ท่อนแขนมังกร

219.0K · จบแล้ว
เพลงมีนา
189
บท
66.0K
ยอดวิว
9.0
การให้คะแนน

บทย่อ

ในคราวนั้น "เฟยเทียน" เพียงต้องการพลัง เพื่อครอบครองอำนาจ จึงเรียกปีศาจมังกรเพลิงและแลกเปลี่ยนบางสิ่งเพื่อให้ได้ชัยชนะในสงคราม ทรายย้อมโลหิต ทว่าปีศาจมังกรเพลิงตนนั้นใช้แขนซ้ายของเขาเป็นที่หลบซ่อนการตามล่าจากเทพมังกรดิน จึงปรากฏรอยสักสีเพลิงรูปมังกรที่ท่อนแขนซ้าย ทว่าการสู้รบแบบโหดเหี้ยมทำเขาถูดขับออกจากตำแหน่งรัชทายาทซึ่งเขามิใส่ใจ เป็นลูกที่พ่อไม่รัก ซ้ำกำจัดไม่ได้ ต้องเก็บเขาไว้เป็นเสี้ยนหนามตำหัวใจเช่นนี้ เฟยเทียนกลับรู้สึกสุขสำราญใจดี "ว่านหนิงเหมย" ในวัยสิบแปด ไม่มีวี่แววว่าจะมีใครกล้ามาสู่ขอนางไปเป็นภรรยา ไม่ใช่เพราะฐานะที่เป็นลูกอนุของเสนาบดีว่านเท่านั้น แต่เพราะรอยแผลเป็นที่แก้มขวาของนางอีกด้วย เมื่อครั้งที่นางอายุเพียงสิบสอง การพบกันครั้งแรกระหว่างนางกับองค์ชายเฟยเทียน อุบัติเหตุครั้งนั้นทำให้ผู้อื่นเข้าใจเขาผิดคิดว่าเขาใช้กรงเล็บมังกรกรีดใบหน้านางจนเสียโฉม แม้นางจะบอกทุกคนว่าไม่ใช่ความผิดของเขาก็ไม่มีใครเชื่อนาง แต่เพราะแผลเป็นนี้ทำให้นางรอดพ้นการถูกบังคับให้แต่งงานได้ ขอเพียงใช้ชีวิตเรียบง่าย แม้ต้องอยู่เพียงลำพังนางก็ยินดี ว่านหนิงเหมยเป็นคนโปรดของฮองไทเฮา ด้วยนางเป็นคน "มือเย็น" ต้นไม้ดอกไม้ที่ผ่านมือนาง แม้ใกล้ตายก็ยังฟื้นกลับมาเบ่งบานได้อีกครั้ง แม้นางจะถูกเรียกว่า "คนโปรด" แต่ดูแล้วไม่ต่างจากคนสวนเท่าใดนัก "เฟยเทียน"เข้าวังหลวงตามคำสั่งของพระบิดา ด้วยความดีความชอบที่ทำศึกรวมแผ่นดินได้สำเร็จจึงประทานตำแหน่งชินอ๋องและจะประทานคู่ครองให้ เขาบังเอิญพบว่านหนิงเหมยอีกครั้ง ด้วยตัวเขามีพลังปีศาจอยู่ครึ่งหนึ่ง เมื่อเข้าใกล้ดวงจิตเทพมักอ่อนแรง เมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงอัปลักษณ์ผู้นี้ เขากลับไม่อาจใช้พลังของตนกับนางได้ เขากลายเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาไร้พิษสง ความลับนี้ทำให้เขาคิดกำจัดนาง แต่ดูว่าการพยายามกำจัดนางไร้ผล ด้วยเหตุนี้เขาก็เปลี่ยนใจเก็บนางไว้ข้างกาย หากผู้อื่นรู้ความลับนี้ จะเอานางมาเป็นเครื่องมือสังหารเขาได้ "ถ้าจะประทานสมรสให้กระหม่อม กระหม่อมขอเลือกคนที่จะมาชายาด้วยตนเอง" "เจ้ามีหญิงที่หมายปองอย่างนั้นรึ"ฮ่องเต้ทรงแปลกพระทัยนัก "มีแต่เป็นคนของฮองไทเฮา ไม่ทราบว่าฮองไทเฮาจะมอบให้กระหม่อมได้หรือไม่" "เป็นใครกัน" ฮองไทเฮาข่มความหวาดกลัว พระนางกลัวว่าเฟยเทียนหมายจะเอาองค์หญิงหรือท่านหญิงที่นางโปรดปรานไป "ว่านหนิงเหมย" เพียงเอ่ยชื่อนาง ในห้องประชุมถึงกับเงียบกริบ ใครเลยจะคาดคิดว่าปีศาจผู้นี้จะต้องการเพียงหญิงอัปลักษณ์ที่แทบไม่มีใครรู้จัก.

