บท
ตั้งค่า

2.ชีวิตในชนบท

เด็กหญิงตัวน้อยในชุดกันหนาวขนเป็ดสีเหลืองอ่อนวิ่งวุ่นไปทั่วลานบ้านขณะที่วิ่งสายตาก็สอดส่ายหาบางอย่างไปด้วย เมื่อพบเป้าหมายก็ไม่ลืมที่จะคว้าตะกร้าใบน้อยที่วางอยู่บนโต๊ะกลมเล็กๆ

" นั่นไงจะนี้ไปไหน มายอมให้กินไข่เสียดีๆ " ใช้แล้วสิ่งนั่นที่เด็กหญิงตัวน้อยมองหาก็ค่อแม่ไก่สายพันธุ์พื้นป่ใช้สายพันธุ์พื้นป่าที่ถูกขอให้ไวชีวิตโดยเธอเองเพราะเห็นว่ามันดูผอมจนเนื้อไม่มีหากนำมากิน " เอาน่าเสี่ยวเฟยถ้าเธอไม่ยอมให้ฉันกินไข่ ฉันจะกินเนื้อแกแทน "

ได้ยินดังนั่นแม่ไก่ที่กำลังฟักไข่อยู่ก็ยิ่งขดตัวมันเองจนเป็นก้อนกลม ทว่าร่างอ้วนกลมของมันกลับขยับออกจากรังฟางอย่างรวดเร็วเผยให้เห็นไข่หลายใบที่วางเรียงกันอยู่ เด็กหญิงมองดูคร่าวๆก็พบว่าครั้งนี้แม่ไก่เสี่ยวเฟยออกไข่ถึง 10 ฟอง

สายตาเจ้าแม่ไก่เสี่ยวเฟยมองเด็กหญิงอย่างเคืองๆทุกครั้งที่มันออกไข่ เด็กหญิงคนนี้รู้ได้ทันทีโดยเสียเวลาหาตัวมันกับรังแม้แต่อนที่มันแอบไปวางไข่บนหลังคาบ้านเธอก็ยังหามันเจอไม่เสียเวลาถึงข้ามวัน ออกไข่ถึง10 รังกลับไม่มีรอดสักฟอง เพราะถูกเจ้าตัวตกละตัวนี้กินเรียบไม่ยอมให้มันมีลูกไก่เดินตามสักตัว มันเองก็เคยต่อต้านวิ่งไล่จิกโต้กลับกับถูกเด็กหญิงจับคอลงหม้อน้ำที่กำลังต้มโชคดีที่น้ำในหม้อยังไม่ร้อนไม่อย่างนั้นคงได้กลายเป็นซุปไก่ป่าตุ๋นยาจีนบำรุงคนทั้งครอบครัวเธอแล้ว

แค่นึกถึงตอนนั้นร่างอ้วนของมันก็ไม่อาจปฏิเสธได้แต่ทำตามคำสั่งถอยออกจากรังอย่างด่วนเร็ว

" เอาน่าเสี่ยวเฟย ที่ฉันไม่ยอมให้เธอฟักต่อเพราะไข่พวกนี้ไม่มีตัวเชื้อหรอกนะ " มืออ้วนขาวผ่องหยิบไข่แต่ละใบลงตะกร้าอย่างรวดเร็วขณะที่ดวงตากลมโตเหมือนองุ่นดำที่เปล่งประกายมองแม่ไก่อย่างสงสารในโชคชะตาของมันเอง

ขณะที่หนึ่งไก่หนึ่งคนนั่งคุยกันเป็นจริงจังอยู่นั่นก็ถูกชายหญิงคู่หนึ่งยืนมองอยู่นานด้วยรอยยิ้มเปี่ยมสุขกับภาพความน่ารักน่าเอ็นดูตรงหน้าช่างทำให้คนเห็นอดขำกับความคิดเองทำเองเลยไม่ได้

แม่ไก่ฟักไข่ก็ต้องมีสักฟองสิที่มีลูกไก่อยู่ในรังนั้น

แม่ไก่เสี่ยวเฟยตัวนี้ออกไข่มาเป็นสิบรังกับไม่มีเลยสักฟอง มันเป็นไปได้หรือเห็นได้ชัดว่ามันคือข้ออ้างของความตกละของตัวเด็กหญิงชัดๆเลย

