8.ชีวิตที่ไร้สมบัติคือการมีชีวิตที่ไร้สุข
หนึ่งคนกับอีกสองตัวมองกองสมบัติมหาศาลตรงหน้าแล้วน้ำลายส่อออกมาอย่างห้ามไม่ได้ มีของพวกนี้ไม่ต้องกลัวอดตายขาดอะไรแค่ไหนก็ได้แต่ห้ามขาดเงิน เมื่อมีเงินจะใช้เงินจ้างผีโม่แป้งเมื่อไหร่ก็ได้ นี้มันง่ายเสียยิ่งกว่าตักข้าวเข้าปากตัวเองอีก
" แต่ว่าสมบัติพวกนี้มีพลังวิญญาณถ้าหากเอาออกจากที่นี้ไปอาจทำให้พลังพวกนี้จางลงเพราะถูกรบกวน " เอาเป็นว่าดูดกลืนให้หมดก่อนแล้วกันแล้วมาชำระล้างเลื่อนระดับต่อ
" เอาเป็นว่าพวกเรามาแยกสมบัติออกเป็นสามส่วนกันก่อนสองส่วนเก็บไว้ในถุงมิติมันสามารถกักเก็บพลังวิญญาณได้ อีกส่วนพวกเรามาดูดกลืนเลื่อนระดับกันเถอะจะได้ไม่เสียเวลาเปล่าที่เข้ามาฝึกในป่านี้ " ซ่งซิงเหลียนที่ทนรอไม่ไหวแล้วกับสถานการณ์ที่อำนวยมอบพรให้เธอขนาดนี้ตอนนี้ทั้งร่างกายและพลังปราณในจุดตันเถียนของเธอทะลักออกมาจนยากที่จะหยุดยั่งในการทะลวงเลื่อนระดับในครั้งนี้แล้ว
มีแต่ต้องทำในตอนนี้ที่อยู่ในถ้ำกลางป่าที่ห่างไกลแบบนี้จะช่วยปกปิดปรากฏการที่ผิดแปลกจากธรรมชาติได้ เพราะการที่มนุษย์ผู้ฝึกพลังจะเลื่อนระดับการฝึกฝนในแต่ละดานแต่ละระดับจะเกิดปรากฏการต่อต้านจากฟ้าดิน ซึ่งมักจะมาในหลากหลายรูปแบบยิ่งแข็งแกร่งการเลื่อนระดับยิ่งยากพลังทำลายล้างจากฟ้าดินยิ่งสูง
การทำให้เกิดปรากฏการฟ้าดินปั่นป่วน คนธรรมดาอาจไม่รู้สึกอะไร แต่สำหรับผู้มีพลังพิเศษแล้ว จะรู้สึกได้ถึงการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเพราะว่า มีผู้ผ่านด่านเลื่อนระดับสำเร็จ อาจทำให้เกิดความวุ่นวายได้ หากมาอย่างมิตรก็ดี แต่ถ้าหากมาช่วงชิงสมบัติหรือพลังฟ้าดินที่เหลือ นั่นจะทำให้เกิดผลร้าย เพราะขณะเวลานั้นผู้ผ่านด่านนั้น จะอยู่ในช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุด
" กุ๊ก/จิ๊บ" ได้เลยเจ้านายตัวน้อย เพราะทั้งสองก็หิวเหมือนกันอยากจะได้พลังแล้ว เลื่อนระดับให้เร็วๆขนของมันที่หลุดร่วงจะได้ขึ้นเร็วๆ ถ้าเกิดออกจากป่าไป เกิดเจ้าสัตว์พวกธรรมดานั้นเห็น คงหัวเราะเยาะมันทั้งสองเป็นแน่ๆ
อุตส่าห์ทนให้กลายเป็นไก่และนกพร้อมย่างมาเป็นเดือนจะให้อยู่ในสภาพนี้ต่อไปไม่ได้แล้ว
