บทที่ 5 หน้าผากล้ำค่า
“อย่าดื้อเลยน่ามือปราบม่อ ตอนนี้เจ้าเดินเบียดกำแพงแทบจะทุกฝีก้าวแล้ว บ้านเจ้าก็อีกตั้งไกล ขึ้นรถม้าไปกับข้าดีกว่า”
อู๋หยางไม่รอให้อีกฝ่ายตอบ เขาอุ้มร่างผอมบางของม่อชิงฉือลอยหวือขึ้นแล้วเดินขึ้นรถม้า คนเมาไม่อาจจะสู้แรงได้
“เหล่าหาน ไปบ้านมือปราบม่อ”
“ขอรับ”
คนสนิทของอู๋หยางทำหน้าที่ขับรถม้า เขายิ้มน้อยๆ เมื่อเห็นผู้เป็นนายอุ้มมือปราบหนุ่มร่างบาง นี่เป็นครั้งแรกที่คุณชายรองเอาอกเอาใจผู้อื่น ในฐานะบุตรชายคนโปรดของคหบดีอู๋ คุณชายของเขาได้รับการตามใจมาโดยตลอด กระทั่งการประกาศตัวว่าเป็นต้วนซิ่ว คนในครอบครัวก็ยังไม่กล้าแสดงความขัดเคือง
ในฐานะของบุรุษที่มีรูปร่างหน้าตางดงามราวเทพบุตร คุณชายรองเป็นที่ฝักใฝ่ของบุรุษมากมาย แม้แต่สตรีหลายสกุลก็ยังยินดีจะแต่งมาเป็นฮูหยินและยินยอมให้คุณชายรองมีอนุภรรยาเป็นบุรุษได้
...บุญวาสนาของคุณชายรองอู๋มากมายถึงเพียงใด? จึงได้เกิดมาสมบูรณ์พร้อมเช่นนี้...
“เจ้าปล่อยข้าได้แล้ว”
อู๋หยางหัวเราะเบาๆ เขาแค่กอดอีกฝ่ายไว้หลวม แต่เพราะความเมาทำให้ม่อชิงฉือไม่อาจเคลื่อนไหวได้ดังใจ
“เจ้าเมาแล้ว หากข้าปล่อยก็หัวทิ่มลงพื้นน่ะสิ”
ม่อชิงฉือพยายามดิ้นอีกครา ครั้งนี้คุณชายรองสกุลอู๋จึงรัดร่างเขาแน่นกว่าเดิม พร้อมทั้งกระซิบข้างหู
“หากเจ้ายังดิ้นอีกครั้ง ข้าจะจูบเจ้า”
มือปราบหนุ่มถึงกับชะงัก เขาถูกเอาเปรียบไปแล้วถึงสองครา ไม่ควรจะมีครั้งที่สาม ม่อชิงฉือส่ายศีรษะหนีจากบริเวณหัวไหล่ของหมอหนุ่มแล้วพิงไปยังผนังรถม้า ชายหนุ่มหลับตานิ่ง นึกภาวนาให้ถึงบ้านตนเองเร็วๆ มือข้างหนึ่งของเขาทาบอยู่บนอกกว้างของอู๋หยาง เขารู้สึกได้ว่าหัวใจของคนที่กอดตนไว้เต้นเร็วยิ่งนัก
ครั้นรถม้าหยุด ม่อชิงฉือที่แทบจะลืมตาไม่ขึ้นก็บ่นพึมพำ
“ข้าจะลงเอง ข้าจะลงบ้านข้า”
อู๋หยางเห็นมือไม้ของคนดันทุรังกะปลกกะเปลี้ยก็หัวเราะเบาๆ ก่อนอุ้มคนเมาลงจากรถม้า เหล่าหานลงไปเคาะประตูเรียกคนในบ้านรออยู่แล้ว
ม่อฮูหยินมองเห็นบุรุษรูปงามแต่งกายดีอุ้มบุตรชายของตนลงจากรถม้าเข้ามาในประตูบ้านก็เบิกตาโพลง
“ข้าอู๋หยาง ขออภัยที่มารบกวนท่านน้าในยามวิกาลนะขอรับ ชิงฉือเมามาก ข้าก็เลยมาส่งเขา ไม่ทราบว่าห้องนอนเขาอยู่ที่ใด?”
