ตอนที่ 6
เธอต้องการจบปัญหามากกว่าสร้างปัญหาไม่รู้จักจบจักสิ้น ในเมื่อวันนี้ไม่ได้เปิดโรงเรียนแต่ต้องกลายมาเป็นผู้ต้องหาในคำใส่ร้ายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ถึงหนีก็คงไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นยิ่งแต่จะทำให้แย่ลงมากกว่าเดิม ถ้าจะจบก็คือจบ และต้องเป็นการจบที่ไม่มีการกลับมาเริ่มต้นใหม่อีก
“สามเดือน คุณต้องช่วยชาวบ้านทำงานช่วยผมฟื้นฟูเกาะให้ความเป็นอยู่ของชาวบ้านกลับมาเป็นเร็วปกติที่สุด”
ปรินดาสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ สามเดือนเชียวหรือที่ต้องอยู่ที่นี่ แล้วโรงเรียนของเธอล่ะถ้าสามเดือนกว่าจะกลับไปเริ่มต้นก็คงต้องเป็นปีการศึกษาหน้าที่จะเตรียมพร้อมในการเปิดอีกครั้ง
“สามเดือนมากไปหรือไง ถึงได้ยืนคิดนาน” เขาทำเสียงเยาะเย้ยถากถางในที
กันตะไม่คิดว่านางนกต่อปากแข็งนางนี้จะยอมเจรจาตกลงด้วยดีง่ายๆ คงจะหลบไปคิดแผนการณ์มาหลอกล่อให้เขาตายใจอีกล่ะซิ ไม่มีทาง คราวนี้ตั้งใจแล้วไม่ว่าจะมาไม้ไหน แบบไหนจะไม่ยอมให้หลอกล่ออีกง่ายๆ แน่
“ไม่ค่ะ แต่ฉันมีข้อแม้”
สามเดือนก็สามเดือน ในเมื่อทุกอย่างมันมาถึงขั้นนี้แล้วก็คงต้องเลยตามเลยไป และที่เธอยอมเปิดการเจรจาสงบศึกก็เพราะไม่ต้องการถูกตราหน้าว่าเป็นนางนกต่อไปตลอดชีวิต ที่สำคัญเชื่อว่าถ้าไม่ทำตามความต้องการของคนขาดสติอย่างกันตะแล้ว เรื่องวุ่นวายเหล่านี้ก็คงไม่จบสิ้นง่ายๆ แน่ เขาคงจะราวีไปชั่วชีวิตจนกว่าจะพอใจ
“ข้อแม้อะไร”
“ถ้าจะให้ฉันอยู่ที่นี่สามเดือน คุณต้องห้ามเรียกฉันว่านางนกต่อ แล้วห้ามคิดว่าฉันคือคนที่เป็นสายให้โจรคุณทำได้ไหม”
“เหมือนคราวที่แล้ว ที่บอกว่าไม่ชอบคำนี้ห้ามเรียก”
ครั้งก่อนที่ปรินดามาอยู่ที่เกาะในฐานะแขก เธอก็ขอร้องไม่ให้เรียกและคิดว่าเธอเป็นแบบนั้น และก็ยินดีทำตามเพราะจากท่าทางที่แสดงออกความอ่อนหวานที่ละลายหัวใจของกันตะให้รู้สึกดีๆ ด้วย สุดท้ายเกาะก็เกือบฟังเพราะฝีมือผู้หญิงใจร้ายคนนี้
“ห้ามเรียกได้แต่คงห้ามไม่ให้คิดไม่ได้” เขาเอ่ยตามความรู้สึก
“นั่นแล้วแต่คุณคิด” ปรินดาไม่อยากบังคับใจใคร เมื่อเขาไม่สามารถเปลี่ยนความคิดความรู้สึกได้ก็คงต้องปล่อย
“อีกเรื่อง ขอฉันติดต่อไปที่บ้านหน่อยอย่างน้อยให้ได้สั่งงานหรือบอกพวกเขาว่าฉันปลอดภัยดี”
“เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง ผมจัดการให้แล้ว”
“คุณจัดการให้แล้ว” เธอทวนคำอย่างประหลาดใจ
“ใช่ ผมให้คนเขียนจดหมายถือไปที่บ้านบอกน้องสาวคุณว่าเลื่อนกำหนดการเปิดโรงเรียน เพราะคุณมีธุระด่วนต้องมาที่นี่ อีกสามเดือนถึงจะกลับไปทำต่อ ผมว่าป่านนี้น้องคุณคงจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว กลับไปเงินที่ได้จากค่าจ้างปล้นเกาะผมเมื่อคราวก่อนคงยังเหลือให้คุณไปต่อทุนได้ หรือไม่ถ้าอยู่ที่นี่แล้วเปลี่ยนใจจะบอกผมเมื่อไรก็ได้เสมอนะ”
ปรินดาประจักษ์ชัดแก่ใจแล้วว่ากันตะวางแผนการณ์นี้มาตั้งแต่ต้น และเขาจัดการทุกอย่างให้ไม่มีข้อสงสัย ยิ่งรู้แบบนี้ยิ่งต้องหาทางพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตัวเองให้เร็วมากขึ้น
“ตกลงจะให้ฉันทำอะไรบ้าง”
