บทที่ 4 ข้าไม่อยากนอนกับท่าน (1/2)
เสียงบานประตูแง้มออกแผ่วเบาท่ามกลางหมอกแห่งรัตติกาล เฉิงซินนอนหลับอยู่บนเตียงสะดุ้งตัวโยน พลางดีดกายลุกขึ้น รวบเอาผ้าแพรผืนบางขึ้นมาหุ้มเรือนกายของตนเอาไว้ด้วยท่าทีระแวดระวัง
"ผู้ใด!?"
"..."
เสียงฝีเท้าย่างกรายเข้ามาเชื่องช้า ไม่หนักไม่เบาจนเกินไป เฉิงซินพยายามเงี่ยหูฟัง คราก่อนที่นางได้เดินชมตลาดกับรองแม่ทัพเสวียนเฉิงฮุยบังเอิญเขาได้มอบมีดพกติดกายเล่มหนึ่งเอาไว้เพื่อให้เฉิงซินใช้ป้องกันตัวยามจำเป็น นางจึงลอบหยิบของมีคมขนาดเล็กชิ้นนั้นขึ้นมาด้วยฝ่ามือสั่นเทา
คงไม่ใช่เว่ยจวินอี้กระมัง เขาไม่เคยโผล่หัวมานานแล้ว
เฉิงซินลอบกลืนน้ำลายลงคอ ฝ่ามือกระชับมีดสั้นลายวิจิตรสีงาช้างภายในมือของตนแน่นขึ้น เหงื่อเย็นแตกพลั่ก นางพยายามครุ่นคิดถึงวิธีเอาตัวรอด
หรือร้องตะโกนออกไปเลย แต่หากโจรมันโกรธเล่าแล้ววิ่งเข้ามาจ้วงแทง กระนั้นคงไม่ตายอีกหนหรอกหรือ
ขณะที่เฉิงซินพยายามครุ่นคิด เงาสูงหม่นทะมึนก็มาหยุดยืนบริเวณข้างเตียงเสียแล้ว เฉิงซินเบิกตากว้างตะลึงลาน อาการลุกลี้ลุกลนจนทำอะไรไม่ถูก เงาด้านนอกแหวกผ้าแพรผืนบางออกเชื่องช้า ทันทีที่ผ้าถูกเปิดออก เฉิงซินพลันหลับดวงตาปี๋และจ้วงแทงมีดสั้นออกไปเบื้องหน้าสะเปะสะปะ ฝ่ามือของเธอถูกคว้าหมับเข้าอย่างจัง เฉิงซินถูกดึงลอยหวือนอนแผ่หลาลงบนที่นอน
นางตกใจรนจนเสียอาการ มือที่ยังคงถืออาวุธถูกล็อกติดกับฟูกนอน ปากที่กำลังอ้าเผยอเพื่อร้องตะโกนโดนตะปบเอาไว้เต็มเปา ด้วยความสลัวของแสงเทียนจึงทำให้นางมองผู้มาเยือนไม่ถนัดตานัก ทว่ากลิ่นกายที่ลอยเข้ามาแตะโพรงจมูกกลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
"กำลังทำสิ่งใด จะฆ่าสามีตัวเองหรืออย่างไร อีกอย่างหลับหูหลับตากวาดแทงมั่วซั่วเช่นนี้หากเป็นโจรเจ้าคงได้ตายไปก่อนแล้วกระมัง" เงากำยำกล่าวเสียงเข้ม เฉิงซินรู้ได้ทันทีว่าคือผู้ใด นางจึงหยุดดิ้นทันควัน
เมื่อรับรู้ถึงอาการสงบนิ่งของอีกฝ่ายแล้ว เขาจึงลดมือลงเชื่องช้า ทว่ามืออีกด้านยังคงกดข้อมือเฉิงซินเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
"เว่ยจวินอี้ ท่านมาได้อย่างไร"
"นี่ห้องของข้า ข้าจะกลับมาพักผ่อน มีตรงใดแปลกนักหรือ" เว่ยจวินอี้กล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจ
ทว่าเฉิงซินกลับถลึงดวงตามองเขาด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ "แต่ท่านไม่ได้กลับมานานแล้ว อีกอย่างข้าไม่อยากนอนร่วมห้องกับท่าน"
