ตอนที่ 5
“คุณต๊ะ” น้ำเสียงและท่าทางของหญิงสาวเปลี่ยนจากความคร่ำเคร่งในการงานมาอ่อนหวานทันที
“วันนี้เราได้ของเยอะนะคะ ถ้าเป็นแบบนี้บ่อยๆ ไม่นานทุกอย่างน่าจะโอเคขึ้น” เธอยื่นบันทึกรายการประจำวันให้กันตะดู ชายหนุ่มรับมาดูผ่านๆ แล้วส่งคืนกลับไปให้
“ฝากคุณแววดูแลทางนี้ต่อด้วย ส่วนเธอตามฉันมานี่”
กันตะคว้าข้อมือของหญิงสาวกึ่งจูงกึ่งลากเดินกลับไปที่พักอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางสายตาที่แสดงความสงสัยของแวววิไล กันตะมีลูกจ้างตั้งแต่เมื่อไรทำไมเธอไม่รู้มาก่อน แต่คิดยังไม่ทันจะอ้าปากถามงานส่งของขึ้นเรือไปบนฝั่งก็ดึงความสนใจให้กลับไปจดจ่ออยู่ที่หน้างานจนลืมเรื่องนี้ไปเสียสนิทเลย
“ปล่อยฉันนะ”
“ทำไม มือผมมันไม่นุ่มไม่นิ่มเหมือนมือคนอื่นหรือไง” เขากระชากเสียงถามแต่ยังไม่ยอมปล่อยมือ
“ปล่อย” ปรินดาสะบัดมืออีกครั้ง
“ให้ฉันกลับบ้านไปกับเรือส่งของของคุณด้วย”
“อ้อ เก่งนะ มาทำงานแป๊ปเดียวหาทางกลับได้แล้ว แววบอกเธอล่ะซิว่าเรือนั่นจะเข้าฝั่ง” กันตะตะโกนถามกลับด้วยความโมโห เมื่อได้ยินว่าปรินดาขอกลับบ้าน
“ใช่ แล้วคุณก็ไม่มีสิทธิ์มากักฉันไว้แบบนี้” ปรินดาหันหลังเดินย้อนกลับไปทางเก่า เร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นหวังว่าจะกลับไปให้ทันเรือส่งของ
“มานี่ จะไปไหน” กันตะวิ่งมาคว้าข้อมือหญิงสาวไว้ ยื้อดึงไม่ให้เธอเดินกลับไป
“ปล่อย ฉันจะกลับบ้าน” ปรินดาดิ้นสุดแรง
กันตะเห็นท่าไม่ดีปรินดาจะไม่ยอมหยุดดิ้นง่ายๆ จึงตัดสินใจเอามือปิดปากแล้วลากตัวกลับไปที่บ้านพักโดยเร็ว หญิงสาวทั้งดิ้นทั้งทุบทั้งข่วนทำทุกอย่างให้ปล่อยแต่ก็ไม่ได้ผล สายตาเหลือบไปเห็นบ้านพักว่าใกล้อีกนิดเดียวก็จะถึงความกลัวที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อทำให้ตัดสินใจกัดไปที่ฝ่ามือเต็มแรง
“โอ๊ย” กันตะร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด ปล่อยร่างของปรินดาลงที่หาดทรายทันที
“เป็นหมาหรือไงถึงได้กัดเจ็บขนาดนี้”
“ก็พูดแบบคนมันไม่รู้เรื่อง ก็ต้องพูดแบบหมานี่และถึงจะรู้เรื่อง” ปรินดาโต้ตอบอย่างเจ็บแสบ
“ฉันจะกลับบ้าน อย่ามาบอกว่าห้ามหรือไม่ให้กลับ คุณไม่มีสิทธิ์”
“ผมมีสิทธิ์ในฐานะเจ้าของเกาะที่จะให้ใครเข้าหรือออกก็ได้”
