บทที่ 3 ท่านหย่ากับข้าเถิด (2/2)
เฉิงซินยกแขนที่ยังเกิดรอยแดงขึ้น ทว่าดูเหมือนอีกฝ่ายไม่สนใจนางแม้แต่น้อย เฉิงซินจึงไม่ได้กล่าวสิ่งใดต่อ นางลดมือลงเดี๋ยวนั้น พลันหมุนกายเสียจนเกิดลมโกรก เว่ยจวินอี้ลอบมองไปยังข้อมือที่ยังเกิดรอยแดง หน้าของเขากระตุกวูบ
เฉิงซินกระฟัดกระเฟียดกลับไปแล้ว โจวหมิงจึงเข้ามาทันได้เห็นใบหน้าบูดบึ้งของสตรีที่สวนทางกับตนออกไปไว ๆ
"ท่านแม่ทัพ เกิดเหตุใดขึ้นเล่า ไฉนฮูหยิน" โจวหมิงเหลียวมองทางที่เฉิงซินจากไป และเบนหน้ากลับมายังนายของตน ขมวดคิ้วบางด้วยความฉงน
"นางมาขอหย่า"
"หา...ขอหย่าหรือ แล้วท่านตกลงเลยหรือไม่"
เว่ยจวินอี้ส่ายศีรษะ
"อ้าว เหตุใดท่านไม่หย่าเล่า ก็ในเมื่อท่านอยากแต่งกับคุณหนูช่ายจี้ถงมาโดยตลอดมิใช่หรือ"
เว่ยจวินอี้ละมือจากงานของตนอีกหน เขาหรี่นัยน์ตาลง ความรู้สึกของแม่ทัพยามนี้คล้ายมีบางอย่างไม่ถูกต้อง คราที่นางต้องการตัวเขาเฝ้าตามติดระรานตนแจ ซ้ำยังวางกลอุบายเสียจนได้ตบแต่งเข้ามา ทว่าแต่งงานยังไม่พ้นวัน นางก็ขอหย่า เช่นนี้ไม่ให้ตนเกิดข้อกังขาได้อย่างไร หรือนางอาจเป็นกลลวงของใครบางคน
"เจ้าไม่คิดว่ามันน่าแปลกอย่างนั้นหรือ"
"น่าแปลกอย่างไรหรือขอรับ" โจวหมิงงุนงง เขายังไม่เข้าใจเจตนารมณ์ของผู้เป็นนายอยู่วันยังค่ำ สตรีที่เกลียดชังขอหย่า ทว่าแม่ทัพกลับปฏิเสธ ครั้นเมื่อนางจ้องจะแต่งเขาก็ปฏิเสธเช่นกัน แม่ทัพเว่ยผู้นี้ช่างเอาใจยากโดยแท้
"เมื่อก่อนนางอยากแต่งงานกับข้าใจแทบขาด ทว่าวันนี้นางกลับยืนกรานที่จะหย่า มีบางอย่างผิดแผกไปไม่น้อย"
"ท่านแม่ทัพ ท่านคิดมากไปหรือไม่ขอรับ หย่าให้นางทุกอย่างก็จบ"
"ไม่ได้ เจ้าไปจับตาดูนาง หากมีสิ่งใดผิดปกติ ให้มารายงานข้าอย่าได้บกพร่องเด็ดขาด"
"ขอรับ"
"เดี๋ยวก่อน!"
โจวหมิงงุนงง พลางมองตามฝ่ามือของเว่ยจวินอี้ซึ่งกำลังควานหาบางสิ่งใต้โต๊ะของตน
"เอาไปให้นาง"
โจวหมิงรับมา เขาหมุนซ้ายหมุนขวาแล้วเบิกตากว้าง "ท่านแม่ทัพนี่..."