แต่ทั้งสองไม่รู้เลยว่าเด็กหญิงคนนี้เห็นและสัมผัสได้จริงๆว่าสิ่งที่เธอเห็นและสัมผัสนั้นไร้พลังวิญญาณ หากไร้พลังวิญญาณจะมีชีวิตอยู่ยังไงกันเล่า เพราะแบบนี้

มาเป็นอาหารอันเลิศรสให้เธอซะ

จะได้ไม่เสียของ

" อัยหย๊าาา เสี่ยวเฟย " มือสองข้างของเด็กหญิงถือไข่ใบเล็กชูขึ้นสูงแล้วส่งยิ้มให้แม่ไก่เสี่ยวเฟยที่กำลังจดจ้องไข่สองใบสุดท้ายในรังมันที่ค่อยๆถูกวางลงอย่าทะนุถนอมท่าทางแบบนี้มันไม่เคยเห็นมาก่อนทำเอามันอดร้องถามด้วยภาษาสปี่ชีล์ไก่ไม่ได้

" กะต้ากๆ กุ๊กๆ " ไม่เอาหรือ ไม่กินหรือ ปีกข้างหนึ่งกระพือไปยังไข่ทั้งสองใบในรัง

" กินไม่ได้ๆ มันเป็นลูกไก่แล้ว เธอรีบมาฟักเร็วเข้า " มืออ้วนป้อมคว้าคอแม่ไก่มาก่อนจะวางมันในรังด้วยความนิ่มนวลขัดกับภาพความเป็นจริงที่เห็นว่าความนิ่มนวลนั้นคือ

แม่ไก่ถึงกับลิ้นห้อยคออ่อนจนถึงขนาดทรงตัวกกไข่ไม่ได้

" ซ่งซิงเหลียน อย่าไปแกล้งเสี่ยวเฟย ลูกไม่เห็นหรือว่ามันคอจะหักแล้ว " หญิงผู้เป็นภรรยาวางขนมที่ลงบนโต๊ะขณะที่ผู้เป็นสามีเธอเดินยิ้มเข้าไปอุ้มเด็กหญิงออกมาจากกองฟางเล็กๆที่เป็นรังของแม่ไก่ โดยไม่ลืมที่จะคว้าตระกร้าใบจิ๋วที่บรรจุไข่ไว้เต็มตะกร้า

นี้คือความพยายามตลอดทั้งช่วงเช้าของลูกสาวเขาเป็นพ่อจะทำให้ความพยายามของลูกสูญเปล่าไม่ได้

" ไม่ได้แกล้งๆ ซิงซิงไม่ได้แกล้งให้เสี่ยวเฟยฟักลูกไก่ตัวใหญ่สีสวยออกมาจะได้เล่นกับซิงซิง "

" ลูกรู้ได้ยังไงว่าไข่สองฟองนั้นจะฟักออกมาเป็นลูกไก่ตัวใหญ่สีสวย " จัดแจงวางลูกสาวให้นั่งเก้าอี้เล็กอย่างมั่นคงก่อนที่ตัวเองนั่งลงอีกข้างบนโต๊ะขณะมองภรรยาที่ปิดปากกลั้นหัวเราะกับความน่ารักของลูกสาว " ซีเถา คุณดูเอาเถอะความเจ้าปัญญาของลูกได้มาจากใคร "

" ได้มาจากสามีนั่นแหละคะ " ผู้เป็นภรรยายิ้มเขินก่อนเช็ดมือทั้งสองข้างให้ลูกพลางนึกถึงประโยคที่มีคำว่าเจ้าปัญญาที่เอ่ยมา เหมือนคุณเลยคะสามีถ้าคุณไม่เจ้าปัญญาละก็เราจะได้แต่งกันหรือ

ซ่งหลี่

สามียิ้มแหย่เมื่อนึกถึงเรื่องราวเหตุการณ์ก่อนที่เขากับซีเถาจะได้แต่งงานกัน ความทรงจำนั้นผ่านพ้นไปเป็นสิบปีแล้วก็ตามแต่เขาก็ยังจดจำได้ราวกับพึ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน แค่นึกถึงก็อบอายจนแทบมุดลงกองดิน