“งั้นฉันก็ขอใช้สิทธิ์ในฐานะคนนอกเกาะที่จะไม่อยู่ที่นี่”
“พาฉันกลับเดี๋ยวนี้” ปรินดาสั่งด้วยน้ำเสียงและท่าทางเอาจริง
“ไม่ คุณยังไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการชดใช้ให้ชาวบ้านเลย”
“คุณบอกมาเลยว่าต้องการเท่าไรค่าฟื้นฟูเกาะของคุณ คุณจะเอากี่หมื่นกี่แสนกี่ล้าน ถ้าฉันมีปัญญาจะรีบเอามาให้ทันที” หญิงสาวหมดความอดทนอีกต่อไป
“เชอะ ที่แท้ก็พวกเห็นแก่เงิน ถ้าผมเรียกคุณมีปัญญาจ่ายหรือเปล่า” เจ้าของเกาะหนุ่มพูดอย่างดูถูก
“ผมรับเป็นเงินสดไม่รับเงินผ่อน แล้วก็ไม่รับดอกเบี้ยที่เอามาขัดตาทัพชั่วคราวจากตัวคุณหรอกนะ”
ปรินดาหน้าร้อนผ่าวด้วยความโกรธเมื่อเห็นสายตาที่เขามองในขณะนี้ รวมทั้งน้ำเสียงที่ทำให้เธอรู้สึกว่ากำลังถูกดูถูกอย่างเห็นได้ชัด
“ผมว่าเปลี่ยนเป็นผมจ่ายคุณดีไหม เท่าไรล่ะถึงจะยอมบอกว่าใครเป็นคนจ้าง” กันตะตั้งใจใช้สายตาโลมเลียไปทั่วร่างของปรินดา
“คุณ” หญิงสาวสุดจะทนอีกต่อไป ปรินดาไม่อ่อนแอยอมให้กดขี่ โดยเฉพาะกันตะด้วยแล้วมันต้องเอาคืนให้สาสมกับความงี่เง่าของเขา
“คนอย่างฉันถ้าอยากจะบอกอะไรกับใครที่เป็นความลับสุดยอด ต่อให้ไม่มีสักบาทถ้าพอใจฉันก็จะบอก แต่ต่อให้มีมากองตรงหน้าเป็นล้านถ้าไม่อยากบอกฉันก็จะไม่พูด หรือถ้าฉันถูกใจจริงๆ ไม่ต้องถามฉันก็ยินดีบอก”
“แล้วเท่าไรล่ะถึงจะเงินมาผ้าหลุด เอ้ย ไม่ใช่เงินมาความลับออก บอกราคามาซิถ้าผมสนใจไม่แน่คุณอาจจะได้เงินไปนอนกอดเล่นๆ ใช้ให้สบาย อยากจะไปอาบน้ำแร่แช่น้ำนมที่ไหนก็ได้”
“หรือว่าเงินมาแล้วต้องถูกใจด้วย” เขาก้าวมากระซิบถามข้างหู จงใจให้ลมหายใจร้อนรดผ่านแก้มสาว
“คนบ้า คนเลว”
“ฉันเกลียดคุณที่สุด ไอ้คนไม่มีสมอง”
“เกลียด เกลียดคุณ”
น้ำตาแห่งความน้อยใจไหลรินออกมาปรินดาโผเข้าไปทั้งทุบทั้งตีเขาด้วยความโมโห น้ำตาแห่งความอดทนอดกลั้นสิ้นสุดลงแล้ว เกิดมาในชีวิตยังไม่เคยมีใครทำแบบนี้กับเธอเลย พยายามจะพูดดีก็แล้วอธิบายก็แล้วแต่กันตะก็ไม่ยอมมองเห็นความจริงใจที่มี
กันตะรวบสองแขนคู่นั้นไว้ในมือ แววตาที่มีความโกรธไม่แพ้กันจ้องมาในดวงตาคู่สวยที่มีน้ำตาเปรอะแก้ม วูบแรกเขาใจเสียที่ทำผู้หญิงร้องไห้ แต่เมื่อคิดถึงสิ่งที่ปักใจเชื่อก็ทำให้ความรู้สึกนั้นหายไปทันที
“ทุบให้พอด่าให้พอ ยังไงซะคนเลวอย่างผมก็สมควรกับนางนกต่ออย่างคุณ อยู่มันที่นี่จนกว่าคุณจะคิดได้ว่าควรบอกผมหรือยังว่าใครบงการ หรือจนกว่าชาวบ้านจะกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติ ไม่งั้นอย่าหวังว่าคุณจะได้กลับไปเสวยสุขแน่” เขาผลักเธอเบาๆ แล้วเดินจากไปเพื่อไประงับสติอารมณ์ก่อนที่จะทำอะไรมากไปกว่านี้
ปรินดาร้องไห้ให้พอใจกับความกดดันในจิตใจ คนไม่ผิดก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นคนผิด ยิ่งคิดก็ยิ่งน้อยใจในโชคชะตาของตนเอง น้อยใจกับการกระทำตลอดจนสีหน้าท่าทางของชายหนุ่มเมื่อครู่ เขาทำเหมือนไม่รู้จักเธอมาก่อนไม่เคยมีความรู้สึกดีๆ ให้แก่กัน
ทะเลที่ซัดเข้าหาฝั่งเป็นระยะ อารมณ์สุนทรีย์กับเสียงคลื่นและลมทะเลหมดไปแล้ว ทะเลตรงหน้าคือความอ้างว้างในโชคชะตานับต่อจากนี้ ปรินดาลุกขึ้นยืนแล้วพยายามตั้งสติเรียกกำลังใจกลับมาอีกครั้ง ต่อให้ดิ้นรนยังไงเธอก็คงไม่ได้กลับออกไปจากที่นี่ง่ายๆ ดังนั้นถ้าต้องอยู่ต้องหาโอกาสพิสูจน์ให้กันตะเห็นว่าไม่ได้เป็นอย่างที่กล่าวหา
แสงแดดในตอนสายสะท้อนกับน้ำทะเลจนประกายวับเข้าตา หลังจากที่ร้องไห้ระบายความคับแค้นใจจนออกมาหมดแล้วเธอก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง มานั่งมองคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งไปเรื่อยๆ จนในที่สุดก็เหมือนจะคิดอะไรออก
“ฉันมีเรื่องจะตกลงกับคุณ” ปรินดาเป็นฝ่ายเดินมาหากันตะที่นั่งสงบสติอารมณ์อยู่อีกด้านหนึ่ง ซึ่งไม่ห่างจากที่หญิงสาวสงบสติอารมณ์เช่นกัน
“มีอะไร ตกลงจะบอกแล้วใช่ไหมว่าใครจ้าง”
กันตะยังกวนประสาทไม่เลิก แต่ปรินดาพยายามบอกกับตัวเองไว้ว่าจะไม่พูดจารุนแรงกันอีก เขากำลังโมโหถ้าขืนยิ่งแรงกลับไปรังแต่จะทำให้คุยกันไม่รู้เรื่อง ดังนั้นเธอควรมีสติให้มากกว่า
“เราจะไม่คุยกันเรื่องนี้ตอนนี้ได้ไหม”
“คุณต้องการให้ฉันอยู่ที่เกาะ เพื่อช่วยชาวบ้านใช่ไหม” เธอพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ
“แล้วไงต่อ คิดจะมามุกไหนอีก” กันตะหรี่ตามองคนที่เข้ามาเจรจาใหม่ ท่องไว้ในใจว่าจะไม่ตกหลุมพรางของเจ้าหล่อนอีก ไม่ว่าจะทำดีบังหน้าแค่ไหนเขาก็จะไม่มีวันเชื่อใจปรินดาเด็ดขาด
“เอาเป็นว่าจะให้ฉันอยู่ที่นี่นานแค่ไหน” ปรินดาพยายามไม่ฟังในคำแดกดันของอีกฝ่าย