นิยายจีนโบราณแม่ทัพท่านอ๋องแต่งงานสายฟ้าแลบรักหวานๆรักแรกพบจีนโบราณโรแมนติกเทพสงคราม18+

บทนำ

ก่อนออกรบในครั้งนี้ เขาคิดว่าเป็นเพราะได้รับความไว้วางพระราชหฤทัยจากองค์ฮ่องเต้ เขาคือองค์ชายเฟยเทียน คือองค์รัชทายาท แต่ไม่คิดเลยว่าการสู้รบยาวนานนับเดือนเช่นนี้ ซากศพที่กองสูงเป็นภูเขาซากมนุษย์ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งในอากาศผสานกับเสียงร่ำไห้และเสียงสาปแช่ง เพราะเหตุใดกันเขาเพียงแค่ต้องการรวบรวมแผ่นดินมังกรให้เป็นแผ่นดินเดียว

การศึกที่ยืดเยื้อความสูญเสียมีมากขึ้น ไม่มีกองหนุนมาช่วย คล้ายปล่อยให้เขาตายในสนามรบ!

องค์ชายเฟยเทียนแม้เพียงสิบเจ็ดชันษา ทว่าในมือนั้นถือกระบี่อาบโลหิต ดวงตายังจับจ้องเบื้องหน้า ทหารของเขาสู้สุดใจ คนเหล่านี้ต่างหากที่เขาสามารถเรียกได้ว่าเป็น ‘ครอบครัว’ เหนื่อยล้าจนมือที่จับกระบี่แทบยกไม่ขึ้น ทั้งเหงื่อและเลือดไหลรวมกัน ท้องฟ้าขมุกขมัวเหลือเกิน

นี่คือวันแห่งความตายของเขาเช่นนั้นรึ?

ไฉนฮ่องเต้ไม่ส่งกองหนุนมาช่วย หากเพียงต้องการกำจัดเขา ผู้ซึ่งเกิดจากฮองเฮาที่พระองค์มิรักใคร่ ไยต้องส่งเขามาสนามรบเช่นนี้ หรือเพื่อให้เขาตายอย่างสมเกียรติ

เสียงหัวเราะดังกึกก้องเย้ยหยัน ณ เวลานี้ความตายมิได้น่ากลัว หากแต่การที่องค์ฮ่องเต้ประสงค์จะให้เขาตาย แต่ต้องนำผู้อื่นมาตายด้วยเช่นนี้ มันสมควรแล้วหรือ? คนเหล่านี้ล้วนมีครอบครัว มีคนที่เฝ้ารอพวกเขากลับไป ผิดกับเขาที่ไม่มีผู้ใดต้องการแม้แต่จะเห็นศพด้วยซ้ำ! หากเพียงเขาแข็งแกร่งเข้มแข็งเพื่อยืนหยัดได้นานกว่านี้ ให้ทหารของเขาได้ล่าถอยหลบหนีได้ทัน คงเป็นการดีไม่น้อย

พลันลมพายุหมุน ท้องฟ้าที่มืดครึ้มเปิดออกด้วยแสงจากฟากฟ้า กองเพลิงเบื้องหน้าหมุนเป็นเกลียวตามกระแสลมบังเกิดเป็นรูปร่างมังกรขนาดใหญ่ต่อหน้าองค์ชายเฟยเทียน ในเวลานี้เขากลับยืนมองด้วยความสงบ ไม่มีท่าทีหวาดกลัวหรือตื่นตระหนกแต่อย่างใด

ดวงตาที่จ้องมองเป็นลูกไฟร้อนแรง ส่งเสียงคำราม ปลายหางสะบัดไปมาก่อนฟาดลงพื้นเกิดรอยแยกบนแผ่นดิน เสียงคนหวีดร้องโหยหวน แต่ชายหนุ่มยังคงยืนนิ่ง หรี่ตามองไร้ความขลาดกลัว

“เจ้าจะได้ในสิ่งที่ปรารถนา แต่ต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยน”

“ข้ายินดี”

เสียงหัวเราะคำรามของปีศาจมังกรเพลิงดังกึกก้อง

“เจ้าจะมิถามรึว่าสิ่งใดที่เจ้าต้องเสียไป”

“หากได้ในสิ่งที่ข้าต้องการ ข้ายินดียิ่ง!”