"พูดมากความ จะไปได้หรือยัง" เว่ยจวินอี้กล่าวเสียงขรึม
"ขะ...ขอรับ"
โจวหมิงจึงค้อมศีรษะเร็วรี่พลางหมุนกายเดินจากไปโดยไม่รอช้า
เขาจับตาดูเฉิงซินอย่างไม่คลาดสายตาตามที่นายของตนประสงค์ วันเวลาผันผ่านรวดเร็วราวพลิกฝ่ามือ แม่ทัพและฮูหยินไม่เคยร่วมห้องกันสักครา ทว่าสิ่งหนึ่งที่โจวหมิงนั้นต้องประหลาดใจอยู่ไม่น้อย
"ท่านแม่ทัพ ข้าว่าฮูหยินก็หาได้ทำการใดผิดแผกไป กลับเป็นที่รักใคร่ของบรรดาบ่าวรับใช้ด้วยซ้ำ ทว่ามีเรื่องหนึ่ง"
"หืม...เรื่องใด" เว่ยจวินอี้ขมวดคิ้ว เขาประหลาดใจอยู่ทีเดียวที่โจวหมิงเอ่ยว่าเฉิงซินเป็นที่รักใคร่ของบ่าวไพร่ ถึงจะเคยได้ยินเรื่องนี้แว่วผ่านหูมาบ้างก็ตาม น่าแปลกเสียจริง หลังแต่งงานอุปนิสัยของคนผู้หนึ่งสามารถแปรผันได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ
"ข้ามักเห็นนางออกไปนอกจวนอยู่บ่อยครั้ง ฮูหยินนาง นาง..."
"มัวอ้ำอึ้งด้วยสิ่งใด"
"ข้าเห็นนางไปพบกับรองแม่ทัพเสวียนอยู่บ่อยครั้ง เอ่อ..."
"เจ้าว่าอย่างไรนะ ลอบพบกับรองแม่ทัพเสวียน" เว่ยจวินอี้ละสายตาจากงานของตน หน้าของเขากระตุกเล็กน้อย ในดวงตามีเปลวโทสะขึ้นมาระลอกหนึ่ง
"ตะ...แต่ว่า พวกเขาเพียงเดินเที่ยวชมของในตลาดและแผงลอย แล้วก็แวะทานอาหารกันบ้างก็เพียงเท่านั้น คำพูดอื่นข้าแทบไม่ได้ยินว่าท่านรองแม่ทัพกับฮูหยินสนทนาสิ่งใดกัน ข้าเกรงว่าหากเข้าใกล้มากไปกว่านี้อาจถูกจับได้"
เว่ยจวินอี้ยกมือขึ้นปราม เขาลุกพรวดขึ้นอย่างรวดเร็ว เปลวเทียนที่สว่างหรุบหรู่ใกล้มือหนึ่งเล่ม ดับวูบลงราวรู้ถึงอารมณ์เย็นเยียบในแววตาของตน
"ท่านแม่ทัพจะไปที่ใดหรือขอรับ"
โจวหมิงตั้งท่าเดินตามนายของตนออกไปทว่ากลับถูกร้องปรามเอาไว้เสียก่อน "เจ้ากลับไปพักได้แล้ว ไม่ต้องตามข้า คืนนี้ข้าจะกลับหอนอน"
"หา...กลับหอนอนหรือ" ร้อยวันพันปี นับตั้งแต่เฉิงซินก้าวเข้ามา เว่ยจวินอี้แทบไม่เฉียดเข้าใกล้พื้นที่ที่มีอีกฝ่ายอยู่แม้แต่น้อย ทำราวกับว่าจะติดเชื้อกลับมาอย่างไรอย่างนั้น ทว่าอยู่ ๆ วันนี้นายของเขากลับเดินดุ่ม ๆ มุ่งหน้าไปเรือนนอนของตนด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ กลับสร้างความฉงนให้โจวหมิงอยู่ไม่น้อย
"แม่ทัพเป็นอะไร หึงหรือ" โจวหมิงขมวดคิ้ว พร่ำคุยกับตัวเองราวพวกเพ้อพก พลางสั่นส่ายศีรษะไปมา "ไม่จริงหรอกน่า ท่านแม่ทัพมีคุณหนูช่ายจี้ถงทั้งใจ"
โจวหมิงจึงทำได้เพียงยกมือขึ้นเกาศีรษะเกาแก้มแก้เก้อมองเจ้านายหายลับไปตามทาง ส่วนเว่ยจวินอี้กลับสาวเท้าฉึบฉับด้วยอาการร้อนรุ่มราวกับว่าถูกคนเอาเปลวเพลิงมาสุมดวงอก กัดฟันกรอดด้วยความกราดเกรี้ยว ไม่รู้เหตุใดตนจึงต้องหงุดหงิดถึงเพียงนี้
เฉิงซินเจ้าช่างทำงามหน้ายิ่งนัก