5.ปล้นรังโจร
ครึ่งเดือนผ่านไปในหุบเขาที่ถูกล่าสมบัติ อุ้ยยยยสำรวจตรวจตราทางชีววิทยาด้านพืชและแร่ธาตุจากธรรมชาติยังไงหรอ
นับตั้งแต่สุมนไพรที่หาได้ทั่วไปอย่าง เก๋ากี้ ไปจนถึงสมุนไพรหายากอย่างโสมเลือดอายุห้าร้อยปีที่เธอกับเจ้าเสี่ยวเฟยและเสี่ยวฝานขุดเขี่ยออกจากพื้นดินอย่างระมัดระวังเพราะแต่ละรากต่างก็เป็นสมบัติฟ้าดินที่แลกมาจากกาลเวลาในการเติบโตไปต่างมาอยู่ในถุงมิติของเธอ และตอนนี้พวกเธอกำลังใช้พลังปราณขุดพื้นถ้ำใหญ่ใจกลางหุบเขาที่กว่าจะมาถึงที่หมายการล่าสมบัติตรงนี้ก็กินเวลาไปเกือบครึ่งวัน และใช้วลาอีกครึ่งวันในการทลายทำมาอีกฝั่งของหุบเขาเพื่อขุดพื้นถ้ำนี้
" นี้คือของล้ำค่าที่ว่าหาเจอแล้วใช้ประโยชน์ได้ต้องเป็นคนที่รู้วิธีและการทำด้วย " เจ้าสิ่งที่เธอมาดหมายตรงหน้าคือสิ่งที่แม้แต่เซียนชั้นสูงก็ยังยากจะต้านทานแล้วตอนนี้ที่เธอกลายเป็นมนุษย์ที่แค่เป็นผู้ฝึกตนขั้นสร้างรากฐานระดับปลายจะกลืนน้ำลายเดินผ่านได้ยังไง
" กุ๊กๆ " เสี่ยวเฟยที่สภาพไม่ต่างจากไก่ที่พร้อมจะกลายเป็นไก่ขอทานได้ทุกเมื่อใช้กรงเท้าที่ตอนนี้ไม่ต่างกรงเล็บเหยี่ยวที่แหลมคมดุจใบมีดขุดเขี่ยพื้นถ้ำหิน ตอนนี้ระดับของมันสูงขึ้นมากจากภูตสัตว์ขั้นกลั่นลมปราณกลางระดับ8มาอยู่ในระดับ10เรียกได้ว่าข้ามมาถึงสองระดับในเวลาแค่ครึ่งเดือนเพียงแค่ผ่านการฝึกฝนด้านร่างกายเท่านั้น
ถ้าใช้ยาร่วมการฝึกด้วยล่ะก็จะต้องพัฒนารวดเร็วแข็งแกร่งไปอีกหลายเท่า
แต่ตอนนี้เธอและมันสองตัวต้องการรากฐานที่แข็งแกร่งและมั่นคงมากกว่าเพื่อที่ข้างหน้าจะสามารถสู้กับด้านที่ตนเองบกพร่อง นี้คือคำสอนสั่งที่ท่านอาจารย์ทิ้งไว้ให้
ใช้จุดแข็งทดแทนจุดอ่อนที่ขาดหายแต่อย่าได้ปล่อยจุดอ่อนให้ศัตรูจับได้ ปกปิดได้แต่อย่าทิ้งการพัฒนา
" ใกล้แล้วๆ พวกเธอสองตัวจำไว้นะความรู้สึกนี้ถ้าเกิดไปเจอหรือสัมผัสได้พลังจิตวิญญาณแบบนี้ที่ล่องลอยบริสุทธิ์แต่ไขว้ขวาไม่ได้มันคือแก่นหัวใจหลักของพวกธาตุในธรรมชาติที่ก่อเกิดจากการสะสมพลังของเหล่าฟ้าดิน "
" จิ๊บๆ/กุ๊กๆ " ทั้งสองตัวพยักหน้างึกๆ แรกๆที่พวกมันสัมผัสก็บางเบาจนจับความรู้สึกไม่ได้แต่เมื่อยิ่งเข้าใกล้ก็สามารถสัมผัสได้ชัดเจนจนตอนนี้ความรู็สึกที่ว่าน้ำลายไหลแต่กินไม่ได้ทำให้พวกมันเร่งเร้าอย่างกระหายจนไม่สนใจกรงเล็บที่หักไปหลายนิ้ว
" สะสมมานับพันนับหมื่นปีถึงจะมีแก่นหัวใจได้หายากยิ่งกว่าโสมพันปีอีกนะ ของพวกนี้น่ะขนาดพวกที่สำเร็จเซียนยังตีกันแย่งชิง "
" โอ้ววววว/กุ๊กกกกก/จิ๊บบบบบ "
ทั้งสามต่างร้องเสียงหลงเมื่อจุดมุ่งหมายที่ตั้งใจมาตลอดหลายวันที่ช่วยกันขุดสำเร็จแล้ว
ในสายตาของคนทั่วไปมันคือหินรูปร่างประหลาดสีน้ำตาลดำขนาดเท่ากำปั้นเด็กที่ไม่มีอะไรโดดเด่นต่างกับสายตาของผู้มีพลังพิเศษ หินตรงหน้ามีละอองพลังสีดำอมน้ำตาลเข้มข้นปะทุออกมาอีกทั้งยังส่งกลิ่นอายหอมบริสุทธิ์ที่มีแต่พวกมีพลังวิเศษที่รู้และสัมผัสได้
" อ่อ " ซ่งซิงเหลียนเหลือบมองเจ้าสองตัวที่มีน้ำลายไหลเป็นหยดออกมาจากปากอย่างพูดไม่ออก ก็นะตอนที่เธอได้เห็นของพวกนี้เป็นครั้งแรกก็ไม่ต่างจากที่พวกมันแสดงออกมาเลย
เรียกได้ว่าใช่เลยไม่ผิดเพี้ยน
แต่ก็ต้องพูดหน่อยไม่อย่างนั้นพอตอนไปเจอสมบัติล้ำค่าแล้วไม่รู้ว่าคืออะไรเดี๋ยวถูกหลอกชิงไป ยิ่งฉลาดน้อยๆอยู่ต้องสอนให้พวกมันสองตัวตามให้ทันกับความโหดร้ายของชีวิต เพื่อที่จะไม่เป็นพวก
ถูกหลอกขายแล้วยังช่วยเขานับเงิน
" เอาล่ะเก็บน้ำลายก่อนตอนนี้ยังกินไม่ได้ต้องแปรธาตุให้บริสุทธิ์ซะก่อนถ้าดูดซับตอนนี้ต้องมาชำระล้างปราณอีก " ยุ่งยากตอนนี้กว่าาการแก้ไขภายหลังที่ต้องมาชำระปราณในร่างอีกไม่ให้ปนเปื้อนมลทินจากสิ่งปนเปื้อนมากับพลังธาตุที่สั่งสมมานาน
" กุ๊ก "
เสี่ยวเฟยมองแก่นหัวใจธาตุตรงหน้าพลางซึบซับคำสอนของเจ้านายตัวน้อยไปด้วยสมองไก่น้อยๆของมันค่อยๆแปลความหมายที่ถูกทำให้เข้าใจโดยง่ายเฉพาะตัวของมัน ด้วยความที่รู้ตัวว่าตัวเองไม่ค่อยฉลาดนักกับคำพูดที่ซับซ้อนของพวกมนุษย์มันยิ่งต้องพยายามเรียนรู้ให้มากยิ่งโดยเฉพาะถ้าแข่งกับเจ้าเสี่ยวฝานที่มาติดตามเจ้านายตัวน้อยทีหลังมันถ้าเกิดการเปรียบเทียบขึ้นล่ะ
ตัวมันมันแพ้ย่อยยับแน่
สายตาเสี่ยวเฟยมองเจ้าเสี่ยวฝานที่ติดตามเจ้านายตัวน้อยมาได้ปีกว่าแต่กลับมีความสามารถกว่ามันมากแค่ปีกว่ากลับถึงระดับเดียวกันกับมัน จากนกกระจอกตัวนิดกลายเป็นภูตินกที่หน้าตารูปร่างคล้ายเหยี่ยวก็ไม่ใช่นกกระจอกก็ไม่เชิงและยิ่งตอนนี้ขนาดตัวของมันก็เท่าๆกับลูกเหยี่ยวหันบินขนสีน้ำตาลเงาวาวดูสวยงามมากจนมันยังอิจฉาอีกทังสมองนกของมันยังฉลาดกว่ายิ่งทำให้มันต้องเร่งพัฒนาตัวเอง เสียชื่อรุ่นพี่หมด
" จิ๊บบบๆๆๆ " รุ่นพี่เธอมองฉันทำไมมีอะไรหรือเปล่า เจ้านกเสี่ยวฝานมองเสี่ยวเฟยที่จดจ้องมันอย่างไม่ค่อยสบายใจนักช่วงระยะเวลาที่ฝึกร่วมกันในป่าทำให้มันรู้ถึงนิสัยของรุ่นพี่ตัวนี้มากขึ้นถึงแม้จะไม่ถึงขั้นที่เรียกว่าถ่องแท้แต่ก็เรียกได้ว่าแค่สบก็รู้ว่ากำลังคิดอะไร
ตอนนี้คงคิดว่าจะต้องพยยามเร่งพัฒนาให้เก่งกว่ามันให้ได้หรือเหนือกว่าหรือไม่งั้นคงอิจฉาที่มันฉลาดดูจะเข้าใจคำพูดมนุษย์มากกว่าไก่อย่างมันที่อยู่กับมนุษย์มานาน ไม่ใช้นกที่มีอายุไม่ถึงสองปีอย่างมัน ช่วยไม่ได้ก็เพราะมันเป็นนกที่มีปีกบินอย่างอิสระเสรีถึงสามารถบินไปท่องโลกมนุษย์ตั้งแต่หัดบินครั้งแรก ถึงแม้จะไม่เข้าใจความซับซ้อนของคำพูดพวกมนุษย์ซักเท่าไหร่แต่เมื่อมีเรื่ิองที่มันไม่เข้าใจตัวมันไม่เคยปล่อยผ่านความสงสัยเลย
นี้คงเป็นความฉลาดที่ได้มาพร้อมกับการฝึกฝนบำเพ็ญจนเป็นภูติที่มีความสามาถมากับการอายุขัยยืนยาวกว่านกธรรมดา
" กุ็กๆ " ไม่มีอะไร
" ฉันจะบอกพวกเธอ นี้คือแก่นหัวใจศิลาเกิดจากพลังธาตุดินและไม้มีประโยช์หลายอย่างโดยจะชำระล้างแล้วซึบซับไปตรงๆก็ได้หรือใช้ในการเสริมธาตุในเตาหลอมปรุงยาก็ได้ " ซ่งซิงเหลียนถือหินกอนนั่นออกจากหลุมก่อนที่จะโบกมือเบาๆของนั่นก็หายไปอยู่ในถุงหอมมิติแล้ว
เจ้าสัตว์ทั้งสองมองถุงนั้นอย่างชื่นชอบพวกมันก็อยากได้ของแบบนี้เหมือนกันเพราะหากเจอสมบัติที่ไหนพวกมันก็สามารถเก็บได้ทันทีไม่ต้องตามเจ้านายตัวน้อยให้เสียเวลาแถมยังสะดวกซ่อนของอีก
" ฉันถึงบอกพวกเธอให้เร่งฝึกฝนยังไงล่ะมีแต่ต้องถึงขั้นนักสู้เท่านั้นที่มีพลังวิญญาณเพียงพอกับการเปิดถุงมิติใช้ได้ " ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากให้ถ้าตอนนี้ให้พวกมันสองตัวนี้ไปก็ไร้ประโยชน์ใช่ไม่ได้อยู่ดี
" กุ๊กๆ/จิ๊บๆ " เจ้าสองตัวพยักหน้างึกงักอย่างหมายมาดกับเป้าหมายที่เด่นชัดขึ้นอีกขั้นกับผลตอบแทนในความพยายามของพวกมันที่นอกจากจะแข็งแกร่งขึ้นยังได้ของรางวัลอีกด้วย
เห็นเจ้าสองตัวเป็นอย่างนี้สิ่งที่คาดหมายจากการฝึกฝนคือความแข็งแกร่งในครั้งนี้เป็นการเสี้ยม...อุ้ยยยย... ผิดแล้วๆการฝึกฝนสกิลการขุดทองล่าสมบัติเพิ่มมาอีก แบบนี้พอเธอต้องการอะไรหรือไม่ว่างก็ส่งเจ้าสองตัวนี้ออกล่าสมบัติได้เลย
นี้คือผลพลอยได้ที่ไม่ตั้งใจจริงๆนะ
" เหนื่อยขนาดนี้เลยหรือเนี่ย มาพักเอาแรงกินของอร่อยกันเถอะกิน "เจ้านายตัวน้อยโบกมืออีกครั้งก็ปรากฎอาหารหลากหลายของเจ้านายที่จัดเตรียมเสบียงครั้งใหญ่มาจากบ้านแถมยังมีของพวกมันมาอีกด้วย
เนื้อสัตว์ชิ้นเล็ก ผลไม้สดที่จัดเตรียมหันล้างเป็นชิ้นเล็ก ธัญพืชหลากหลายทั้งดิบและสุก ถูกจัดเตรียมไว้ในตระกร้าอย่างดี ทั้งหมดนี้ต้องขอบคุณนายหญิงที่บ้านที่ไม่ลืมพวกมัน
ส่วนเจ้านายตัวน้อยน่ะหรอ
ถ้าตอนนั้นไม่ถูกพวกมันทักท้วงก็คงลืมเสบียงตัวเองเหมือนกันไปแล้ว
" ฉันรู้สึกว่ามีสมบัติอะไรบางอย่างอยู่ใกล้ๆเราในถ้ำนี้รีบกินแล้วไปหากันค่อยมาฝึก "
" จิ๊บๆๆ " ไม่ไปตอนนี้หรือเจ้านายถ้าเกิดโดนแย่งล่ะ เสี่ยวฝานแยงถ้าเป็นเรื่องสมบัติละก็หูกับสมองนกน้อยๆของมันกระปรี่กระเปร่ากว่าเคย เอ่อเหมือนว่ามันจะกลายเป็นนกขุดทองไปแล้วโดยไม่รู้ตัว นึกได้อย่างนั้นเจ้านกเสี่ยวฝานถึงกับใช้ปีกทาบอกแสดงถึงความตกใจกับพฤติกรรมตัวเองที่ผ่านมา เหมือนว่ามันจะกลายเป็นดั่งสุภาษิตมนุษย์ที่ว่า
นักขุดทอง
" ไม่ได้เราต้องมีแรงมีความสามารถก่อนจะแย่งชิงไม่อย่างนั้นจะกลายเป็นว่ามีสมบัติแต่ไม่มีชีวตใช้ "
" กุ๊ก/จิ๊บ "
เมื่อเติมเสบียงลงท้องเต็มที่แล้วทั้งสามต่างก็เร่งไปยังทิศทางอีกฝากหนึ่งของถ้ำทีอยู่ลึกไปอีก หนทางที่ทั้งแคบและสลับซับซ้อนไม่ได้สร้างความลำบากให้ทั้งสามเลยแม้แต่น้อย จวบจนปลายทางที่มีแสงลอดผ่านก็อุโมงค์ทั้งหมดก็เข้าสู่โถงถ้ำขนาดใหญ่
สมบัติ
นี้คงไม่ใช่รังโจรในตำนานที่ชาวบ้านพูดถึงหรอกนะ