บทย่อ
เพราะไม่อยากเป็นตัวตลกให้ต้องถูกเหยียดหยาม โอกาสในการย้อนกลับมาร่างเดิมหนนี้ นางจึงทำทุกวิถีทางเพื่อหย่ากับสามีที่ไม่เคยปันใจแก่ตนให้จงได้!
บทที่ 1 โอกาสใหม่ของข้า
ท่ามกลางความเงียบสงัดของราตรีกาล มีเพียงเสียงลมหายใจเข้าออกยุ่งเหยิงหนักหน่วงดังเป็นระยะมาจากเตียงไม้ขัดเนื้อดี
เฮือก!
“ข้าตายหรือยัง!”
เฉิงซินดีดกายผึง หายใจหอบเหนื่อยเสียจนหน้าอกกระเพื่อมไหว สีหน้าซีดขาวผุดพราวด้วยหยาดเหงื่อเย็น ภายใต้ผ้าแพรสีชาดที่คลี่คลุมและบดบังใบหน้านัยน์ตามองลอดไม่รู้ทิศทาง
“หืม…ผ้าผืนนี้คือสิ่งใดกัน” คิ้วสวยเคลื่อนเข้าหากันเชื่องช้า จิตใจของนางเต้นระทึกทว่ายังคงครองสติเอาไว้มั่น เฉิงซินเอื้อมมือขึ้นแล้วจึงเลิกผ้าคลุมซึ่งกำลังซ่อนเร้นกรอบหน้าและการมองเห็นของตนออกด้วยความสั่นเทา
พรึบ!
ดวงตากลมโตกะพริบถี่หญิงสาวตะลึงลานถึงขีดสุด
“ไม่ใช่ว่าข้าอยู่งานแต่งอนุช่ายจี้ถงหรอกหรือ”
ปัง!
เสียงฝีเท้าเดินโซซัดโซเซไม่เป็นจังหวะ กลิ่นสุราคละคลุ้งจนแทบเวียนศีรษะ หญิงสาวเบิกตากว้างเมื่อพบว่าผู้ที่ยืนใบหน้าแดงก่ำหน้าธรณีทางเข้า ซ้ำยังเมามายคล้ายเสียสติไปแล้วคือผู้ใด
“ท่านแม่ทัพ!”
ภาพเบื้องหน้ายิ่งเพิ่มความตระหนกให้เฉิงซินยกใหญ่ มิใช่ว่าวันนี้คืองานแต่งฮูหยินรองของแม่ทัพเว่ยจวินอี้หรอกหรือ เหตุใดผู้ที่สวมชุดวิวาห์จึงเป็นนางเล่า เหตุใดจึงกลายเป็นว่านางมานั่งอยู่ในห้องหอเสียเอง
เฉิงซินครุ่นคิด สีหน้ามึนงงถึงขีดสุด
มีบางอย่างไม่ถูกต้อง
เฉิงซินจึงกวาดสายตามองไปโดยรอบ การประดับประดาห้องภายในเต็มไปด้วยของมงคลสีแดงฉานซ้ำยังอยู่เคียงกันเป็นคู่ สิ่งเหล่านี้ช่างคุ้นเคยแทบไม่มีอะไรแปรเปลี่ยนแม้แต่น้อย
นี่มันงานวิวาห์ของนางเองเมื่อสามปีก่อน!
เฉิงซินนั่งแข็งทื่อราวถูกอสนีบาตฟาดกลางกระหม่อม
ข้ายังไม่ตายทว่าย้อนกลับมาเมื่อสามปีก่อนหรอกหรือ!
“ท่านแม่ทัพหรือ นี่เจ้าไม่เรียกข้าว่าท่านพี่แล้วรึ!” คนเมากล่าวหน้าขรึม
เฉิงซินพยายามสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด กล่าวอ้อมแอ้ม “ยกเลิกงานแต่งเถอะ!”
“หืม…”
ผู้มาเยือนยืนแทบไม่ตรง ราวกับหายเมาไปชั่วขณะ ก่อนสีหน้าจะเขียวคล้ำ รอยยิ้มเย็นเยียบผุดขึ้นเสียจนผู้มองอยู่เสียวสันหลังวาบ ศีรษะชาดิกขึ้นมาเดี๋ยวนั้น
“เจ้าจะเอาอย่างไร คนที่อยากแต่งก็คือเจ้า! มาตอนนี้พิธีมันเสร็จสิ้นแล้ว จะยกเลิกก็คิดตื้นเขินเช่นนี้เลยหรือ ไม่ใช่ว่าเป็นกลลวงใดของเจ้าอีกหรอกนะ” เว่ยจวินอี้กล่าวเสียงขรึม ชี้หน้าอีกฝ่ายส่ง ๆ ด้วยอารมณ์คุกรุ่น
มือหยาบกร้านคว้าหมับเอาข้อมือของเฉิงซิน นางพยายามหมุนแขนเพื่อคลายพันธนาการ แต่ดูเหมือนว่ากลับถูกอีกฝ่ายเพิ่มแรงบีบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ
“ท่านปล่อยข้า ข้าเจ็บ!” ใบหน้าเฉิงซินเหยเก นางยังคงพยายามดิ้นรนเพื่อคลายข้อมือของตนออกให้พ้นคนเสียสติเบื้องหน้า
“ปล่อยหรือ แล้วทีข้าบอกให้เจ้าปล่อยข้าไปในวันนั้น เจ้าฟังข้าหรือไม่ เหอะ!” เว่ยจวินอี้ยิ้มเยาะราวพบเรื่องขบขัน ทว่าน้ำเสียงและสีหน้ากลับแสดงถึงความหยามหยันเต็มประดา
เฉิงซินจะไม่ทนอีกต่อไป เหตุใดนางจึงหน้ามืดตามัวหลงรักบุรุษป่าเถื่อนผู้นี้ไปได้กันนะ เว่ยจวินอี้ปฏิบัติต่อนางอย่างแล้งน้ำใจเช่นไร เฉิงซินย่อมรู้ดีทั้งหมด โอกาสกลับมาหนนี้นางจะไม่ยอมตกเป็นเบี้ยล่างของแม่ทัพบ้าเลือดผู้นี้อีกอย่างแน่นอน
“ข้าไม่อยากแต่งงานกับท่านแล้ว หลังจากนี้ท่านเป็นอิสระ เชิญกลับไปหาคนรักของท่านได้ตามใจ”
เว่ยจวินอี้หัวเราะหึ เขาควานฝ่ามือปลดเข็มขัดบริเวณเอวตนออก
เฉิงซินตะลึงลานเบิกตากว้าง
“ท่านกำลังทำสิ่งใด!?”
ใบหน้าคมสันคล้ายยิ้มแต่มิยิ้ม มองดูแล้วถึงกับทำให้จิตใจชาวาบขึ้นมาโดยไร้สาเหตุ
“สตรีตลบตะแลงเช่นเจ้า ข้าไม่เชื่อหรอก คงลอบวางแผนคิดกระทำสิ่งไม่ดีอีกน่ะสิ”
เว่ยจวินอี้จึงรวบมือทั้งสองของเฉิงซินผูกด้วยเข็มขัดหนังเนื้อดีของตนเอาไว้อย่างหนาแน่น เฉิงซินดิ้นรนพลางด่าทอด้วยวาจากระด้างซึ่งรู้จักเพียงกะพร่องกะแพร่ง
“ปล่อยข้านะ คนใจดำ อำมหิต หยาบช้า”
เฉิงซินคนเดิมอาจหลงใหลแม่ทัพเว่ยผู้นี้จนหัวปักหัวปำ ทว่าเฉิงซินที่ได้หวนกลับมาในครานี้จะไม่ยอมให้อดีตครอบงำและหวนมาทำร้ายตนได้อีก
เว่ยจวินอี้ลดดวงตามอง โทสะของเขากำลังผุดขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ เว่ยจวินอี้กัดฟันกรอด เอ่ยลอดไรฟัน “อยู่ตรงนี้ไปจนเช้าเถอะ สตรีร้อยมารยาเช่นเจ้า ไม่ต้องดีดดิ้นให้มากความ ข้าหรือจะยอมแตะต้อง!”
กล่าวจบเว่ยจวินอี้จึงสะบัดกายเดินโผเผเนื่องจากยังไม่คลายจากฤทธิ์สุราออกนอกห้อง พลางเตะโน่นทำลายนี่เสียจนเฉิงซินที่มองดูต้องตกใจสะดุ้งตัวโยนเป็นระยะ
“นี่!! แม่ทัพบ้า หากอยากไปก็มาปล่อยข้าก่อน มัดไว้เช่นนี้เลือดลมข้าไม่เดิน เช้ามาต้องตัดแขน ท่านรับผิดชอบไหวหรือไม่!”
“…”
“นี่!”
“…”
เฉิงซินลดน้ำเสียงที่ร้องเรียกอีกฝ่ายลง เมื่อนางได้รับเพียงความเงียบสงัดตอบกลับมา ถึงกู่ตะโกนออกไปก็ไร้ประโยชน์ แม่ทัพเว่ยผู้นี้เป็นคนเช่นไร ต่อว่าด่าทอซ้ำไม่สนใจไยดีนาง ทว่าเมื่อเฉิงซินเป็นฝ่ายร้องขอยกเลิกงานแต่งกลับไม่ยินยอมเสียอย่างนั้น คนใจแคบ
เฉิงซินกล่าวอ้อมแอ้มเบาหวิว “ข้าไปรักคนเช่นท่านได้อย่างไรกัน โอกาสที่ได้รับหนนี้ ข้าจะมาหย่ากับท่าน! แม่ทัพงี่เง่า ปล่อยข้า!” ก่อนที่นางจะม่อยหลับไปเพราะความอ่อนล้าทั้งที่ตนถูกมัดตรึงอยู่เช่นนั้น
เพราะเฉิงซินปักใจรักบุรุษผู้นี้มาเนิ่นนาน รักเสียจนหน้ามืดตามัว นางจึงยอมทำทุกอย่างแม้กระทั่งแย่งชิงคนรักของผู้อื่น ก่อนงานเลี้ยงวันเกิดครบรอบยี่สิบปีของเฉิงซินบุตรสาวเสนาบดีสำนักตรวจราชการ นางพยายามอ้อนวอนบิดาเพื่อขอเชิญชวนแม่ทัพเว่ยมาร่วมงานให้จงได้
และเมื่องานเลี้ยงมาถึงเฉิงซินจึงลอบมอมยาเว่ยจวินอี้ หลังจากนั้นนางจึงจัดฉากเล่นละครตบตาผู้คน ว่าตนได้ตกเป็นฉันสามีภรรยากับแม่ทัพเว่ยเข้าแล้ว เสนาบดีสำนักตรวจราชการโมโหจัดเสียจนแทบเกิดลมจับ เขาทราบดีว่าบุตรสาวของตนชื่นชอบแม่ทัพเว่ยผู้นี้เพียงใด เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าทั้งสองจะรีบเร่งทำข้าวสารให้เป็นข้าวสุกรวดเร็วและน่าอับอายปานฉะนี้
เว่ยจวินอี้บังเกิดโทสะ กระนั้นก็ไม่อาจปฏิเสธภาพที่ปรากฏต่อสายตาสาธารณชนได้ งานหมั้นของคุณหนูช่ายจี้ถงและเขาจึงถูกยกเลิก ซ้ำยังต้องรับสมรสพระราชทานเพื่อวิวาห์กับเฉิงซิน ทั้งที่ตนกระทำสิ่งนั้นลงไปโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัวด้วยซ้ำ
เว่ยจวินอี้เกลียดชังเฉิงซินมาโดยตลอด นางทำให้เขาต้องพรากจากคนที่รัก ไม่ว่าเวลาผันผ่านมานานหลายปี เว่ยจวินอี้ล้วนไม่เคยแตะต้อง หรือร่วมเรียงเคียงหมอนกับนางแม้แต่ปลายเส้นผม
ผู้ใดก็ว่าฮูหยินจวนแม่ทัพนั้นไร้ยางอายยิ่งนัก นางถูกผู้เป็นสามีรังเกียจเดียดฉันท์ เพราะใช้มารยาร้อยเล่มเกวียนเพื่อให้ได้ตบแต่งเข้ามาแย่งชิงตำแหน่งฮูหยินจวนแม่ทัพเว่ย จากคุณหนูช่ายจี้ถงซึ่งชอบพอกันอยู่กับแม่ทัพมานานนมไปอย่างหน้าด้านหน้าทน
สามปีต่อมาแม่ทัพเว่ยชนะศึกใหญ่ จึงได้รับสมรสพระราชทานจากฝ่าบาทอีกหน คือคุณหนูช่ายจี้ถง เพื่อขึ้นเป็นฮูหยินรอง พิธีการดำเนินไปอย่างราบรื่น ขณะที่คำนับฟ้าดินในงานพิธี ฮูหยินใหญ่เกิดคลุ้มคลั่ง นางถือมีดสั้นเข้าไปหมายจะเอาชีวิตคุณหนูช่ายจี้ถง ด้วยสัญชาตญาณนักรบแม่ทัพเว่ยจึงเผลอปักมีดพกข้างกายตัดขั้วหัวใจฮูหยินใหญ่ของตนจนสิ้นชีพ
"อย่า!"
เฉิงซินสะดุ้งตื่น ทว่ากลับพบว่าตนยังถูกมัดติดกับเสา ด้านนอกเริ่มเกิดแสงสว่างแล้ว นัยน์ตาของนางหรี่เล็กลงเรื่อย ๆ
“ข้ากลับมาอีกครั้งจริง ๆ สินะ แล้วเหตุใดจึงไม่มาตอนยังไม่แต่งงานเล่า ย้อนคืนยามนี้ข้าจะแก้ไขมันอย่างไร”
เฉิงซินถอนหายใจอย่างคิดไม่ตก
ปึง!
ประตูบานหนาล้มลงเสียจนฝุ่นตลบ
“สติฟั่นเฟือนหรือไร เหตุใดต้องทำลายข้าวของ” เฉิงซินแผดเสียงอย่างไม่สบอารมณ์
จุดจบคราก่อนเป็นเช่นไรนางย่อมรู้ดีแก่ใจ กลับมาครานี้นางไม่มีทางเดินบนเส้นทางสายเดิมอย่างแน่นอน
