บทที่2 เศษหนึ่งนับเป็นส่วนเกิน ヅ
หลี่ซูฮวา เด็กสาววัยเพียงสิบห้าปีที่เพิ่งข้ามพ้นวัยปักปิ่นเพียงไม่นาน มารดาของเด็กสาวที่เป็นเพียงอนุอีกทั้งยังจากโลกนี้ไปภายหลังจากที่คลอดซูฮวาออกมาได้เพียงไม่นาน เช่นนั้นแล้ว ซูฮวาจึงได้ถูกครอบครัวละเลยนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
เรื่องราวในอดีต...
“ท่านพี่ ข้าขอเล่นด้วยได้หรือไม่” ซูฮวาเด็กหญิงตัวน้อยที่อยู่ในชุดแต่งกายที่ค่อนข้างเก่าได้เดินเข้ามาหาหนิงฮวาผู้ที่นางเรียกว่าเป็นพี่สาวที่ตอนนี้อีกฝ่ายกำลังนั่งเล่นตุ๊กตาผ้าอยู่ในศาลา
“ข้าไม่ใช่พี่สาวของเจ้า เจ้าที่มีมารดาเป็นเพียงอนุที่แสนต่ำต้อย กล้าดีอย่างไรถึงมานับว่าข้าเป็นพี่” หนิงฮวากล่าวอย่างดูแคลนในตัวเด็กหญิงตัวน้อยที่มีใบหน้ามอมแมม แม้จะมีสายเลือดจากฝั่งพ่อเช่นเดียวกัน แต่นางก็ไม่อาจฝืนใจยอมรับซูฮวาว่านั้นเป็นน้องสาวได้ลงคอ
หลังจากที่หนิงฮวากล่าวจบ หลี่เจินผู้เป็นบิดาก็ได้เดินเข้ามาพอดี
“ท่านพ่อ ข้าไม่นับว่านางเป็นน้องสาว หากท่านให้นางมาวิ่งเล่นที่เรือนนี้อีก ข้าจะฟ้องท่านแม่และท่านตา” หนิงฮวากล่าวพร้อมแสดงสีหน้าไม่พอใจให้แก่หลี่เจินผู้เป็นบิดา
“หนิงเอ๋อใจเย็น ๆ ขอพ่อคุยกับนางสักครู่” แม้จะเป็นบิดา แต่หลี่เจินกลับไม่อาจสั่งสอนบุตรสาวของตนได้ ด้วยว่าตำแหน่งและฐานะของตนนั้น สาเหตุที่มีทุกวันนี้ได้ก็เนื่องมาจากความช่วยเหลือของฝั่งพ่อตาแทบทั้งสิ้น
“ซูฮวาเป็นพ่อที่ไม่อาจปกป้องเจ้าได้ อีกทั้งแม่ของเจ้าก็มาด่วนจากไป นับจากนี้จงวิ่งเล่นอยู่เพียงแค่บริเวณเรือนไม้ไผ่ที่อยู่ด้านหลังจวนกับแม่นมหยางของเจ้าเถิด เด็กดี เจ้าเข้าใจพ่อใช่หรือไม่” หลี่เจินกล่าวกับซูฮวาเบา ๆ ก่อนที่จะหันไปหาบ่าวรับใช้เพื่อที่จะให้พานางออกไป
“ข้าเข้าใจเจ้าค่ะท่านพ่อ” เด็กหญิงตัวน้อยรับคำอย่างว่านอนสอนง่าย ซูฮวายังคงเชื่อว่า ถ้าหากตนเองทำตัวดีและเชื่อฟัง บิดาจะต้องรักและพี่สาวจะต้องเอ็นดูนางได้อย่างแน่นอน
โดยที่ซูฮวาไม่รู้เลยว่า ที่สกุลหลี่แห่งนี้ไม่ได้มีที่ยืนสำหรับนางมาตั้งแต่ต้นแล้ว
นับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา เด็กหญิงตัวน้อยก็ได้แต่คอยชะเง้อคอเพื่อมองหาผู้เป็นบิดา หากแต่หลี่เจินกลับไม่เคยที่จะย่างกรายไปเยี่ยมเยือนที่เรือนของบุตรสาวที่เกิดจากอนุผู้นี้เลยสักครั้ง
ฮูหยินของเขาเป็นถึงบุตรสาวของอดีตอัครมหาเสนาบดี หากว่าตัวเขาขัดใจนางเข้า ตำแหน่งเสนาบดีของเขาคงมีอันสั่นคลอนได้ไม่น้อย เช่นนั้นแล้ว ซูฮวาที่นับได้ว่าเป็นเพียงบุตรสาวที่เกิดจากอนุที่ตอนนี้ก็ได้จากไปแล้วนั้น ไหนเลยจะมีความสำคัญเทียบเท่าได้กับบุตรีอย่างหนิงฮวาที่เกิดจากผู้เป็นฮูหยินของเขาได้
