ตอนที่28.อันตรายมากแค่ไหน
“นางเป็นปีศาจรึ” เจิ้งไฉปากเร็วพูดแบบไม่คิด ลืมไปว่านายของตนครึ่งหนึ่งก็เป็นปีศาจ “แต่ตอนที่ข้าสังเกตการณ์ที่บ้านตระกูลว่าน ไม่เห็นนางมีอิทธิฤทธิ์ใดเลย”
ยังไม่ทันได้ข้อสรุปอันใด ท่านหมอที่เชิญมาตรวจอาการแม่นางว่านเดินออกมาจากห้องพักของนาง เขาโค้งตัวรายงานต่อท่านอ๋อง
“เรียนท่านอ๋อง แม่นางผู้นั้นได้รับพิษจากกำยานทำให้ร่างกายชาควบคุมตนเองมิได้ ซ้ำนางยังอ่อนแอเป็นไข้ จึงเป็นเหตุให้ต้องใช้เวลาในการถอนพิษมากกว่าปกติพ่ะย่ะค่ะ”
“อันตรายมากแค่ไหน”
“ไม่มากเท่าไหร่นัก เพียงแค่ต้องพักฟื้นสองถึงสามวันจะดีขึ้น กระหม่อมจะจัดยาให้นาง ระหว่างนี้ร่างกายนางจะขับพิษออกทางเหงื่อ ท่อนอ๋องโปรดให้หญิงรับใช้ช่วยเช็ดตัวให้นาง อย่าให้ร่างกายนางชุ่มเหงื่อจนเกินไป มิเช่นนั้น ไข้จะไม่ทุเลาเอาโดยง่าย”
ท่านหมอพูดจบ แต่ไม่ได้ยินคำพูดใดจากใบหน้าเรียบนิ่งขององค์ชายเฟยเทียน ซิ่นเจี่ยงลอบถอนหายใจ องค์ชายผู้นี้นอกจากหวงคำพูดแล้ว ยังหวงท่าทีอีกด้วย เขาจึงเป็นฝ่ายเปิดปากตอบรับท่านหมอเสียเอง ให้เด็กรับใช้ไปส่งท่านหมอ เมื่อท่านหมอออกไปแล้ว ร่างสูงลุกขึ้นเดินเข้าไปในห้องของหญิงสาวทันที
“ท่านอ๋อง...”
เรียกได้แค่นั้นซิ่นเจี่ยงได้แต่ส่ายหน้าไปมา ถ้าไม่เคยร่วมเป็นร่วมตายกันมา คงไม่มีทางเข้าใจท่าทางนิ่งขรึมไม่พูดจาเช่นนี้เป็นแน่ องครักษ์มองหน้ากันเลิ่กลั่ก ปกติเขาติดตามผู้เป็นนายดุจเงาตามตัว กำลังสาวเท้าเดินตาม แต่พัดของซิ่นเจี่ยงแตะไหล่ห้ามไว้ก่อน
“พวกเจ้ารอด้านนอก ข้าตามท่านอ๋องเอง” ซิ่นเจี่ยงลุกขึ้นแล้วเดินเร็วๆ ตามหลังองค์ชายไป เวลานี้องครักษ์สองคนนี้ใส่หน้ากากเหล็กหน้าตาดุดันน่ากลัว หากไปยืนประกบองค์ชายเฟยเทียน รัศมีอำมหิตแผ่กระจาย ประเดี๋ยวได้หามหญิงรับใช้ออกมาอีก
เพียงร่างสูงก้าวเข้าไปใกล้เตียงของหญิงสาว เขาก็เห็นร่างบางทุรนทุรายแม้ดวงตาจะปิดสนิท ราวกับนางผจญในฝันร้าย เหงื่อชุ่มราวกับตากฝน หญิงรับใช้สองคนนั้น คนหนึ่งประคองนางไว้ อีกคนถือชามยาพยายามป้อนยาให้ องค์ชายยืนดูอยู่อึดใจ เห็นทั้งสองยังป้อนยาไม่สำเร็จเสียทีจึงก้าวเข้าไป หญิงรับใช้ผวาเฮือกรีบลุกออกจากเตียงลงไปนั่งกับพื้น ปล่อยให้องค์ชายเฟยเทียนประคองนางขึ้นนั่ง ใช้แผ่นอกของตนเองให้นางพิง มือใหญ่ยื่นไปรับชามยาจากหญิงรับใช้ คนในวงแขนสะบัดหน้าไปมา เมื่ออยู่ใกล้จึงเห็นหางตาของนางมีน้ำตาไหลเปื้อนแก้ม
ซิ่นเจี่ยงตามมาทีหลัง แต่ทันเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด รวมทั้งขณะที่องค์ชายประคองนางไว้ ยกชามยาขึ้นจิบแล้วป้อนยาให้นางด้วยปากของพระองค์เอง หญิงรับรีบใช้ก้มหน้า รู้ดีว่านี่คือความเมตตาที่พระองค์ป้อนยาด้วยตนเอง แม้เป็นหญิงที่มิได้ออกเรือนแต่ก็รู้ว่าหลังจากยาผ่านคอของนางไปแล้ว ริมฝีปากของท่านอ๋องยังคงดูดกลืนคลอเคลียริมฝีปากนางอยู่
“ท่านอ๋อง” ซิ่นเจี่ยงเรียกเบาๆ เกรงว่าการป้อนยาอันยาวนานนี้จะทำให้หญิงรับใช้หน้าแดงจนเป็นลมล้มพับไปเสียก่อน
องค์ชายเฟยเทียนละริมฝีปากนุ่ม ก้มมองดูร่างเล็กที่เริ่มสงบลง เสื้อผ้าของนางถูกคนชั่วฉีกขาดจนเห็นเอี๊ยมตัวในที่รุ่ยร่าย ทว่าบุรุษผู้ช่ำชองเรื่องคาวโลกีย์เช่นเขา กลับประหลาดใจกับแถบผ้าที่รัดรอบอกของนาง ปลายนิ้วเกี่ยวเอี๊ยมดึงลงมาเล็กน้อยแล้วก็ขมวดคิ้ว
“นี่อะไร นางบาดเจ็บหรือ?”
“เอ่อ...ผ้ารัดอกเพคะ” หญิงรับใช้กลั้นใจตอบแม้จะก้มหน้าอยู่
“แล้วรัดไว้ทำไม”
“ท่านอ๋อง นางคงไม่ได้บาดเจ็บ แค่ผ้าแถบรัดอกเท่านั้น”
ซิ่นเจี่ยงแม้รู้ว่าไม่ควรมอง แต่ต้องพูดออกไป เพราะดูท่าหญิงรับใช้ทำท่าจะเป็นลมเสียให้ได้
“เหงื่อนางออกมาก ปลดออกให้นาง แล้วหาเสื้อผ้ามาเปลี่ยนให้นางด้วย” พูดจบก็ประคองร่างหญิงสาวลงนอนตามเดิม เพราะเหงื่อที่ออกมาทำให้เส้นผมเปียกชื้น นิ้วกร้านเกลี่ยเส้นผมที่ลงมาเคลียแก้มให้นาง เผลอสำรวจดวงหน้าน้อย แม้จะมีรอยแผลเป็นที่แก้มขวาก็ตาม
“สะ...เสื้อผ้าของสตรี มีแต่ของพะ...พวกเราหญิงรับใช้เพคะ” หญิงรับใช้ที่นั่งบนพื้นกล่าวขึ้นอย่างหวาดหวั่น
