ตอนที่10.อยากรู้อะไรถามพวกข้าสิ
เสียงซุบซิบจากบรรดานางกำนัลและเหล่าขันทีในเวลานี้ต่างไม่พ้นเรื่ององค์ชายเฟยเทียน เสด็จจากตุนหวงมาเมืองหลวงเพื่อร่วมงานฉลองวันประสูติของฮองไทเฮาแล้ว ฮ่องเต้ยังประทานตำแหน่งชินอ๋องอันเป็นตำแหน่งอ๋องที่สูงสุดให้ด้วย
ว่านหนิงเหมยที่ง่วนกับการต่อกิ่งกุหลาบสีแดงสดอยู่ นางใช้ผ้ามุ้งหรือผ้าโปร่งพันรอบกิ่งกุหลาบที่ทดลองขยายพันธุ์ให้ แม้ดวงตาจ้องมองกับสิ่งเบื้องหน้า แต่หูของนางตั้งใจฟังเสียงพูดคุยของนางกำนัลที่อยู่ไม่ไกลนัก
‘อยากรู้อะไรถามพวกข้าสิ’
เป็นเสียงเหล่าพฤกษาในสวนสี่ฤดูพูดคุยกับว่านหนิงเหมย นางเผยอริมฝีปากบ่นขมุบขมิบเพียงคนเดียว แน่ละ ถ้าใครรู้เข้าคงถูกกล่าวหาว่าเป็นมารปีศาจนะซี นางรอนางกำนัลและขันทีไปจากบริเวณนั้น จึงเดินไปล้างมือแล้วพูดออกมา
“พวกเจ้าเป็นพยาธิในท้องข้าหรือไร ถึงรู้ว่าข้าสนใจเรื่องใดอยู่”
‘ใครๆ ก็รู้ว่าเจ้าเฝ้าคิดถึงคนผู้นั้นมากเพียงใด’
‘ไม่ๆ ไม่มีใครรู้หรอกนอกจากนางผู้เดียว’
เสียงหัวเราะคิกคักทำเอาใบหน้าของหญิงสาวแดงระเรื่อ เพราะไม่มีผู้อื่น นางจึงไม่ได้ใช้ผ้าโปร่งปิดครึ่งใบหน้าของตนเอง
“พวกเจ้าพูดจาเหลวไหล” นางแสร้งทำเป็นดุแล้วเดินไปที่ต้นอวี้หลาน (แมกโนเลีย) ซึ่งตอนนี้กำลังผลิดอกเต็มต้น ฮองไทเฮาโปรดสีขาวของดอกอวี้หลานนัก ครั้งหนึ่งก็เคยเป็นดอกไม้ที่โปรดปรานของฮองไทเฮามาก่อน นึกว่ามีแต่บุรุษที่หลายใจ สตรีก็เปลี่ยนใจง่ายเช่นกัน แต่บังเอิญคนผู้นั้นเป็นคนที่ใครก็ตำหนิมิได้
‘ชอบก็บอกว่าชอบ ทำไมต้องโกหกให้ยุ่งยาก’
‘เจ้าไม่รักษารอยแผลบนใบหน้า เพื่อจะได้ไม่ต้องแต่งงานกับผู้อื่นมิใช่รึ’
“คนผู้นั้นใช่คนธรรมดาที่ไหนกัน” ว่านหนิงเหมยยกมือขึ้นทาบลำต้นของต้นอวี้หลาน “ข้าพอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่นี้”
“แต่เจ้าทำให้ข้าพอใจมากจริงๆ”
ว่านหนิงเหมยสะดุ้งหันขวับไปเห็นฮองไทเฮาเสด็จมาทางนางตั้งแต่เมื่อใดไม่รู้ นางแอบคาดโทษเหล่าพฤกษาที่ไม่มีผู้ใดเตือนนางเลยสักนิด หญิงสาวย่อคารวะแต่ฮองไทเฮาโบกมือห้ามไว้
“ฮองไทเฮา”
“อย่ามากพิธีเลย ข้าเองก็ชินแล้วที่มักได้ยินเจ้าพูดผู้เดียว”
“เพคะ” นางก้มหน้าซ่อนความอับอาย
“จะมีงานเลี้ยงตอนบ่าย เจ้ายังไม่เตรียมตัวอีกเรอะ”
“เอ่อ...หม่อมฉันต้องเตรียมตัวอะไรเพคะ” นางเงยหน้าถามอย่างงุนงง
“งานเลี้ยงของข้า เจ้าไปร่วมด้วยสิ”
“แต่ว่า... หม่อมฉัน...”
‘หม่อมฉันเป็นแค่ลูกอนุ ไม่ถูกเรียกว่าเป็น ‘ท่านหญิง’ ด้วยซ้ำ’ หญิงสาวได้แต่พูดในใจ นางไม่มีตำแหน่งที่นั่งในงานเลี้ยงใด แค่ได้ติดตามลูกสาวคนโตของบิดาเข้าวัง นับว่าเป็นเรื่องที่ยากจะเกิดขึ้นกับนางแล้ว
“เจ้านี่ก็ยังไงนะ อยู่กับข้ามาตั้งสองปี มิรู้อีกรึว่าข้าไม่ชอบคนขัดใจ” ฮองไทเฮาหัวเราะน้อยๆ “เด็กๆ มาช่วยหนิงเหมยหน่อย”
ว่านหนิงเหมยสะดุ้งเฮือกแต่ไม่กล้าขัดพระทัย สองปีมานี้นางเห็นความเมตตาของฮองไทเฮาพอๆ กับความเด็ดขาดในการจัดการเรื่องในวังหลัง นางจึงยอมเดินตามนางกำนัลไปที่ห้องพักเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่ที่นางกำนัลนำมาให้
ถูกแล้ว เพราะฮองไทเฮาโปรดดอกไม้ต้นไม้และเปลี่ยนพระทัยอยู่บ่อยๆ แต่มิได้หมายความว่าจะทอดทิ้งต้นใดต้นหนึ่ง ดอกไม้บางชนิดที่ให้กลิ่นหอมยามค่ำคืน บางชนิดรุ่งสาง และบางชนิดก็เพียงปีละครั้ง บางครั้งบางคราวที่ฮองไทเฮานอนไม่หลับ ก็ทรงมาเดินเล่นในสวนสี่ฤดูนี้ เพราะไม่มีใครกล้าขัดพระทัย แม้กลางดึกนางก็ต้องมาอยู่เป็นเพื่อนฮองไทเฮา คอยกระซิบบอกให้เหล่าดอกไม้ส่งกลิ่นรวยรินให้ฮองไทเฮาอารมณ์ดี นางจึงมีห้องพักส่วนตัวในตำหนักของฮองไทเฮาเผื่อบางเวลาที่นางไม่ได้กลับบ้าน
ชุดใหม่ที่ถูกเตรียมให้นางเป็นอาภรณ์สีเขียวอ่อนดุจใบไม้แรกผลิ นางไม่ใช่ดอกไม้งดงามในสายตาฮองไทเฮา แต่เป็นใบไม้ที่แตกใบอ่อน เหล่านางกำนัลช่วยแต่งตัว จัดแต่งทรงผมประดับปิ่นมุกให้นาง แต่นางห้ามเรื่องผัดแป้ง