แม่นมหยางคือหญิงรับใช้ที่เลี้ยงดูซูฮวามานับตั้งแต่มารดาผู้เป็นอนุของซูฮวาได้จากไป แต่กระนั้น แม่นมหยางก็ดูแลและเลี้ยงดูซูฮวาด้วยความรักอย่างสุดหัวใจ หากแต่หญิงรับใช้อย่างแม่นมหยาง ไหนเลยจะมีความรู้ความสามารถมากมายในการที่จะอบรมสั่งสอนให้ซูฮวามีความรู้ความสามารถได้อย่างคุณหนูจวนอื่น ๆ
สิ่งที่แม่นมหยางพอจะทำได้นั้น จึงมีเพียงการเลี้ยงดูให้ซูฮวามีชีวิตรอดและเติบโตมาได้ก็เท่านั้น จวบจนเมื่อซูฮวามีอายุได้สิบสองหนาว แม่นมหยางก็ได้จากไปด้วยวัยชรา
การจากไปของแม่นมหยางนี้ นับได้ว่าเป็นความสูญเสียครั้งยิ่งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของซูฮวา ครั้งแรกคือมารดาที่มาด่วนจากไป ครั้งที่สองก็คือบิดาและสกุลหลี่ที่ได้หันหลังให้แก่นาง และครั้งที่สามนี้ก็คือแม่นมหยางที่ได้จากนางไปและทิ้งให้นางต้องเผชิญกับโลกที่แสนกว้างใหญ่และโหดร้ายนี้เพียงลำพัง
ซูฮวาไม่ได้รับการอบรมเลี้ยงดูในแบบที่คุณหนูในห้องหออย่างที่จวนอื่น ๆ ควรที่จะได้รับหรือแม้จะเป็นเพียงเรื่องพื้นฐานก็ตามที เช่นนั้นแล้ว ในการปรากฏตัวแต่ละครั้ง นางจึงเป็นได้เพียงตัวตลกที่ไม่น่าคบหาของผู้คนอยู่ร่ำไป
วันเวลาผ่านไป เด็กหญิงตัวน้อยในอดีตที่ถูกครอบครัวหลงลืมการมีอยู่มาเนิ่นนาน จวบจนเมื่อนางมีอายุได้สิบห้าหนาว ผู้คนถึงนึกขึ้นได้ ว่าแท้จริงแล้วยังมีนางที่เป็นบุตรสาวของหลี่เจินอยู่อีกหนึ่งคน
หากแต่เมื่อคราที่นึกถึงนั้น กลับเป็นเมื่อวันที่หลี่เจินนั้นได้รับราชโองการจากฝ่าบาทที่หมายจะให้บุตรสาวของเขานั้นแต่งงานกับแม่ทัพจ้าวอวิ๋นซี เพื่อเป็นการตอบแทนที่อีกฝ่ายได้รับชัยชนะจากสงครามที่ยืดเยื้อมาเนิ่นนานกว่าสิบปีเสียที
จ้าวอวิ๋นซี หรือเป็นที่รู้จักกันในนามแม่ทัพปีศาจ ผู้คนเล่าขานว่าภายใต้หน้ากากที่เขานั้นสวมอยู่ได้ปกปิดใบหน้าที่เต็มไปด้วยบาดแผลที่ตัวเขาได้รับในช่วงที่ออกรบกับข้าศึก
แม่ทัพหนุ่มวัยยี่สิบแปดปีที่จิตใจมีเพียงความโหดร้ายและป่าเถื่อน หากเชลยเป็นชายล้วนจัดการฆ่าทิ้งเสียให้สิ้น แต่หากเป็นหญิงสาว ว่ากันว่าจะต้องถูกนำมาปรนเปรอเหล่าทหารที่อยู่ในกองทัพจวบจนหญิงสาวเหล่านั้นเสียสติหรือไม่ก็เสียชีวิตลง เมื่อนั้นอิสรภาพของเหล่าเชลยถึงจะนับได้ว่าถือกำเนิด
เมื่อได้ยินข่าวลือที่หนาหูเช่นนี้ หลี่เจินไหนเลยจะกล้าที่จะยกบุตรสาวที่เป็นดั่งแก้วตาดวงใจอย่างหนิงฮวาให้แต่งเข้าจวนแม่ทัพปีศาจผู้นี้ได้
ด้วยเหตุนี้ บุตรสาวที่ได้ถูกหลงลืมมาเนิ่นนาน จึงได้ถึงเวลาจับตัวนางมาขัดเกลาและส่งขึ้นเกี้ยวเจ้าสาวเพื่อแต่งงานแทนผู้เป็นพี่สาวของนางแล้ว
