ตอนที่ 2-2
“เป็นอะไรเหรอจำปี” ยาหยีอดถามไม่ได้เมื่อเห็นท่าทางเหนื่อยใจของจำปี เพราะปกติแล้วจำปีนั้นขยันขันแข็งไม่เคยเอ่ยปากบ่นเรื่องอะไรให้เธอได้ยินเลยตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา
“ก็อีหยดบ่าวรับใช้ประจำตัวของคุณบัวน่ะสิเกิดเจ็บหนัก ข้าเลยต้องไปรับใช้คุณบัวแทน”
“แล้วทำไมล่ะ” ยาหยียังไม่เข้าใจ
“ก็คุณบัวน่ะเอาช่างเอาแต่ใจ แต่ไหนแต่ไรใครๆ ก็ไม่กล้าขัดใจแต่งหน้าแต่งตัวแต่ล่ะทีถ้าใครทำไม่ถูกใจก็ลงไม้ลงมือจนไม่มีใครอยากไปรับใช้แล้ว ยิ่งวันนี้ต้องไปงานทำบุญบ้านคุณเพ็ญคู่หมั้นขุนกริชเสียด้วย โอ๊ยย แค่คิดข้าก็ขนลุกแล้ว” จำปีโอดโอยก่อนจะเดินย่ำเท้าออกไปอย่างเสียไม่ได้
ตอนนี้จำปีออกไปรับใช้คุณบัวแล้ว ยาหยีที่อุดอู้อยู่แต่ในกระท่อมแคบๆ เสียหลายวันก็ค่อยๆ พาตัวเองออกมาเดินเล่น ในหัวยังคงนึกวนเวียนอยู่กับเรื่องที่ว่าจะทำอย่างไรให้พาตัวเองกลับไปยังที่ที่จากมาได้ หญิงสาวถอนหายใจยิ่งคิดยิ่งจนปัญญา เธอไม่รู้อะไรเลยทำอะไรก็ไม่เป็นแล้วเธอจะใช้ชีวิตอยู่ได้ยังไงกัน
“โอ๊ย คุณหนูเจ้าคะ บ่าวเจ็บเจ้าค่ะ” เสียงร้องดังแว่วมาจากเรือนหลังย่อมที่ห่างออกไป ยาหยีก้าวตามเสียงไปทันทีเพราะเธอจำได้ว่านั่นคือเสียงของจำปี
ถึงแม่จะยังเดินกะเผลกนิดๆ แต่ยาหยีก็พาตัวเองมายืนอยู่หน้าเรือนจนได้ เรือนหลังนี้จะย่อมลงมากว่าเรือนของคุณหญิงแก้วสักหน่อยแต่ยังคงมีชานเรือนเชื่อมต่อกันเอาไว้ สงสัยจะเป็นเรือนของคุณบัวแน่ๆ ยาหยีคิดก่อนจะชะเง้อชะแง้มองเข้าไปในเรือนที่ยังคงมีเสียงดังแว่วเข้าหูมาเรื่อยๆ
“เอ็งมาทำกระไรตรงนี้” เสียงทุ้มที่คุ้นหูทำเอายาหยีหันกลับไปมอง แล้วก็ต้องตาโตทันทีเมื่อภาพตรงหน้าคือ ขุนกริชที่ไม่ได้สวมเสื้อร่างกายสมส่วนที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อนั้นทำเอายาหยีอดมองไม่ได้
“โห ซิกแพคชัดจริงพ่อเอ๊ย ซิกแพคกระแทกตา กล้ามก็แน่น” ยาหยีอุทานออกมาก่อนจะทำท่านับซิกแพคไปมา
“ทำท่าทางพิกลกระไรของเจ้า พูดจาก็ฟังไม่รู้ความ แล้วนี่เจ้ามองกระไร” ขุนกริชเอ่ยดุเมื่อเห็นว่าหญิงสาวตรงหน้ามองร่างกายของตนเองไม่วางตา