“ดี! เจ้าจะได้ในสิ่งที่ปรารถนา”

องค์ชายเฟยเทียนรับข้อเสนอ ไม่สนใจว่าตนเองจะเป็นเช่นไร หากเวลานี้เขามีชัยชนะ ทำให้พลทหารที่เป็นเสมือนครอบครัวแท้จริงของเขาได้กลับบ้าน แม้เขาจะไม่เหลือสิ่งใดเลยก็ตาม

เสียงคำรามของมังกรเพลิงดังกึกก้อง ร่างมังกรเพลิงโผขึ้นท้องฟ้า พ่นไฟใส่ฝ่ายศัตรูขององค์ชายเฟยเทียน เพียงพริบตาเบื้องหน้าปรากฏทะเลเพลิง ทหารฝ่ายตรงข้ามตัวติดไฟวิ่งหนีกันอลหม่าน กลิ่นเนื้อไหม้คละคลุ้งในอากาศ องค์รัชทายาทไม่กะพริบตา จ้องมองสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า มุมปากยกยิ้ม

ปีศาจมังกรเพลิงร่อนไปมาเหนือซากศพแล้วมาหยุดที่เบื้องหน้าองค์ชายเฟยเทียน มันผงกศีรษะแหงนหน้าบินขึ้นฟ้าก่อนพุ่งดิ่งลงมาสู่ร่างของบุรุษหนุ่มทันที เสียงฟ้าผ่าสนั่นหวั่นไหว แสงเพลิงนั้นห่อหุ้มร่างของบุรุษหนุ่มเพียงพริบตาแล้วหายไป เหลือเพียงบุรุษผู้หนึ่งที่ยืนสงบนิ่ง เสื้อคล้ายถูกฉีกขาดจนเปิดเปลือยเรือนร่างท่อนบน ปรากฏรูปมังกรสีแดงเพลิงตวัดเกี่ยวท่อนแขนซ้าย ส่วนศีรษะของมังกรอยู่บนหัวไหล่และปลายหางตวัดรัดรอบข้อมือ

เนิ่นนานเหมือนชั่วกัปชั่วกัลป์ องค์ชายเฟยเทียนยกมือข้างซ้ายขึ้นดู ปรากฏเห็นกรงเล็บยาวงอกออกมา มือซ้ายราวกับไม่ใช่มือของมนุษย์แต่กระนั้นก็ไม่ได้สร้างความตื่นตระหนกให้เจ้าของท่อนแขน ราวกับยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อจิตยอมรับ เล็บยาวนั้นก็กลับหดสั้นเข้าเป็นปกติ เว้นเสียแต่รูปมังกรเพลิงสีแดงบนท่อนแขนซ้ายของเขา

เพียงท้องฟ้าเปิดออก เมฆทมิฬเคลื่อนผ่านไป ยังมีกองเพลิงอยู่เบื้องหน้า แต่มีเสียงโห่ร้องดีใจที่ได้รับชัยชนะดังก้องสนามรบ

ว่ากันว่ามังกรเป็นสัตว์ของเทพ ปกป้องชนชั้นเทพ ทว่ามีมังกรบางตนที่มิอาจละกิเลสตัณหา ถูกขับลงจากสวรรค์กลายเป็นมารมิใช่เทพ มังกรเพลิงตนนี้ก็เช่นกัน มันเสพสุขกับการล่าและสังหารชีวิตอย่างไร้เหตุผล ไม่ละอายต่อความผิดบาปที่ตนกระทำ แม้สวรรค์ขับลงมาเพื่อให้มันได้สำนึกผิด ทว่ามันกลับเคียดแค้นชิงชังสวรรค์ หลายร้อยปีผ่านมาไม่อาจตระหนักถึงความผิดของตนเอง จากเทพจึงกลายเป็นมารปีศาจ เมื่อพบเจอผู้มีจิตเรียกร้องหาปีศาจ มันจึงปรากฏกายและขอแลกเปลี่ยนในสิ่งที่อีกฝ่ายปรารถนา โดยการสิงสถิตที่ท่อนแขนเพื่อหลบเลี่ยงการตามล่าของเทพสวรรค์

บัดนี้องค์ชายเฟยเทียนกลายเป็นแม่ทัพใหญ่ผู้เกรียงไกร การรบอย่างโหดเหี้ยม ผู้คนหวาดกลัวไม่กล้าแม้จะเอ่ยชื่อ แม้ทำไปเพื่อแผ่นดิน แต่เพราะความเหี้ยมโหดนี้จึงถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาท แม้องค์ฮ่องเต้ปรารถนากำจัดลูกคนนี้เพียงใด แต่ทรงทราบดีว่า หากไร้ชายผู้นี้แล้ว คงมิมีผู้ใดนำทัพทหารได้ยิ่งใหญ่เท่านี้อีกแล้ว.