บทที่ 7 ข้อต่อรอง
“ท่านหมออู๋ แม้ว่าข้าจะเป็นลูกจ้างของท่าน แต่ข้าก็จะไม่ยอมให้ท่านมารังแกพี่ชายของข้าเด็ดขาดนะเจ้าคะ” ม่อเสี่ยวถงเรียกขานอู๋หยางตามคนส่วนใหญ่ แม้อู๋หยางจะไม่ค่อยรับรักษาคนนักแต่เขาก็มีวิชาแพทย์ล้ำเลิศจนเป็นที่ยอมรับและยังคิดค้นยารักษาโรคออกมาหลายสิบขนาน
อู๋หยางหัวเราะหึๆ มองหน้าหญิงสาวตรงหน้า
“เหตุใดเจ้าจึงคิดว่าข้าจะรังแกพี่ชายของเจ้า?”
“ท่าน...ท่าน...”
ชายหนุ่มปรายตามองไปทางม่อเหอตี้
“เสี่ยวตี้ เจ้าบอกเรื่องคืนนั้นให้นางรู้แล้วหรือ?”
เด็กชายที่ถือขนมในมือไว้ทั้งซ้ายและขวา ซ้ำในปากยังเคี้ยวขนมหยับๆ รีบกลืนลงคอ พยักหน้าตาเหลือก
“ขอรับ ข้าบอกนางไปหมดแล้ว”
“ที่ข้าให้เงินน้องชายเจ้า เป็นเพราะข้ารู้มาว่าม่อชิงฉือกับเจ้าช่วยกันส่งเสียเขาเรียนหนังสือ แต่เขายังมีเครื่องเขียนแบบเรียนหลายอย่างที่ขาดแคลน ข้ารู้มาว่าเขาเป็นเด็กดีจึงมอบเงินให้เป็นทุนการศึกษา”
ม่อเสี่ยวถงฟังแล้วถึงกับผงะ บุรุษผู้นี้รู้จริงเสียด้วย
“ท่านสืบเรื่องครอบครัวพวกเราด้วยหรือเจ้าคะ?”
“ในเมื่อข้าสนใจในตัวพี่ชายเจ้าก็ย่อมต้องอยากรู้เรื่องของเขา” อู๋หยางยิ้มมองไปยังม่อเหอตี้ “เจ้าได้กระเป๋าใบใหม่มาแล้วสิ?”
“ขอรับ กระเป๋าใบเก่าของข้าเก่าเหลือทน ตำราหลายเล่มก็ยังไม่มี เงินที่ท่านมอบให้ข้าซื้อของที่จำเป็นต้องใช้ในการเรียนครบหมดแล้ว”
“ดีมาก นั่นจึงถือว่าตรงกับความประสงค์ของข้า”
ม่อเสี่ยวถงรีบหันไปหาน้องชาย “เงินที่เหลือเจ้าก็คืนท่านหมออู๋ไปเสียสิ ในเมื่อเจ้าซื้อของที่ต้องการครบแล้ว”
อู๋หยางยิ้มอ่อน “ไม่ต้องหรอกม่อเสี่ยวถง เงินหนึ่งตำลึงสำหรับข้าไม่ได้มีค่ามากนัก แต่สำหรับเสี่ยวตี้จะช่วยให้เขาร่ำเรียนได้อย่างมีความสุข ไม่ต้องคอยระวังกระเป๋าจะขาดระหว่างทาง ไม่ต้องยืมตำราจากอาจารย์และสหายอยู่บ่อยๆ”
“จริงด้วยพี่เสี่ยวถง ตอนนี้ข้ามีตำราครบถ้วน ต่อไปข้าต้องทำคะแนนได้มากกว่าเดิมแน่ๆ”
ม่อเสี่ยวถงเห็นสีหน้าและแววตาเมตตาของอู๋หยางก็ยอมจำนน จริงอย่างที่คนผู้นี้กล่าว น้องชายของนางช่างเป็นนักศึกษาคนขยันที่ยากลำบาก
“ข้าขอบคุณแทนน้องชายข้าด้วยเจ้าค่ะ”
“ม่อเสี่ยวถง ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นห่วงพี่ชาย แต่หากข้ายืนยันว่าจริงใจกับพี่ชายของเจ้า เจ้าจะช่วยส่งเสริมข้าหรือไม่?”
หญิงสาวถึงกับชะงัก นางมองบุรุษตรงหน้าอย่างชั่งใจ
“ท่านสูงส่งด้วยฐานะ ความรู้ และชาติตระกูล เหตุใดจึงปักใจในตัวพี่ชายของข้า? พี่ชิงฉือเป็นแค่มือปราบเล็กๆ รูปร่างหน้าตาก็ใช่ว่าโดดเด่นจนสะดุดตา และฐานะเมื่อเปรียบกับท่านแล้วแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว”
ใบหน้าของท่านหมอผู้ร่ำรวยและลึกลับประดับด้วยรอยยิ้มละไม
“ข้าก็แค่ชอบม่อชิงฉือ ไม่ได้สนใจเรื่องสกุลหรือฐานะ ตรงกันข้ามข้ากลับมองว่าหากเขากลายเป็นคนรักของข้า ข้าจะได้ช่วยครอบครัวของเขาได้”
“ท่านหมายถึง?”