“ตอนนี้ผมหิวข้าว ปกติเช้าแปดโมงหลังส่งของ สิบเอ็ดโมงครึ่งและห้าโมงเย็นสามเวลานี้กับข้าวต้องพร้อม หลังกินข้าวเสร็จคุณก็ทำความสะอาดบ้านซักเสื้อผ้า จากนั้นก็ไปช่วยชาวบ้านกลับมาทำมื้อเที่ยงให้ผม บ่ายไปช่วยชาวบ้านหรือไม่ก็ทำงานตามที่ผมสั่งห้าโมงเย็นกับข้าวต้องพร้อม ถ้าผมจะออกเรือคุณต้องไปด้วย”
“เวลานอนของคุณคือเวลาที่ผมบอกว่านอนได้ เวลาตื่นก็เช่นกัน”
"ค่ะ" ปรินดากัดฟันรับคำที่เขาสั่ง ท่องไว้ในใจว่าอย่าทะเลาะ
“เอาล่ะ มื้อเช้าผมยังไม่ได้กินข้าว คุณไปจัดการให้หน่อยผมหิวแล้ว ยังมีงานต้องทำอีกมาก”
กันตะเดินนำปรินดามาที่บ้านพักซึ่งอยู่ไม่ไกลจากบ้านพักของปรินดา ทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากที่โจรบุกขึ้นมาบนเกาะเมื่อครั้งก่อน บ้านพักของเขาถูกโจรเผาเสียหายไปบางส่วน แต่กันตะต้องการล้างความทรงจำที่โหดร้ายจึงสั่งให้ช่างสร้างบ้านหลังใหม่ขึ้นมาแทน
“ตอนที่โจรปล้นพวกมันไม่ได้อะไรจากบ้านพัก เลยแค้นเผาวอดไปครึ่งหลัง ก็เลยสร้างไหมซะเลย” เขาบอกเมื่อปรินดาถามถึงบ้านหลังเก่า
“ปูนิ่มล่ะคะ ทำไมฉันไม่เห็นปูนิ่ม” ปรินดาถามถึงคนที่เป็นมิตรกับตนในครั้งก่อน ตั้งแต่มาเธอยังไม่เห็นหน้าปูนิ่มเลย
“ปูนิ่มไปเฝ้าไอ้อวนที่โรงพยาบาล” เขารับกาแฟกับขนมปังทาแยมสองสามแผ่นมาถือไว้
“นายอวนไม่สบายเป็นอะไร” ปรินดาถามด้วยความอยากรู้
“มันถูตีปางตายที่หน้าบ้านตั้งแต่คืนนั้นตอนนี้ยังสลบไม่ได้สติ หมอบอกว่าถ้ามีปาฎิหารย์อาจรอด แต่ถ้าไม่สองทางเลือกก็คือหลับไปตลอดหรือไม่ก็ไปเกิดใหม่” แววตาเขาเศร้าเมื่อเอ่ยถึงลูกน้องคนสนิท
นายอวนเป็นคนสนิทของกันตะ เป็นลูกน้องที่เรียกว่ามือขวาของเขาเลยกว่าได้ สองสามีภรรยาอยู่กับชายหนุ่มที่เกาะนี้มานานจนรู้ใจดีว่าชอบอะไรไม่ชอบอะไร และทั้งคู่เป็นเพื่อนที่ดีของปรินดา
ปรินดาน้ำตาคลอเมื่อได้ยินในชะตากรรมที่โหดร้ายของนายอวน ยังจำภาพเด็กสาวช่างพูดช่างเจรจาที่ชอบแอบไปกินข้าวกลางวันกับสามีที่ริมหาดหลังบ้านพักของกันตะเป็นประจำ นายอวนที่แสนจะใจดีกลับต้องมาเป็นแบบนี้ เริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมชายหนุ่มถึงได้โกรธเธอหนักหนา
“ฉันเสียใจด้วย เรื่องนายอวน” ปรินดาพูดจากใจ
“ถ้าอยากขอโทษไปขอโทษปูนิ่มดีกว่า เพราะไม่รู้ว่าจะต้องเป็นม่ายตั้งแต่ยังสาวหรือเปล่า” เขายกกาแฟขึ้นดื่มพยายามไม่แสดงความอ่อนแอออกมาให้เห็น
เรื่องของอวนกับปูนิ่มเป็นที่เวทนาของผู้พบเห็นยิ่งนัก ภายหลังจากที่พวกโจรออกไปจากเกาะแล้ว ชาวบ้านก็เริ่มดูว่ามีอะไรเสียหายมากแค่ไหน นายอวนถูกพวกโจรตีจนสลบอยู่ที่ชายหาดในสภาพเลือดท่วมตัวโดยมีปูนิ่มนั่งร้องไห้กอดสามีที่นอนสลบไม่ได้สติปานจะขาดใจ
โชคดีที่สารวัตรอธินพาตำรวจมาช่วยชาวบ้านและรีบนำตัวอวนส่งโรงพยาบาลบนฝั่ง ผลจากการตรวจพบว่าสมองบวมและมีอาการเลือดคั่งตอนนี้ผ่านไปสามเดือนผ่าตัดมาแล้วสองครั้งแต่ก็ยังไม่ฟื้น กันตะสงสารที่ปูนิ่มเอาแต่เฝ้าร้องไห้คิดถึงนายอวน จึงขอร้องกับบิดาให้สลับตัวคนทำงานโดยให้ปูนิ่มไปอยู่บนฝั่งและให้แวววิไลกลับมาทำงานที่เกาะแทน
“แล้วใครมาทำงานแทนปูนิ่มเหรอคะ” ปรินดาคิดถึงสาวตาคมท่าทางคล่องแคล่วคนนั้น
“แวววิไล คนที่คุณเจอเมื่อเช้านี้”