ด้วยรูปลักษณ์และคำพูดแสนสุภาพ ทำให้ม่อฮูหยินรู้สึกเกรงใจท่านหมอหนุ่ม ดูจากรถม้าแล้วนางก็จำได้ว่านี่คือคนจากสกุลอู๋ที่ร่ำรวยเป็นเจ้าของร้านยาสมุนไพรกว่าสิบสาขาในเมืองหลวง
“ห้องของชิงฉืออยู่ใกล้ๆ นี่เอง เขานอนกับเสี่ยวตี้เจ้าค่ะ” มารดาของม่อชิงฉือรีบเดินนำหน้าไปเปิดประตู
อู๋หยางวางมือปราบหนุ่มลงบนเตียง หันไปด้านข้างมีเตียงอีกอัน เด็กชายวัยรุ่นผู้หนึ่งกำลังนอนหลับอยู่ ม่อฮูหยินเห็นสายตาของคุณชายอู๋ก็ยิ้มน้อยๆ
“นั่นเสี่ยวตี้ น้องชายของชิงฉือเจ้าค่ะ”
“ขอรับ อบอุ่นดีจริง พี่น้องนอนห้องเดียวกัน”
ม่อฮูหยินรีบถอนรองเท้าให้กับบุตรชายที่กำลังบ่นพึมพำและกวัดแกว่งมือเท้าไปทั่ว
“ชิงฉือ เมาแล้วก็นอนเสียเถิด เจ้าดิ้นทำไมกัน?”
มือปราบหนุ่มที่กำลังอยู่ในภวังค์ว่าตนเองกำลังต่อสู้ขยับมือขยับเท้าโวยวายไม่เป็นภาษาจนมารดาเอือมระอา
“ท่านน้าว่าเขาเมาเช่นนี้คงจะรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว ควรจะเช็ดตัวแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าเสียก่อน ท่านไปหาน้ำกับผ้ามาเถิด ข้าจะเฝ้าเขาให้เอง”
“ดีเหมือนกันเจ้าค่ะ รบกวนคุณชายสักครู่นะเจ้าคะ”
“ไม่เป็นไรขอรับ ท่านน้าไม่ต้องเกรงใจ ถือเสียว่าข้าเป็นสหายของชิงฉือก็แล้วกัน”
อู๋หยางทรุดตัวลงนั่งขอบเตียง มองใบหน้าคมคร้ามของคนเมาที่หยุดดิ้นแล้วค่อยๆ ปลดเสื้อผ้าของเขาออก จนเหลือเพียงกางเกงขายาวตัวใน
ม่อฮูหยินเดินออกจากห้องไปเทน้ำใส่อ่างไม้ใบเล็กๆ และหยิบเอาผ้ามาด้วยผืนหนึ่ง นางกำลังจะเช็ดตัวให้บุตรชาย ทว่าอู๋หยางขันอาสา
“ให้ข้าช่วยเถิดขอรับ ข้าตัวใหญ่กว่าท่าน น่าจะสะดวกกว่า”
“ขอบคุณคุณชายมาก ท่านช่างมีน้ำใจเหลือเกิน”
หญิงวัยกลางคนยิ้มด้วยความปลาบปลื้ม คุณชายอู๋ช่างเป็นคนดีนัก นอกจากจะช่วยพาบุตรชายของนางกลับมาบ้านแล้ว ยังช่วยเช็ดตัวให้อีก ตัวนางก็ร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง หากต้องเช็ดตัวให้บุตรชายที่ตัวโตกว่าก็คงทำได้เช็ดหน้าอก ลำคอ กับใบหน้า ไหนเลยจะทำได้อย่างคุณชายอู๋ที่ประคองบุตรชายของนางขึ้นนั่งแนบตัวแล้วเช็ดเสียจนตัว
“ดูเหมือนชิงฉือจะสบายขึ้นอย่างที่ท่านว่า ดูสิ หลับสนิทไม่ดิ้นแล้ว”
อู๋หยางยิ้มเมื่อได้ยินเสียงกรนเบาๆ ของคนที่เขากำลังสวมเสื้อผ้าตัวใหม่ให้ ท่านหมอหนุ่มขอให้ม่อฮูหยินออกไปรอข้างนอก เขาถอดกางเกงของม่อชิงฉือแล้วเช็ดส่วนล่างให้พร้อมกับเปลี่ยนกางเกงให้ใหม่
พอเช็ดตัวเสร็จ ท่านหมอรูปงามก็ห่มผ้าให้กับม่อชิงฉือ ก่อนจะโน้มตัวไปจูบที่หน้าผากของคนเมาที่หลับสนิท แต่...พอหันไปดูที่เตียงอีกด้าน ม่อเหอตี้ที่รู้สึกตัวตื่นกำลังนอนตะแคงลืมตาปริบๆ ดูอยู่
“เจ้าห้ามพูดเรื่องนี้เด็ดขาด เข้าใจหรือไม่?” อู๋หยางทำสายตาปรามเด็กชายพร้อมยกนิ้วชี้ของตนแตะริมฝีปาก
เขาควักเอาเงินตำลึงเงินออกมาแล้วยื่นให้กับม่อเหอตี้ เด็กชายรีบพยักหน้าตกลง ในใจก็ได้แต่ขออภัยที่เขาจำต้องขายพี่ชายกิน
‘พี่ชิงฉือ หน้าผากท่านช่างล้ำค่าเสียจริง คราวหน้าข้าจะบอกให้คุณชายผู้นี้จูบแก้มพี่ น่าจะได้เพิ่มเป็นสองก้อน’
ม่อชิงฉือรู้สึกตัวตื่นขึ้นในตอนสาย เมื่อคืนเขาหลับสนิทไม่ฝันถึงสิ่งใด แต่พอยันกายขึ้นนั่งเอาหลังพิงหัวเตียงได้ครู่หนึ่ง ความทรงจำเมื่อคืนก็ค่อยๆ หลั่งไหลกลับมา
“อู๋หยาง เจ้าหมอโฉดนั่นแอบตามข้ามา” มือปราบหนุ่มพึมพำ
เขาพลันนึกออกว่าถูกคนผู้นั้นปล้นจูบจนหลังชิดกำแพง ซ้ำยังถูกอุ้มขึ้นรถม้า จากนั้นก็ไม่รู้สึกตัวอีกเลย ม่อชิงฉือก้มลงมองเสื้อผ้าที่ตนสวมใส่ จากนั้นก็ยกแขนเสื้อขึ้นมาดม กลิ่นเสื้อผ้าเพิ่งซักทำให้รู้ว่าตนเองได้รับการเปลี่ยนเสื้อผ้า เขารีบลุกจากเตียงวิ่งออกไปนอกห้อง
“ท่านแม่! ท่านแม่!”
ม่อฮูหยินที่กำลังสาละวนกับการล้างผักเพื่อทำผักดองได้ยินเสียงร้องเรียกของบุตรชายก็รีบลุกมาดู
"ชิงฉือ เจ้าตื่นแล้วหรือ? เดี๋ยวแม่ไปอุ่นน้ำแกงให้”
ม่อชิงฉือเดินตามไปซักไซ้มารดาถึงเรื่องเมื่อคืน
“คุณชายอู๋เป็นคนมาส่งเจ้า ซ้ำยังช่วยเช็ดตัวเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ด้วย เขาเป็นคนดีจริงๆ นะ เจ้าวาสนาดีจริง มีคนดีๆ เช่นนี้เป็นสหาย”
มือปราบหนุ่มได้ยินถึงกับผงะ
“หา! ท่านแม่ เหตุใดท่านจึงปล่อยให้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ข้าเล่า? ข้าไปมีสหายอย่างเขาเมื่อใดกัน?”
“อ้าว! ก็เขาอุตส่าห์มาส่งเจ้า ทั้งยังกุลีกุจอช่วยเหลือห่วงใยขนาดนั้น แม่ก็ต้องรับความหวังดีของเขาเอาไว้สิ เจ้าจะให้แม่ยักแย่ยักยันเช็ดตัวให้เจ้าไหวหรือ?”
ม่อชิงฉือหน้าคว่ำ เขารู้ว่าร่างกายมารดาไม่ค่อยแข็งแรง แต่การที่ปล่อยให้เจ้าหมอโฉดถอดเสื้อผ้าเขาทั้งหมด เช่นนี้....เช่นนี้ก็....เท่ากับคนผู้นั้นได้เห็นเนื้อตัวเขาหมดแล้ว
‘จบกัน...ความบริสุทธิ์ของข้า ทั้งถูกเจ้าหมอบ้าปล้นจูบ ทั้งถูกเห็นร่างกายไปจนหมด’
“ท่านแม่ หากเขามาอีกคราวหน้า ท่านอย่าให้เขาเข้าบ้านของเราโดยเด็ดขาดนะขอรับ และท่านก็จำไว้ด้วยว่าข้ากับเขาไม่ได้เป็นสหายกัน เขาเป็นสหายของหัวหน้ากู้ต่างหาก”
“เอ๊ะ! เจ้าเด็กคนนี้ เขาเป็นสหายของหัวหน้าเจ้า เจ้าก็ควรเกรงใจเขาสิ จะไปรังเกียจเขาทำไมกัน? แม่ก็เห็นเขาพูดจาออกจะสุภาพ ซ้ำยังใส่ใจเจ้ามากด้วย”
ม่อชิงฉือพูดไม่ออก เป็นเขาเองที่ไม่อยากจะให้อู๋หยางเข้ามาใกล้เพราะเขาเริ่มรู้สึกว่าตนเองหวั่นไหวกับสายตาและสัมผัสของเจ้าหมอโฉด ตอนนี้เขาเริ่มสงสัยในตนเองแล้วว่า...เขาก็อาจจะเป็นต้วนซิ่ว
*************************