“หากว่าข้าทำให้พี่ชายเจ้าชอบข้าด้วยความเต็มใจ เจ้ายินดีจะรับข้าเป็นพี่เขยหรือไม่ม่อเสี่ยวถง?”
“หา! นี่ท่าน...ท่านจริงจังหรือเจ้าคะ?” ดวงตาของหญิงสาวตื่นตระหนก นางไม่คิดว่าคุณชายร่ำรวยอย่างอู๋หยางจะหลงใหลในตัวพี่ชายตนถึงขนาดอยากจะได้เป็นภรรยา
“อืม...หากว่าเจ้าช่วยข้า วันใดพี่ชายเจ้าแต่งงานกับข้า ข้าจะซื้อเรือนใหม่ที่กว้างขวางน่าอยู่ให้เป็นสินสอด พวกเจ้าจะได้อยู่สบายขึ้น เจ้าเห็นเป็นเช่นไร?”
ม่อเสี่ยวถงถึงกับยิ้มกว้างออกมา นางใฝ่ฝันมาตลอดว่าสักวันหนึ่งนางกับพี่ชายจะสามารถเก็บเงินซื้อบ้านหลังใหม่ที่มีหลายเรือนไม่ต้องนอนเบียดกันเช่นทุกวันนี้ ม่อเสี่ยวถงต้องนอนร่วมห้องกับมารดาบนเตียงใหญ่ ส่วนอีกห้องก็ให้ม่อชิงฉือนอนร่วมกับน้องชาย
อู๋หยางเห็นแววตาของหญิงสาวกำลังไตร่ตรองบางอย่างก็รีบสำทับ
“ไม่ต้องห่วงน่า ขอเพียงพี่ชายเจ้าชอบข้าก็ย่อมไม่ถือว่าเจ้าขายพี่กินหรอก ทุกอย่างล้วนเป็นข้าที่เต็มใจจะมอบให้”
ม่อเสี่ยวถงคิดถึงเงินหนึ่งตำลึงที่อู๋หยางมอบให้น้องชาย หากว่านางช่วยเปิดทางให้ว่าที่พี่เขยผู้นี้ อนาคตครอบครัวของนางต้องสุขสบายแน่ เพราะนางได้ยินมาว่าอู๋หยางเป็นบุตรชายคนโปรดของคหบดีอู๋ สกุลอู๋ยินยอมให้คุณชายรองสามารถแต่งงานกับบุรุษได้ อีกอย่างด้วยความสามารถในการปรุงยาของท่านหมออู๋หยางทำให้เขาคิดค้นยาใหม่ๆ ออกมาวางจำหน่ายในร้านสาขาในทั่วแคว้นสร้างรายได้จำนวนมากแก่สกุลอู๋ เช่นนั้นอู๋หยางก็นับว่าเป็นผู้มีความสามารถอย่างหาตัวจับได้ยาก
พี่เขยที่หล่อเหลาและฐานะร่ำรวยเช่นนี้ไม่รู้ว่าจะไปหาที่ใดได้อีก?
‘พี่ชิงฉือ ในเมื่อมีบุรุษที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้มาชอบท่าน เช่นนั้นท่านก็ยอมเป็นภรรยาเขาไปเถิด ข้าว่าชีวิตนี้ของท่านคุ้มค่ายิ่งแล้ว’
“ได้! ข้ายินดีช่วยเหลือท่านเจ้าค่ะ ขอเพียงท่านรับปากจะไม่บังคับข่มเหงพี่ชายข้า”
“ดี! เช่นนั้นเจ้าต้องช่วยให้เขามาใกล้ชิดกับข้าเสียก่อน”
“ทำอย่างไรหรือเจ้าคะ?”
สองพี่น้องสกุลม่อกลับจากคฤหาสน์สกุลอู๋พร้อมด้วยข้าวของพะรุงพะรังเต็มสองมือ หญิงสาวยิ้มหวานนางหวังให้คุณชายรองอู๋พิชิตใจพี่ชายให้สำเร็จ
“พี่เสี่ยวถง เราขายพี่ชิงฉือกินเช่นนี้จะดีหรือขอรับ?”
“เสี่ยวตี้ เจ้ารับเงินปิดปากมาแล้วหนึ่งตำลึง แล้วข้าวของพวกนี้ล้วนเป็นคุณชายรองอู๋ที่ยินดีมอบให้ เจ้าว่าหากเราซื้อเองต้องใช้เงินสักเท่าใดกัน?”
“อืม...ถ้าอย่างนั้นพวกเราสองคนก็เท่ากับคนทรยศแล้วนะขอรับ”
“เจ้าไม่ได้ยินหรือ? คุณชายรองอู๋บอกว่าขอเพียงพวกเราช่วยเหลือ หากว่าพี่ชิงฉือไม่มีใจเขาก็จะไม่บังคับ ในทางตรงข้ามหากว่าพวกเขาสองคนรักใคร่ชอบพอกัน พวกเราก็จะได้บ้านหลังใหม่ เจ้ากับข้าก็จะมีห้องนอนส่วนตัวกันเสียที ไม่ดีหรือไร?”
