บท
ตั้งค่า

ตอนที่29.ดวงตาคมปรายตามอง

ดวงตาคมปรายตามองหญิงรับใช้ ทั้งสองหวาดกลัวจนตัวสั่น ซิ่นเจี่ยงรีบพูดแทรกขึ้นทันที

“ให้คนไปหาซื้อมาโดยเร็ว” จะให้ผู้หญิงของท่านอ๋องใส่เสื้อผ้าของหญิงรับใช้ได้อย่างไรกัน “ท่านหมอบอกว่า นางจะมีเหงื่อออกมามาก พวกเจ้าคอยเช็ดตัวให้นาง”

“ข้าน้อยทราบแล้ว”

“ท่านอ๋อง เชิญด้านนอกเถิด ให้พวกนางทำหน้าที่ของนาง”

องค์ชายเฟยเทียนมองใบหน้าที่หลับใหลของหญิงสาวอยู่ครู่หนึ่งแล้วก้าวเท้ายาวๆ ออกไป ทิ้งเสียงถอนหายใจโล่งอกของหญิงรับใช้ไว้ในห้อง ซิ่นเจี่ยงรีบเดินตามหลังออกไป

“กระหม่อมจะส่งคนไปแจ้งทางใต้เท้าว่านให้ทราบว่าแม่นางว่านหนิงเหมยอยู่ที่นี่...” พูดยังไม่ทันจบประโยคดีก็ถูกสายตาคมกริบตวัดมองจนสะดุ้ง กระนั้นก็ยังพูดต่อ “ถึงนางจะเป็นลูกอนุ แต่ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นบุตรสาวใต้เท้าว่านรองเจ้ากรมอากร พาตัวนางมาเช่นนี้ เกรงว่าจะไม่เป็นการดีนักพ่ะย่ะค่ะ”

“หากข้าไม่สั่งให้เจิ้งไฉติดตามนาง ป่านนี้นางจะเป็นเช่นไร”

“แต่นางก็มีผู้อื่นปกป้อง” ตามที่เจิ้งไฉเล่าให้ฟัง แล้วซิ่นเจี่ยงต้องสะดุ้งอีกรอบ เมื่อถูกสายตาคมจ้องมองแทนคำตอบ ถ้าไม่ใช่เพราะรับใช้องค์ชายมานาน เห็นทีเขาคงเป็นลมล้มพับไปเหมือนบรรดาหญิงรับใช้

“กระหม่อมทราบแล้วพ่ะย่ะค่ะ จะให้สาวใช้ดูแลนางอย่างดียิ่ง”

เห็นองค์ชายเดินลิ่วๆ ไปทางสวนดอกท้อ กุนซือหนุ่มก็ลอบถอนหายใจ โบกพัดไล่ให้เจิ้งหู่กับเจิ้งไฉติดตามองค์ชายเฟยเทียนไป ส่วนตนเองต้องรับหน้าที่เป็นผู้ดูแลแม่นางผู้นั้น

ไม่รู้ว่าที่เรียกความสนใจจากท่านอ๋องได้นั้น เพราะ ‘บางสิ่ง’ ที่ยังไม่ได้คำตอบจากนาง หรือเพราะชะตากรรมที่คล้ายคลึงกัน ระหว่างที่องค์ชายเฟยเทียนให้เจิ้งไฉติดตามดูความเคลื่อนไหว เขาเองได้รับคำสั่งให้สืบประวัติของนาง ซึ่งก็มีความเป็นมาคล้ายคลึงกับพวกเขา ทั้งเขาและองครักษ์ผู้ติดตามท่านอ๋องหรือองค์ชายเฟยเทียนนั้นเป็นเด็กกำพร้า แต่ว่านหนิงเหมยเป็นลูกอนุที่ไม่ได้รับความรักหรือเอาใจใส่นัก ซึ่งในส่วนนี้คล้ายกับองค์ชายเฟยเทียน นี่อาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่องค์ชายสงสารนางก็เป็นได้

ทว่าก่อนอื่น ต้องให้เด็กรับใช้หาเสื้อผ้าสตรีให้ผู้หญิงของท่าน

อ๋องเสียก่อน

ดวงตาที่ปิดลืมตาขึ้นอย่างช้าๆ นางกะพริบตาอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อภาพที่เห็นเบื้องหน้าชัดเจนแล้ว เพราะสิ่งที่เห็นไม่คุ้นตาทำให้หญิงสาวตื่นตระหนก ร่างบางผวาขึ้นจากเตียงนอน แต่เพราะลุกขึ้นเร็วเกินไปจึงรู้สึกหน้ามืดจนต้องยกมือขึ้นกุมขมับ

“เป็นที่ใดกัน”

ว่านหนิงเหมยพึมพำ เมื่อตั้งสติได้ก็ก้มมองตนเอง เห็นเพียงร่างเกือบเปลือยมีเพียงผ้าแพรผืนบางคลี่ห่มอยู่ นางดึงผ้าแพรขึ้นปิดทรวงอกที่เปลือยเปล่าก่อนยื่นมือไปผลักผ้าม่านมุ้ง หญิงสาวกวาดสายตาไปรอบๆ ภายในห้องตบแต่งหรูหรา ไม่เหมือนห้องที่นางไปเยือนในโรงน้ำชาของคนผู้นั้น หรือชายที่ชื่อเปาเยียขายนางมาแล้ว นางกวาดตามองหาเสื้อผ้าของตนแต่ไม่เห็นแม้แต่ชิ้นเดียว หญิงสาวตวัดเท้าเปลือยเปล่าลงไปยืนข้างเตียง ใช้ผ้าห่มแพรผืนนั้นพันรอบกาย เดินอย่างแผ่วเบาหวังหาทางหลบหนี

นางเดินได้ไม่กี่ก้าว รู้สึกว่ามีคนกำลังเข้ามาในห้อง นางหันซ้ายหันขวา เห็นเชิงเทียนทองเหลืองอยู่ใกล้มือจึงคว้าไว้ก่อนแล้วหาที่หลบซ่อนอยู่หลังแจกันทรงสูงท่วมศีรษะนาง

บุรุษร่างสูงผลักบานประตูเข้ามา ไม่อาจรู้ว่าเหตุใดถึงกระวนกระวายใจจนไม่อาจมีสมาธิฝึกซ้อมเพลงกระบี่ได้ จำต้องเดินกลับมาดูนางอีกรอบ ทั้งที่ซิ่นเจี่ยงเองบอกเขาแล้วว่านางปลอดภัยดี แม้ว่านางมีผู้ปกป้อง แต่ถ้าเขาไปช้าเกินไป นางจะเป็นเช่นไร หมดสติอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะมีคนมาช่วย? สิ่งที่เห็นไม่ได้สร้างความแปลกประหลาดใจอันใดนัก แต่ที่หาคำตอบให้ตนเองไม่ได้คือ ทำไมเขาเป็นห่วงนาง คำถามที่หาคำตอบไม่ได้ทำให้เขาหงุดหงิด สองเท้าพาร่างของตนกลับมาดูนางอีกครั้ง

เพียงผลักบานประตูเข้าไป ด้วยประสาทสัมผัสที่ไวเป็นพิเศษ รู้สึกได้ถึงความเคลื่อนไหวใกล้ตัว ชะงักเท้าและเตรียมตั้งรับ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel