ตอนที่12.
ว่านหนิงเหมยไม่รู้จะหัวเราะหรือร้องไห้ดี บรรดาขันทีและนางกำนัลช่วยกันขนย้ายต้นไม้รูปร่างแปลกตา แต่นางรู้ว่าพืชพรรณเหล่านี้เป็นต้นไม้ทะเลทราย องค์ชายเฟยเทียนหรือบัดนี้รับตำแหน่งชินอ๋องนำมาถวายฮองไทเฮา คราแรกที่ขันทีมาเรียกไว้ยังไม่ให้นางได้กลับบ้าน นางนึกว่าเป็นเพียงต้นไม้ขนาดเล็กน่ารัก แต่ไม่นึกว่าจะเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ บางต้นสูงกว่าตัวนางเสียอีก
“นี่ยกมาทั้งทะเลทรายเลยหรือไร” หญิงสาวบ่นอุบอิบกับตนเอง “ต้นไม้พวกนี้ต้องการแดดจัด อย่างไรเอาไว้ด้านนอกก็แล้วกันนะ”
“ขอรับแม่นางว่าน” ขันทีคนหนึ่งเอ่ยกับนาง
“รบกวนส่งคนไปแจ้งที่บ้านของข้าให้ด้วย คาดว่าข้าคงต้องดูแลเรื่องการขนย้ายให้เสร็จก่อน ต้นไม้เหล่านี้แรมรอนมานานนับเดือน อย่างไรรีบเอาลงจากเกวียนก่อนดีกว่า”
ขันทีผู้เดิมผงกศีรษะรับคำสั่ง หากไม่ใช่คำสั่งของฮองไทเฮาแล้ว เขาไม่มีความจำเป็นต้องทำตามที่นางร้องขอ เมื่อเห็นว่านางไม่ต้องการสิ่งใดเพิ่ม จึงขอตัวไปทำตามที่ว่านหนิงเหมยต้องการ
เมื่อวานในงานเลี้ยง แม้นางอยู่ที่นั่นแต่ได้นั่งในตำแหน่งไกลๆ หากไม่ใช่เหล่าพฤกษาส่งเสียงกระซิบพูดคุย นางคงไม่รู้ว่ามีเรื่องใดเกิดขึ้น องค์ชายเฟยเทียนไม่ได้ยินดียินร้ายกับตำแหน่งชินอ๋องที่ฮ่องเต้พระราชทานให้ ตำแหน่งนี้ควรประทานให้องค์ชายเฟยเทียนนานแล้ว แม้มีความดีความชอบในการรวมแผ่นดิน ทว่าฮ่องเต้ยังทรงหวาดระแวงอดีตรัชทายาทผู้นี้ ควรมอบตำแหน่งผู้ปกครองแคว้นกันซู่ให้ด้วยซ้ำ องค์ชายเฟยเทียนเองกลับพอพระทัยกับการอยู่ตุนหวง ไม่สนใจเรื่องอื่น
นางเองไม่ใคร่รู้เรื่องในวังหลวงนัก แม้เหล่าพฤกษาจะกระซิบเล่าเรื่องนั้นเรื่องนี้ให้ฟัง นางก็ได้แค่รับฟัง เพราะนางไม่ได้มีน้ำหนักจะช่วยผู้ใดไต่เต้าได้ตำแหน่ง ด้วยเหตุนี้ บิดาจึงก่นด่าประชดประชันเสมอ นางได้ใกล้ชิดฮองไทเฮา แต่ไม่อาจสนับสนุนคุณชายหรือแม้แต่ท่านหญิงได้ นางอาจดูเหมือนเป็น ‘คนโปรด’ แต่ก็เป็นคนโปรดที่ฮองไทเฮาไม่ปรารถนาจะทอดพระเนตรเห็นใบหน้าที่มีรอยแผลนี้ด้วยซ้ำไป
“จะทำอย่างไรดี สุราอาหารส่งไป ดูคล้ายไม่ถูกปากท่านอ๋องหรือแม้แต่ผู้ติดตามก็ไม่แตะต้อง”
นางกำนัลสองคนที่เดินผ่านหญิงสาวบ่นอุบอิบ เมื่อเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับองค์ชายเฟยเทียนหรือชินอ๋องแล้ว ว่านหนิงเหมยย่อมหูผึ่งทันที เมื่อเดินไปลับตาผู้อื่น นางสอบถามกับเหล่าพฤกษาในสวนสี่ฤดู
“จริงรึ? องครักษ์ทั้งสองชอบกินขนมหวาน”
ว่านหนิงเหมยถึงกับโคลงศีรษะไปมา แต่ต้นหลิวที่ยืนต้นเด่นริมสระบัวกลับสั่นไหวยืนยันในสิ่งที่ได้กล่าวไปแล้ว
“ที่แท้มิใช่ไม่ถูกปาก แต่ไม่ใช่ของโปรดละสิ” หญิงสาวหัวเราะเบาๆ นึกถึงจ้าวต้าของนาง แม้จะเป็นเด็กชายตัวเล็กที่มักทำท่าทีองอาจเพื่อปกป้องนาง แต่เอาเข้าจริง เขาก็คือเด็กน้อยที่นางหลอกล่อด้วยขนมหวานได้ทุกคราวไป
‘กุนซือรูปงามผู้นั้น ชอบเดินหมากล้อมเป็นที่สุด’
‘เจิ้งหู่ เป็นแฝดผู้พี่’
‘เจิ้งไฉเป็นแฝดผู้น้อง’
‘ทั้งสามร่วมรบในสงครามทรายย้อมโลหิต จึงเป็นดั่งสหายรักขององค์ชายเฟยเทียน’
‘จุ๊ๆ ต้องเรียกชินอ๋องสิ’
‘องค์ชายไม่สนใจตำแหน่งเสียหน่อย ใจพะวงอยากกลับตุนหวงแล้ว’
‘ทรงบรรทมไม่ค่อยหลับ หรือหลับก็ไม่สนิท’
‘ฮองไทเฮาให้ท่านอ๋องเลือกหญิงงามมาเป็นพระชายา’
หญิงสาวฟังเหล่าพฤกษาแย่งกันพูดเรื่องขององค์ชายเฟยเทียน คงเพราะเรื่องการคัดเลือกหญิงงามมาเป็นพระชายา องค์ชายเฟยเทียนจึงพำนักในตำหนักของฮองไทเฮา คงเกรงว่า หากปล่อยให้องค์ชายเสด็จ
กลับไปตำหนักชินอ๋อง อาจหนีกลับตุนหวงเหมือนครั้งที่ผ่านมา
“ไม่รู้ป่านนี้ขนต้นไม้ลงมาหมดหรือยัง” นางบ่นพึมพำ อีกฝั่งหนึ่งของสวนสี่ฤดูตระเตรียมพื้นที่สำหรับพืชทะเลทรายไว้แล้ว ทว่านางไม่คิดว่าองค์ชายเฟยเทียนจะนำต้นไม้ใหญ่อย่างอินทผลัมมาเช่นนี้ หากต้นเล็กก็มีกุหลาบทะเลทรายและเหล่ากระบองเพชรหน้าตาแปลกประหลาดที่ไม่ได้พบเห็นได้ง่ายนัก