ว่าแล้วเจ้าสองตัวเสี่ยวเฟยและเสี่ยวฝาน ก็ทิ้งตัวไปใกล้ๆกองสมบัตินั้น แล้วเริ่มดูดทรัพย์พลังวิญญาณ รอบๆเข้าจุด ส่วนเสินเหมินที่เปิดอยู่ในร่างภูติของพวกมัน จะสังเกตได้ว่าพลังวิญญาณค่อยๆหล่อหลอมเข้าสู่ร่าง อย่างช้าๆ
ซ่งซิงเหลียน เมื่อเห็นเจ้าสองตัวเริ่มลงมือแล้ว เธอก็ไม่รอช้าเช่นกัน นั่งเข้าฌานสมาธิดูดซับพลังวิญญาณรอบๆกองสมบัตินั้นอย่างบ้าคลั่ง อุตส่าห์ได้มา ฝึกฝนบนภูเขาที่พลังมากมายขนาดนี้ จะทิ้งให้เสียเปล่าไม่ได้
ระยะเวลาผ่านไปเกือบ 3 วัน เสี่ยวเฟยแล้วเสี่ยวฝาน ทั้งสองตัวก็ลืมตาขึ้น อย่างดีใจที่พวกมันสามารถฝ่าด่านกลั่นลมปราณมาถึงระดับที่ 13 ได้แล้ว ขนที่งดงามเปล่งประกายระยิบระยับมาพร้อมๆกับร่างกายที่แข็งแรงกรงเล็บที่คมกริช
" กุ๊ก กุ๊กกุ๊ก " เสี่ยวเฟยวิ่งปรี่ไปที่กระจกทองเหลืองโบราณ ตอนนี้ มันไม่ใช่ไก่ป่าธรรมดาๆแล้ว ทั้งรูปร่างและพลังวิญญาณของมันจะเรียกว่า ไก่ก็ไม่ใช่นกก็ไม่เชิง ทั้งขนาดตัวที่สูงสง่า ขนสีแดงสวยเปล่งประกาย มาพร้อมๆกับหงอนที่ดูงดงามของมัน ทำเอาเจ้าไก่เสี่ยวเฟย ตื่นตะลึงหน้ากระจกทองเหลืองพักใหญ่
" กุ๊กๆๆ " เจ้านายน้อยของมันไม่ได้โกหกเลย ขนน่ะเมื่อไหร่ก็ทำให้งดงามได้ เมื่อมันมีความแข็งแกร่งมากพอ ต่อไปนี้สมบัติคืออันดับ 1 ของมันที่จะต้อง ให้ความสำคัญ
" จิ๊บๆ " ถอยไปให้ฉันดูบ้างได้ไหม เสี่ยวฝานใช้ร่างขนาดใหญ่โตของมันที่ใกล้เคียงกับเจ้าไก่เสี่ยวเฟย เมื่อตอนเป็นไก่ป่าธรรมดาๆ กระแทกเบาๆให้เจ้าไก่เสี่ยวเฟยหลบออกจากกระจกทองเหลือง
บอกให้มันถอยอะไร นี่เรียกว่าถีบมันชัดๆ
" กุ๊กๆๆๆๆๆๆๆ " นายจะข่มเหงรุ่นพี่หรือ กำแหงหรือ คิดว่าเจ้านายชอบมากกว่าล่ะสิ ไม่มีความเกรงใจหรือ ไร้มารยาทเจ้าเสี่ยวฝาน เสี่ยวเฟยกลิ้งหลายตลบบนพื้นถ้ำ เมื่อลุกขึ้นได้ ก็ใช้ปีกอันงดงามชี้ด่าเจ้าเสี่ยวฝานยังยืนงงกับคำด่าของมัน
เหมือนว่าจะนอกจากพลังจะเลื่อนระดับแล้ว สกิลการด่าไฟแลบของเจ้าเสี่ยวเฟยจะพัฒนาขึ้นด้วย ทำเอามันหูอื้อสมองนกเล็กๆประมวลผลไม่ทันเลยทีเดียว