“โอ๊ย คุณบัว บ่าวเจ็บเจ้าค่ะ” เสียงร้องที่ดังมาจากบนเรือนเรียกความสนใจได้อีกครั้ง ขุนกริชถอนหายใจก่อนส่ายหน้าไปมาเมื่อรู้ถึงสาเหตุของเสียงร้องนั่น
“อีกแล้วรึแม่บัว” ชายหนุ่มบ่นพึมพำก่อนจะก้าวขึ้นเรือนไปทันที ยาหยีจึงอาศัยโอกาสนี้ก้าวตามขึ้นเรือนไปติดๆ
ร่างของจำปีที่ถูกผลักออกมาจากห้องและล้มอยู่ที่นอกชาน ทำเอายาหยีต้องรีบเข้าไปพยุง
“แม่บัว พี่บอกเจ้ากี่ที่แล้วว่าอย่าตบตีบ่าวไพร่แบบนี้ ใครเขามาเห็นจะว่าเอาได้ว่าป่าเถื่อนไร้เมตตา” ขุนกริชเอ่ยปากตักเตือนน้องสาวของตนทันที
“ก็ดูมันสิคะคุณพี่ ใช้ให้ทำอะไรก็ได้เรื่อง ให้หวีผมก็มือหนักเหมือนตีนจนผมน้องขาดคามือมัน ให้ช่วยนุ่งผ้าก็ไม่ได้เรื่อง เกล้าผมก็หาเป็นไม่” บัวหันมาเถียงขุนกริช
ยาหยีเพิ่งมีโอกาสเห็นคุณบัวเป็นครั้งแรก หญิงสาวตรงหน้ามีรูปร่างแบบบางราวกับจะปลิวลมได้ ผิวดูซีดราวกับไม่เคยโดนแดดมาก่อน เครื่องหน้าสวยงามนั้นรับกันราวภาพวาดเสียแต่ว่าตอนนี้มันบึ้งตึงเพราะอารมณ์โมโห
“บ่าวทำไม่ดีก็สั่งสอนเอาแม่บัว ไม่ใช่มาทุบตีเหมือนวัวเหมือนควายเยี่ยงนี้”
“แต่มั...”
“ให้ฉันแต่งให้ไหม” ยาหยีหลุดพูดออกไป ก่อนจะเอามือปิดปากแทบไม่ทัน ในสมองเริ่มประมวลผลไปมา “เอ่อ...คือ บ่าวทำได้เจ้าค่ะ” หญิงสาวพูดอ้อมแอ้มอย่างไม่แน่ใจในวิธีการพูดมากนัก
“พูดจาอะไรหารู้ความไม่” บัวเอ่ย
“ให้บ่าวช่วยคุณบัวแต่งตัวไหมเจ้าคะ บ่าวพอจะทำได้เจ้าค่ะ” ยาหยีพูดออกไป ในใจแค่อยากช่วยจำปีก็เท่านั้น
“เอ็งทำได้รึ” เป็นขุนกริชที่หันไปถาม
ยาหยีพยักหน้า “คุณบัวผิวสวยผมสวยแบบนี้แต่งอย่างไรก็ออกมาสวยค่ะ” หญิงสาวชมไปอีกดอก ก่อนจะอมยิ้มเมื่อคุณบัวดูจะพอใจไม่น้อย
ภายในห้องคุณบัว
“เอ้า...หวีผมให้ข้าสิ” ยาหยีพยักหน้าก่อนจะหยิบหวีขึ้นมาหวีผมให้คุณบัวอย่าเบามือ เธอเหลือบมองจำปีที่นั่งตัวลีบอยู่ข้างๆ ผมของคุณบัวแม้จะเส้นเล็กสลวนแต่ไม่ได้อ่อนนุ่มหวีง่ายนัก
“อันนี้น้ำมันอะไรเหรอจำปี” ยาหยีหันไปกระซิบถามจำปี
“น้ำมันมะพร้าว” จำปีกระซิบตอบ
ยาหยีค่อยๆ แตะมือกับน้ำมันมะพร้าวเธอลูบเบาๆ ไปที่เส้นผมก่อนจะแบ่งผมเพื่อถักเปียและเกล้าขึ้นอย่างเบามือ แม้จะไม่มีอุปกรณ์ครบมือนักแต่ก็ไม่ได้ยากเกินไปสำหรับเธอ เครื่องประดับเล็กๆ ถูกแต่งแต้มที่ผมอย่างสวยงาม