" เชื่อซิงซิงเถอะ ซิงซิงเห็น " ว่าพลางก็มองทั้งสองที่หัวเราะขบขันกับท่าทางของเธอ

อะไรกันไม่เชื่อท่านบรรพจารย์คนนี้หรือ

ใช่บรรพจารย์ นับตั้งแต่ลืมตาขึ้นบนโลกภพนี้เธอก็จำเรื่องราวที่เกิดขึ้นในภพก่อนได้ จำได้ว่าตนเองไม่ใช่จิตวิญญาณผู้คนธรรมดาที่มาเกิดชดใช้กรรมหรือมาสร้างบุญบารมีแบบทั่วไปกันแต่เป็นเทพบนสวรรค์ที่ถูกลากลงมาเกิดโดยไม่รู้เรื่องรู้ราวเรียกสั้นๆว่าซวย

ซวยยังไงหรออออ

แบบที่ว่าได้รับตำแหน่งยังไม่ทันก้าวเท้าออกจากศิลาจารึกเทพ ก็ถูกผู้ยิ่งใหญ่องค์หนึ่งลากลงจากสวรรค์ลงมาด้วย

ให้โกรธขนาดไหนก็ทำอะไรไม่ได้ใครใช้ให้ตนเองตำแหน่งต่ำกว่าสู้ท่านผู้นั้นไม่ได้กัน เอาเถอะพอกลับไปคงต้องขอค่าทำขวัญเสียหน่อย ส่วนตอนนี้ก็อยู่ใช้เวลาชีวิตบนโลกมนุษย์นี้ทดแทนกับสิ่งที่ไม่ได้ทำบนโลกเซียนนั้นก็แล้วกัน เพราะตอนนั้นมั่วแต่ท่องตำราฝึกวิชาเต๋า เข้าฌาณบำเพ็ญ จนเมื่อสำเร็จวิชาก็ท่องไปทั่วแดนฝึกฝนตนเองรับการทดสอบจากสวรรค์มาหลายด่านทำกายเซียนและจิตวิญญาณแทบสลายไปหลายครั้ง จนมาถึงด่านเคราะห์อัสนีบาตม่วงที่แทบจะไม่มีเทพตนไหนได้รับแต่โชคก็มาตกที่นางเอง เพราะถ้าผ่านตำแหน่งและบุญบารีของนางจะเหนือกว่าเทพทั่วไปกลายเป็นเทพชั้นสูง

ผ่านแล้วอย่างไร ยังไม่ได้เสพสุขก็ต้องตกสวรรค์เสียแล้ว

ยังนะ ยังไม่หมดพอลืมตาตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองเป็นทารกที่ถูกลักพาตัวจากครอบครัวร่ำรวยไปทิ้ง รู้ได้ยังไงหรือ ลืมตาตื่นครั้งแรกก็พบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของหญิงสาวที่สวยงามดุจเซียนสาวแววตาที่มองมายังตนเองในร่างทารกเต็มไปด้วยความรัก บรรยากาศรอบๆห้องเต็มไปด้วยความหรูหราของบ้านการตกแต่งบ่งบอกถึงความสูงศักดิ์เท่านี้ก็รู้ได้ทันทีว่าตนเองได้มาเกิดยังครอบครัวที่ร่ำรวยจึงหลับต่อด้วยความสุขมั่นใจแล้วว่าในเมื่อยังไม่ได้เสพสุขบนแดนสวรรค์

ก็เสพสุขบนแดนมนุษย์เป็นดอกเบี้ยไปพลางแล้วกัน

ที่ไหนได้ลืมตาอีกทีก็เจอใบหน้าหญิงอวบพร่ำขอโทษสวรรค์แต่โทษเธอที่เกิดมาในครอบครัวที่ร่ำรวยนี้กว่าจะรู้ตัวว่านี้สถานการณ์มันคืออะไรตัวเองก็ถูกวางลงบนถนนหน้าบ้านหลังหนึ่ง นั้นเองสมองเล็กๆที่พึ่งเกิดก็ประมวลเหตุได้ว่าตนเองถูกลักพาตัวจากครอบครัวร่ำรวยสู่เด็กกำพร้าถูกลักพามาทิ้ง