"หากไม่อยากร่วมห้องกับสามีตน เช่นนั้นเจ้าอยากร่วมห้องกับร้องแม่ทัพเสวียนหรืออย่างไร"
"เหลวไหล!" เฉิงซินเริ่มมีไฟโทสะปะทุก่อขึ้น
เหตุใดแม่ทัพเว่ยผู้นี้ต้องกล่าวดูแคลนนางเช่นนี้ด้วยเล่า นางและรองแม่ทัพเสวียนเป็นสหายกันมาตั้งแต่เยาว์วัย เฉิงซินไม่เคยคิดกับเสวียนเฉิงฮุยเกินคำว่าสหายแม้แต่น้อย ทว่าวันนี้กลับถูกวาจาจาบจ้วงของแม่ทัพหยามหยันเสียจนหน้าชา
"แล้ววันนี้เจ้าไปที่ใดมา ไปกับผู้ใดเช่นนั้นหรือ เดี๋ยวนี้ออกไปนอกจวนกลับไม่เคยบอกให้ข้าทราบ" เว่ยจวินอี้กล่าวเสียงเข้ม
"แล้วอย่างไร วัน ๆ ท่านก็ไม่ได้สนใจข้า ท่านดีกว่าข้าอย่างไร อย่าคิดว่าข้าไม่เห็นว่าท่านเองก็ลอบไปหาคุณหนูช่ายจี้ถง"
เว่ยจวินอี้ถูกตอกกลับเสียจนหน้าแทบหงาย เขาได้พบกับช่ายจี้ถงเมื่อวันก่อนจริง ทว่านั่นเป็นเพียงการพูดคุยราชการกับบิดาของนางเท่านั้น นางเป็นเพียงบุตรสาวที่ติดตามบิดามาร่วมด้วย เขาก็มิได้ขัดแต่อย่างใด คาดไม่ถึงว่าเฉิงซินกลับพบเข้า หรือว่านางกำลังคิดจับตามองเขาอยู่กันแน่
เว่ยจวินอี้กระแอม พยายามรักษาอาการเยือกนิ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบเรื่อย
"เจ้ารู้ได้อย่างไร"
"เหอะ! ไม่เพียงข้าที่รู้ ผู้อื่นเขาก็เล่าลือกันทั่ว"
อาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายกำลังนิ่งงัน เฉิงซินจึงยันกายขึ้น และผลักอกเว่ยจวินอี้ออกให้พ้นทาง ข้อมือที่ถูกพันธนาการเมื่อสักครู่หลุดออกแล้ว นางจึงหมุนไปมาเพื่อคลายความเจ็บปวด
"ในเมื่อเจ้าของมาทวงพื้นที่ข้าก็ไม่อยากอยู่ เช่นนั้นก็เชิญท่านนอนให้สบายใจ"
เฉิงซินตั้งท่าลงจากเตียง ทว่ากลับถูกสายตาดุดันตรึงเอาไว้เสียจนร่างกายชาหนึบ นางไม่กล้ากระดิกแม้แต่ปลายนิ้ว
"ปะ...ไปนอนตรงนั้น"
เฉิงซินชี้ไปยังเตียงไม้ขัดขนาดพอดีตัว ทว่าเล็กกว่าเตียงนอนอยู่มาก หากไปนอนตรงนั้นคงเมื่อยอยู่ไม่น้อย แต่กระนั้นนางก็ไม่อยากร่วมเตียงกับคนเลือดเย็นเช่นเว่ยจวินอี้ สู้ไปนอนหลังขดหลังแข็งยังดีเสียกว่าร่วมเรียงเคียงหมอนคนไร้หัวใจ
"ไม่ต้องไป" เว่ยจวินอี้กล่าวน้ำเสียงกระด้าง
"เอ๊ะ ท่านนี่อย่างไร ข้าจะไปไม่ให้ไป ทีข้าจะอยู่ก็ไม่เคยรั้งสักครา"
เฉิงซินหน้างอ นางไม่อาจเดาใจคนผู้นี้ได้เลย ทว่านางยังคงหวาดกลัวเขานัก เพียงแต่ข่มอาการเอาไว้เท่านั้น มีผู้ใดบ้างที่ไม่เกรงกลัวผู้ที่เคยสังหารตนมาก่อน สาบานได้เลยว่าการรอดกลับมาและได้รับความทรงจำติดมาด้วย ทำให้นางต้องมองโลกใบนี้ใหม่เสียแล้ว และนางไม่มีวันญาติดีกับแม่ทัพเว่ยผู้นี้อย่างแน่นอน รอเพียงวันจะได้หย่าขาดและออกจากจวนแม่ทัพแห่งนี้ในเร็ววัน