“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ” ยาหยีบอกก่อนจะถอยออกมาดูผลงานตัวเองอย่างพอใจ
“สวย เอ็งทำผมสวยมาก” บัวมองผมของตัวเองในกระจกอย่างตะลึง ทรงผมแปลกตานี้สวยถูกใจเธอมากทีเดียว ใบหน้าที่เคยงองุ้มนั้นกลับประดับด้วยรอยยิ้มแทบจะทันที
ยาหยีเพียงแค่ยิ้มรับก่อนจะมองจำปีที่ค่อยๆ ใช้ดินสอพองบดให้ละเอียดและลงที่ตัวคุณบัวอย่างเบามือ ยาหยีขยับตัวเข้าไปใกล้ก่อนจะหยิบแท่งสีดำเล็กๆ ที่วางเอาไว้ขึ้นมาดูอย่างสงสัย
“มะพร้าวห้าวเผาไฟ เอาไว้เขียนคิ้วแต่คิ้วข้าดำอยู่แล้วหาต้องเขียนไม่” คุณบัวเอ่ยบอกเมื่อเห็นท่าทางสงสัยของบ่าวหน้าใหม่ที่เธอเริ่มถูกใจเสียแล้ว
“ว่าแต่คิ้วของเอ็งทำไมถึงเป็นทรงแบบนั้นเล่า” บัวเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าคิ้วของยาหยีนั้นสวยได้รูป
“ให้ฉัน...เอ่อ...บ่าวทำให้ไหมเจ้าคะ” ยาหยีถามออกไปก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้ทันทีเมื่อคุณบัวพยักหน้า
ยาหยีร้องขอใบมีดเล็กๆจากจำปีก่อนจะลงมือกันคิ้วให้คุณบัวอย่างเบามือก่อนจะใช้น้ำมันมะพร้าว เธอใช้แป้งผัดที่ผิวหน้าของคุณบัวเพียงอ่อนๆ ก่อนจะใช้มะพร้าวห้าวเผาไฟที่เอาไว้เขียนคิ้วเขียนลงที่หางตาบางๆ เพื่อเสริมให้ดวงตาดูคมและสวยขึ้น และสุดท้ายเธอค่อยๆ ทาสีชาดลงที่ด้านในปากและเกลี่ยไล่สีออกมาที่ริมฝีปากด้านนอก และตามด้วยแตะสีผึ้งทับเบาๆ เพียงแค่นี้ริมฝีปากก็ดูสวยมีมิติมากขึ้น
ผลงานการแต่งหน้าทำผมของยาหยีในครั้งดูเหมือนจะพอใจคุณบัวไม่น้อย เมื่อยาหยีได้รางวัลเป็นเปลือกหอยสองสามอันมาแบบงงๆ
“เจ้าชื่ออะไรรึ” บัวถามในขณะที่กำลังให้จำปีช่วยนุ่งผ้าให้
“หยีเจ้าค่ะ”
หยี...ชื่อแปลกจริง แต่เอาเถอะข้าจะไปขอเอ็งกับคุณแม่ มาอยู่รับใช้ข้าที่เรือนนี้เถอะ ข้าถูกใจเอ็ง”
“เอ่อ..คือ” ยาหยียังคงลังเล นี่เธอต้องมาเป็นบ่าวจริงๆ เหรอ
ยังไม่ทันได้ตอบอะไรคุณบัวที่ตอนี้แต่งตัวเสร็จแล้วก็เดินออกไปจากห้องทันที โดยที่มีจำปีตามไปติดๆ
ยาหยีได้แต่เดินตามออกไปอย่างเหม่อลอย ในหัวยังคงสับสนไม่แน่ใจ ว่าเธอจะเอายังไงกับชีวิตตัวเองดี