" จิ๊บๆจิ๊บจิ๊บจิ๊บๆ " รุ่นพี่พูดอะไรฉัน หรือจะกล้าทำแบบนั้นกับพี่ มันแค่บินมายืนข้างๆใครจะรู้ว่าปีกของมันจะไปกระแทกรุ่นพี่เข้า ไม่รู้เลยว่าการเลื่อนระดับของมันจะเหนือกว่ารุ่นพี่ไป 1 ท่าน ทำให้มันไม่ได้ยั้งแรงเลย
" จิ๊บๆๆ " ขอโทษ ขอโทษรุ่นพี่ ฉันจะระวังตัวกว่านี้ ฉันไม่คิดว่าจะทำให้รุ่นพี่เจ็บตัวเลยก็พี่เก่งกว่าฉันนี่นา
" กุ๊ก " ก็ได้ก็ได้ฉันไม่ถือสา
เสี่ยวฝานเมื่อรอดตัวแล้วก็ได้แต่คิดในใจว่า รุ่นพี่ตัวนี้ค่อนข้างจะขี้น้อยใจและขี้อิจฉาหน่อยๆ แต่ก็สามารถอยู่ร่วมกันได้อย่างดีเลย เพราะมันมีจิตใจที่ค่อนข้างซื่อตรงและไม่คิดอะไรมากมายเท่าไหร่นัก และเมื่อเป็นอย่างนี้มันก็ต้องคอยดูแลรุ่นพี่ตัวนี้ให้ดีหน่อย ในภายหน้า
เมื่อพูดจากันลงตัวแล้ว ทั้งสองตัวก็ค่อยๆมองกันอย่างเปรียบเทียบผ่านรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปแทบจะไม่เหมือนไก่และนกเลย
เสี่ยวเฟยมองเจ้านกเสี่ยวฝานที่มีขนาดตัวใกล้เคียงกับมันตอนที่เป็นไก่ป่าสาวธรรมดาๆ แต่กลับมีลักษณะของเหยี่ยวตัวเต็มวัย ขนสีน้ำตาลมันเงา จะงอยปากคมกริบสีเหลืองเข้มสดใสดวงตาคมกริบ แต่ดูเหมือนว่าสิ่งที่ไม่เปลี่ยนไปเลย ก็คือหัวที่เป็นนกกระจอก เหมือนเดิม
ทั้งสองต่างมองดูกันคู่ใหญ่ จะเรียกว่าทั้งสองว่านกหรือไก่ดีล่ะ
เอาเป็นว่าให้เจ้านายตัวน้อย ตอบคำถามคนอื่นยังไงดี คนอื่นที่ว่าน่ะคงมีไม่กี่คนหรอกที่อาจเห็นพวกมันหรือให้บอกว่า พวกมันเป็นสัตว์ที่ซื้อมาจากตลาด แทนเจ้าทั้งสองตัวที่ตายไปแล้ว แต่พวกมันยังไม่อยากตายนะ
เมื่อคิดถึงเจ้านาย ก็มองไปที่ซ่งซิงเหลียนที่ยังนั่งเข้าฌานสมาธิ พลังวิญญาณ หมุนเวียนจากธรรมชาติหลายๆ หลั่งไหล เข้าสู่เข้าสู่เสินเหมินอย่างบ้าคลั่ง ไม่เพียงแต่พลังวิญญาณที่มาจากกองสมบัติที่ยังเหลืออยู่ แต่มันมาจากพลังวิญญาณรอบๆ ที่พุ่งเข้ามาไม่รู้ว่าจากที่ไหน น่าจะมาจากพลังธรรมชาติที่อยู่ใกล้ๆถ้ำแห่งนี้เจ้านายของมัน สามารถดึงดูดพลังได้ไกลขนาดนั้นเลย
มิน่าล่ะ ตอนที่พาเจ้านายตัวน้อยไปหยุดพักที่จุดแรก รังเก่าของมันที่เคยอาศัยอยู่กำลังวิญญาณที่มันรู้สึกได้ เมื่อหยุดพักแรมที่รัง รุ่งเช้า ถึงกลับหายไปหมด ทำเอาเจ้าพวกนกที่เหลืออยู่แตกตื่นแยกย้ายรังกันไปเลย
ที่แท้แล้วเป็นมันเองที่พาหัวขโมยเข้าบ้าน
จะเรียกว่าหัวขโมยก็ไม่ได้เพราะมันกลายเป็นลูกสมุนของเจ้านายตัวน้อยไปแล้ว ว่าเจ้านายก็ว่ามันด้วยน่ะสิ มันไม่ใช่โจรนะ แค่กินข้าวของที่บ้านเอง
" กุ๊กๆ " รอเจ้านายแบบนี้ก็เสียเวลาเปล่าสู้เราเอาเวลาไปหาสมบัติในป่า พอเจ้านายฝึกเสร็จเห็นเราได้สมบัติเพิ่มคงจะดีใจ
" จิ๊บๆๆๆๆ " รุ่นพี่ฉันเห็นด้วย เคยได้ยินเจ้านายบอกว่ายิ่งถ้าการเลื่อนขั้นไปในระดับที่สูงขึ้นจะต้องใช้ทรัพยากรมากขึ้น เราต้องหาสมบัติให้ได้มากๆ สมบัติที่ไม่ได้เสียเงิน ก็คือของฟรีที่อยู่ในป่า
คิดได้แบบนั้น ชอบ 2 ตัวเสี่ยวเฟยและเสี่ยวฝาน ก็พยักหน้า เป็นการตกลง ในการ ที่มีความคิดเห็นตรงกันเป็นครั้งแรก โดยไม่ตบตีทางวาจาและร่างกายกัน
หุบเขาแห่งแดนใต้นี้ กินพื้นที่ไปหลายมณฑล ภูเขาที่สลับซับซ้อน ทอดยาวไปหลายพันกิโล พวกมันสำรวจได้ไม่ถึง 1 ใน 10 ด้วยซ้ำ ยังต้องมีสมบัติอีกมากมายแน่ๆ แต่ตอนนี้ พวกมันยังแข็งแกร่งไม่พอที่จะบุกเข้าไป คงต้องรอเจ้านาย เอาเป็นว่าสมบัติโดยรอบเป็นของพวกมันไปก่อนแล้วกัน ถ้าจะให้พวกมันเข้าไปลึกกว่านี้ ก็กลัวว่าเจ้าถิ่นเดิม จะจับพวกมันเป็นอาหารว่างมากกว่า
เปรี้ยง
ฟิ้วววว
ซ่า
เสียงฟ้าผ่าและลมที่กระโชกแรง บริเวณถ้ำ ทำให้เจ้า เสี่ยวฝานและเสี่ยวเฟย รู้ได้ทันทีว่า เจ้านายน้อยของมันเลื่อนระดับสำเร็จแล้ว ยิ่งปรากฏการณ์น่ากลัวแบบนี้ คงจะเป็นการข้ามระดับที่สูงมากจริงๆ ทำให้พวกมันที่กำลังคาบโสมอายุเกือบ 500 ปี กลับเข้าถ้ำต้องหลบอยู่ที่มุมหนึ่งของต้นไม้ ยังไม่กล้าเข้าไปในถ้ำเลย ถ้าเกิดเข้าไปแล้วก็อาจถูกฟ้าผ่าตายได้ เอาเป็นว่าให้เหตุการณ์สงบลงก่อนเถอะ แล้วพวกมันค่อยไปขอดูดกลืนพลังฟ้าดินนิดหน่อยบ้างเป็นรางวัล
เมื่อเหตุการณ์สงบลงแล้ว ทั้งสองตัวก็ใช้พลังเฮือกใหญ่ลากโสมขนาดเท่าหัวไช้เท้าเข้าถ้ำไปอย่างรวดเร็ว เมื่อเห็นเจ้านายตัวน้อยที่ร่างทั้งร่าง เปล่งแสงละอองสีขาวจ้า ก่อนจะค่อยๆ หายไป พลังที่เห็นไม่ได้หายไปไหน แต่กลับเข้าสู่ตันเถียนจุดวงกลมขนาดเท่ากำปั้นเด็กค่อยๆหลอมรวมเป็นร่างหยินหยางลง
เจี่ยตัน
เจ้านายที่เก่งกาจของมันถึงกับอยู่ในระดับหลอมแก่นปราณสร้างเจี่ยตันได้แล้ว