ม่อเหอตี้รีบพยักหน้า “ดีสิๆ ข้าอยากมีห้องนอนส่วนตัวเหมือนสหายของข้าบ้าง”
“ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ต้องเชื่อข้า เราสองคนร่วมมือกัน เปิดทางให้คุณชายรองอู๋ เขาจะทำสำเร็จหรือไม่? พวกเราก็ต้องไม่รับผิดชอบส่วนที่เหลือ”
“พี่เสี่ยวถง ข้าไม่เคยพี่ชิงฉือสนใจในตัวบุรุษมาก่อน ท่านว่าเขาจะยอมรับคุณชายรองอู๋ได้หรือ?”
ม่อเสี่ยวถงนิ่งไปเล็กน้อย “เรื่องพวกนี้ให้พี่ชิงฉือตัดสินใจเองก็แล้วกัน”
สองพี่น้องหารือกันจนถึงบ้าน พอม่อฮูหยินเห็นสองพี่น้องหิ้วข้าวของพะรุงพะรังเข้ามาก็ทำหน้าฉงน ม่อเสี่ยวถงจึงได้รีบบอกกล่าว
“ท่านแม่เจ้าคะ ของพวกนี้ท่านหมออู๋ฝากมาให้เจ้าค่ะ”
“ดีจริง คุณชายรองอู๋ผู้นี้ช่างมีน้ำใจ”
“เรียกว่าท่านหมออู๋จะเหมาะกว่านะเจ้าคะท่านแม่เพราะคนส่วนใหญ่ก็เรียกขานเช่นนี้”
“ได้ๆ ต่อไปแม่จะเรียกเขาว่าท่านหมออู๋ตามเจ้าก็แล้วกัน ไหนดูสิ? สหายคนดีของพี่ชายเจ้าฝากสิ่งใดมาบ้าง?”
สามแม่ลูกตื่นเต้นกับของฝากที่ได้มาจากคฤหาสน์สกุลอู๋ ทั้งหมดล้วนเป็นของกินที่พวกเขาไม่กล้าเจียดเงินไปซื้อ ม่อเหอตี้เอากล่องขนมเปี๊ยะร้านหลัวหลัวออกมาเปิดแล้วชี้ชวนให้มารดาชิม
“ท่านแม่ขนมเปี๊ยะนี้อร่อยมาก ข้ากินไปหกชิ้นแล้ว”
“เจ้าก็เหลือเอาไว้กินวันหน้าบ้างเถิด เดี๋ยวแบ่งออกมาให้แม่กับพี่ชายเจ้าชิมสักสักหน่อยก็พอ”
ม่อชิงฉือกลับมาถึงบ้านก็เห็นอาหารเลิศรสหลายอย่างวางเรียงรายอยู่บนโต๊ะ เขาหันไปยิ้มอย่างอารมณ์ดีกับมารดาและน้องสาว
“วันนี้เสี่ยวถงได้ค่าจ้างพิเศษหรือขอรับ? อาหารดูน่ากินทุกอย่างเชียว”
ม่อเสี่ยวถงกำชับมิให้มารดาพูดถึงอู๋หยางเพราะกลัวว่าพี่ชายจะปฏิเสธการกินของที่คนผู้นั้นฝากมา
“ใช่เจ้าค่ะ ลงมือกันเถิดท่านพี่ พวกเราไม่ได้กินมื้อพิเศษเช่นนี้ด้วยกันมานานแล้ว”
ม่อชิงฉือยิ้มกว้างมองดูอาหารจานโปรดของตนแล้วลงมือคีบขึ้นมาชิม
“เนื้อผัดน้ำมันหอย อร่อยจริงๆ ดูเหมือนเป็นเนื้อคุณภาพดีเสียด้วย เสี่ยวถงเจ้าหมดเงินไปไม่น้อยเลยสิ”
“ท่านพี่ชอบก็กินให้หมดนะเจ้าคะ”
“แน่นอน ข้าจะกินให้เกลี้ยงจานเลยล่ะ”
ม่อเหอตี้นั่งแทะเป็ดพะโล้ตัวใหญ่กับม่อเสี่ยวถงอย่างมีความสุข อาหารพวกนี้เป็นฝีมือของพ่อครัวสกุลอู๋ซึ่งเคยเป็นพ่อครัวในภัตตาคารใหญ่ ม่อฮูหยินอุ่นเตรียมไว้รอรับบุตรชาย
“ชิงฉือ เจ้ากินเข้าไปเยอะๆ เจ้าจะได้ตัวหนากว่านี้หน่อย เป็นถึงมือปราบแต่ผอมแห้งแรงน้อยเช่นนี้ หากเจอคนร้ายจะต่อสู้ไม่ไหวเอา”
********************