โชคดีที่ได้สามีภรรยาใจบริสุทธิ์คู่นี้เดินผ่านหน้าบ้านนั้นแล้วเจอเธอเข้า ไม่อย่างงั้นตัวเองอาจกลายเป็นศพหนาวตายหรือไม่ก็ต้องอยู่บ้านเด็กกำพร้ารอผู้คนรับไปเลี้ยงซึ่งอาจจะโชคดีที่ได้คนดีรับไปเป็นลูกหรืออาจโชคร้ายรับไปทารุณก็ได้

" พ่อแม่ขอบคุณคะที่ให้หนูมาเป็นลูก " ซ่งซิงเหลียนโผกอดซีเถาก่อนจะโผลยิ้มให้ซ่งหลี่รอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรักและซาบซึ้งเต็มหัวใจที่มีให้เป็นครอบครัวผูกพันธ์ที่เธอไม่เคยมีหรือรู้สึกได้จากชาติภพเซียน

อ๋อจะบอกว่าไม่มีเลยก็ไม่ถูกก็ยังมีด่านเคราะห์หกอารมณ์เจ็ดปราถนานั่นไง

แต่เมื่อสิ้นสุดความสุขและความเจ็บปวดที่ตรึงไว้ก็จะค่อยๆถูกจิตเทพชำระล้างไปทิ้งไว้เพียงเหตุและผลเท่านั้นไม่เหมือนกับตอนที่มีชีวิตแบบมนุษย์ที่ความสุขและเจ็บปวดทว่าเมื่อสิ้นสุดความรู้สึกอันซับซ้อนนั้นก็ยังชวนฝันหาถึงเสมอ

" ต้องขอบคุณซิงซิงมากกว่าที่ยอมเป็นสิ่งล่ำค่าบนโลกนี้ให้เราสองคน "

" ไม่ว่ายังไงซิงซิงคือลูกสาวของพ่อกับแม่เป็นแก้วตาดวงใจของเรา " ซ่งหลี่ลูบหัวเด็กหญิงความรู้สึกอันอบอุ่นที่ผ่านมือหนานั้นเต็มไปด้วยความรัก ความห่วงใย ความปราถนาดีต่อบุตรที่ดุจเป็นผู้ให้กำเนิดเอง

ซีเถาโอบกอดเด็กหญิงตัวน้อยไว้แน่นเมื่อนึกถึงการเลี้ยงตลอดระยะห้าปีที่ผ่านมา จากเด็กทารกขาวอ้วนที่ถูกทิ้งไว้หน้าบ้านในวันนั้น สู่เด็กหญิงแสนน่ารักที่นำพาความสุขสู่บ้านในวันนี้

เธอกับสามีไม่เคยเสียใจกับการที่รับเด็กคนนี้มาเป็นลูกเลยแม้ว่าเหล่าญาติหลายคนจะคัดค้านและไม่พอใจขนาดไหน ว่าหากจะรับเลี้ยงเด็กสักคนเป็นลูกบุญธรรมก็ควรจะรับเด็กที่มีสายเลือดเดียวกันหรือไม่ก็รับเลี้ยงผู้ชายดีกว่าจะรับเลี้ยงเด็กหญิงที่สืบสกุลให้ไม่ได้ ทั้งสองก็ไม่เสียใจสักนิดหากเสียใจจริงๆคงเป็นเพราะ

ทั้งสองได้ชื่อว่าเป็นพ่อแม่บุญธรรมไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆที่ให้กำเนิด

กระทั่งทั้งสองยอมทิ้งบ้านในเมืองใหญ่กลับมาใช้ชีวิตบ้านเกิดที่มณฑลแดนใต้ คำว่าพ่อแม่บุญธรรมก็ค่อยๆเลื่อนหายไปมีแต่คำว่า

พ่อกับแม่ของซ่งซิงเหลียน

สามคนพ่อแม่ลูกแห่งหมู่บ้านเกษตรกรที่ใช้ชีวิตอย่างมีความสุขท่ามกลางหุบเขาในชนบทห่างไกลที่จะไม่มี่ใครสามารถแย่งชิงลูกสาวตัวน้อยของเขาไปได้
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel