่านได้รับราชโองการจากฝ่าบาทเกี่ยวกับสมรสพระราชทานที่ไม่มีผู้ใดปรารถนานี้ เมื่อนั้นท่านจึงพลันนึกขึ้นได้ว่ามีข้าที่นับว่าเป็นบุตรสาวท่านอีกคน เดิมทีตัวข้าเฝ้ารอวันที่ท่านจะเดินมารับข้าที่เรือนป่าไผ่ในสักวันหนึ่ง หากแต่เมื่อวันที่รอคอยนั้นได้เวียนมาถึง ข้ากลับไม่มีความยินดีเลยแม้แต่น้อย” ซูฮวารู้ดีว่าการแต่งงานในครั้งนี้นั้นมีที่ไปที่มาเช่นไร และด้วยเหตุผลใดตนจึงได้มีโอกาสสวมชุดเจ้าสาวนี้

แต่ถึงอย่างนั้น นางก็ไม่คิดที่จะคัดค้านหรือทำตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อผู้เป็นบิดาเลยแต่อย่างใด เพราะการแต่งงานนี้อย่างน้อย ๆ ก็นับได้ว่าเป็นความหวังที่จะทำให้นางนั้นหลุดพ้นจากสกุลหลี่ได้เสียที

“ซูฮวา เป็นพ่อที่ผิดต่อเจ้า” หลี่เจินกล่าวอย่างรู้สึกผิด แต่ถึงแม้จะรู้สึกผิดมากเพียงใด เขาก็ไม่คิดที่จะเปลี่ยนใจ

“ข้าไหนเลยจะกล้ากล่าวโทษว่าสิ่งนี้คือความผิดของท่านผู้เป็นบิดาได้เล่า หากแต่ตัวข้าก็ไม่ได้เป็นผู้ร้องขอที่จะเกิดมา เหตุใดเมื่อท่านทำให้ข้าเกิดมาแล้วถึงได้ทิ้งขว้างข้าถึงเพียงนี้” ซูฮวาตัดพ้ออย่างน้อยใจ หากแต่ในถ้อยคำที่นางได้กล่าวออกไปนั้น กลับไม่มีความสั่นไหวในน้ำเสียง หรือไม่มีแม้แต่ความเสียใจที่ปรากฏอยู่บนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย

หากจะมี ก็เห็นจะเป็นเพียงใบหน้าเฉยชา ที่บัดนี้ดูสิ้นหวังและไร้อาลัยต่อสิ่งใดบนโลกใบนี้อีกต่อไปแล้ว

“ข้ายินดีที่จะเดินขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวนี้ หากแต่เมื่อข้าก้าวขาออกจากจวนของท่านแล้ว เมื่อนั้นท่านและข้าก็จงอย่าได้มีสิ่งใดข้องเกี่ยวกันอีก แม้ตัวข้าต้องตายไปในสักวันหนึ่ง ท่านก็จงอย่าได้เป็นกังวล เพราะข้าจะไม่กล่าวโทษท่านแต่อย่างใด นับต่อจากนี้ข้าหวังว่าพวกท่านจะใช้ชีวิตได้เป็นอย่างดี อดีตเคยลืมเลือนข้าเช่นไร จากนี้ก็จงกระทำตนเหมือนดั่งเช่นที่ผ่านมาเถิด” เมื่อกล่าวจบ สองเท้าก็ก้าวขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวอย่างไม่มีอาลัยต่อสิ่งใดที่อยู่เบื้องหลังอีกต่อไป

‘ซูฮวาเอ๋ย เป็นเจ้าที่ต่ำต้อยและด้อยค่าเกินกว่าที่ใครจะมองเห็น หากจะโทษก็จงโทษที่เจ้านั้นไร้ซึ่งวาสนามาตั้งแต่ต้นเถิด’ ซูฮวาปลอบประโลมจิตใจตนเองด้วยถ้อยคำที่แสนเจ็บแสบ

นางหวังเพียงว่าความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญทั้งหมดนี้จะคอยเตือนใจนางไปอีกตราบนานเท่านาน โดยที่ซูฮวาไม่รู้เลยว่า เส้นทางชีวิตของนาง บัดนี้ได้เดินมาถึงจุดเปลี่ยนที่จำต้องแลกมาด้วยชีวิตแล้ว

ภายหลังจากขึ้นเกี้ยวได้เพียงไม่นาน ซูฮวาก็เริ่มรับรู้ถึงสิ่งที่เริ่มผิดปกติที่ได้เกิดขึ้นกับร่างกายของตนเองอย่างกะทันหัน และก่อนที่จะได้มีโอกาสร้องขอความช่วยเหลือจากใครสักคน ซูฮวาก็หมดสติลงไปภายในเกี้ยวเจ้าสาวเสียแล้ว

ดวงจิตที่อ่อนล้า เมื่อถึงคราออกจากร่างแล้วก็ยังไร้ซึ่งจุดหมายปลายทางที่จะเดินต่อไป และก่อนที่แสงสว่างเพียงน้อยนิดนั้นจะดับลง ภาพของหญิงสาวผู้หนึ่งที่ยืนอยู่บนสะพานไม้ก็พลันปรากฏขึ้นมา

ซูฮวาจ้องมองไปที่หญิงสาวผู้นั้น ไม่ว่าจะเป็นรูปหน้าหรือหน้าตา พวกนางทั้งสองล้วนเหมือนกันไปเสียทุกสิ่ง หากแต่สิ่งที่แตกต่างนั้นก็คงเป็นความน่ารักสดใสที่อีกฝ่ายเผยออกมาผ่านทางดวงตาคู่สวยคู่ ในขณะที่ซูฮวานั้นมีเพียงดวงตาที่เศร้าหมองเพียงเท่านั้น

ซูฮวาที่ไม่มีที่ไปจึงได้แต่เฝ้ามองดูหญิงสาวผู้นั้นและพลันคิดว่า อีกฝ่ายอาจจะเป็นตัวนางในอีกชาติภพหนึ่ง เช่นนั้นแล้วนางจึงได้ลองเอ่ยเรียกหญิงสาวผู้นั้นด้วยนามของตนเองดูสักครั้ง พร้อมทั้งภาวนาให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงนี้ของตนถ้าหากว่าเรื่องนี้เป็นจริงดังเช่นที่นางสงสัย

‘ซูฮวา’ เมื่อสิ้นคำเรียกครั้งแรกของซูฮวา อีกฝ่ายก็ดูตระหนกอยู่ไม่น้อยเหมือนกับได้ยินเสียงเรียกนี้จากนาง ภายหลังจากเวลาผ่านไปได้เพียงไม่นาน ซูฮวาที่เฝ้ามองหญิงสาวอยู่ไม่ห่าง สุดท้ายแล้วก็พบว่าร่างหญิงสาวผู้นั้นได้พลัดตกสะพานเสียแล้ว

ดวงวิญญาณที่ไม่มีผู้ใดมองเห็น พร้อมกับร่างของหญิงสาวที่ค่อย ๆ จมลงสู่เบื้องล่างของสระน้ำอย่างโดดเดี่ยว ซูฮวาร้องตะโกนอย่างสุดเสียงเพื่อขอให้ใครสักคนช่วยเหลือหญิงสาวผู้นั้น

เมื่อยามมีชีวิต ก็ไม่เคยมีผู้ใดรับฟังในคำร้องขอของนาง และในตอนนี้ก็เช่นกัน ไม่มีใครได้ยินในคำร้องหรือคำอ้อนวอนนั้นของนางที่เป็นเพียงดวงวิญญาณเร่ร่อนเลยแม้แต่น้อย สุดท้ายแล้วซูฮวาจึงทำได้เพียงอยู่เคียงข้างร่างนั้นจวบจนช่วงสุดท้ายของชีวิตของอีกฝ่ายนั้นจะเดินทางมาถึง

ผู้หนึ่งได้หลับใหลไปชั่วกัลป์ หากแต่อีกผู้หนึ่งนั้น บัดนี้ก็ได้มีความทรงจำจากทั้งสองภพหลอมรวมกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel