ตอนที่ 4
กันตะกลับมาอีกครั้งในตอนเช้ามืดของวันรุ่งขึ้น ทันทีที่เปิดประตูเข้าไปปรินดาก็รู้สึกตัวรีบลุกขึ้นรอว่าอีกฝ่ายจะเอาอย่างไร เธอยังอยู่ในเสื้อผ้าชุดเดิมไม่ได้เปลี่ยนตามคำสั่งเขา แม้ว่ามันจะเปียกชุ่มเพราะน้ำที่อีกฝ่ายราดลงบนตัวก็ตามที
"ทำไมไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าอีก" เขาเอ่ยถามเป็นคำแรก
ใบหน้าหวานแดงก่ำคงไม่ใช่เพราะพิษไข้เล่นงาน แต่เป็นเพราะค่ำคืนที่ผ่านมาปรินดาคงใช้น้ำตาเป็นเครื่องระบายอารมณ์ของตนเองเป็นแน่ แต่อย่าหวังว่ากันตะจะยอมใจอ่อนหรือถามไถ่ด้วยความห่วงใยใดๆ ทั้งสิ้น เธอจะเป็นตายร้ายดีอย่างไรเขาไม่สน สิ่งที่ต้องการมีเพียงอย่างเดียวคือการชดใช้
"ให้เวลาไปเปลี่ยนเสื้อผ้าห้านาที"
"ไม่" เธอหันหน้าหนี ปรินดาคิดถึงโรงเรียนอนุบาลที่ป่านนี้แขกที่เชิญไว้คงรอเก้อกันหมด เพราะเจ้าของโรงเรียนมาติดอยู่ที่เกาะแห่งนี้เพราะอำนาจของคนเถื่อน
"ไม่ใช่ไหม" กันตะไม่พูดมาก เขาตรงเข้ามาลากตัวเธอกลับเข้าไปในห้องน้ำอีกครั้ง แต่คราวนี้เป็นคนอาบน้ำให้ปรินดาด้วยตัวเองโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะปัดป้องอย่างไร
"หยุดนะ คุณต๊ะ" ปรินดาตกใจกับการกระทำที่จาบจ้วงของเขาเหลือเกิน กันตะราดน้ำลงมาบนตัวเธออีกเหมือนเมื่อวาน และคราวนี้ใช้มือทั้งสองลูบไล้ครีมอาบน้ำลงมาที่ทั่วร่าง ไม่สนว่าตรงไหนคือพื้นที่สงวนที่ควรระวังแม้แต่น้อย
"ฉันบอกให้หยุดเดี๋ยวนี้" หญิงสาวตะโกนลั่นห้องน้ำ แล้วผลักคนที่กำลังจาบจ้วงกับร่างกายกระเด็น
ตั้งแต่เกิดมาปรินดาไม่เคยรู้สึกแค้นใจใครเท่านี้มาก่อน ไม่เคยรู้สึกโมโหใครหรือเสียใจต่อการกระทำที่ไร้เหตุผลของใครเท่ากันตะมาก่อน ดวงหน้าหวานมองสบตาด้วยความเสียใจระคนผิดหวัง อยากจะร้องไห้แต่ก็ต้องกล้ำกลืนฝืนมันไว้ไม่ให้อีกฝ่ายได้เห็นน้ำตา
"มันจะมากเกินไปแล้วนะ ฉันเป็นคนไม่ใช่นักโทษของคุณ ถึงคุณจะกล่าวหาฉันด้วยข้อหาที่ไม่มีความจริงเลยสักนิด แต่คุณก็ไม่มีสิทธิ์ทำกับฉันแบบนี้" เธอเอ่ยเสียงเครือ ควบคุมความโกรธไว้ไม่ให้แสดงออกมาแต่แววตาทั้งสองข้างวาววับด้วยความโมโห
"จัดการตัวเองให้เรียบร้อย ผมออกไปรอข้างนอก" กันตะโยนขันใส่ตุ่มตามเดิมแล้วเดินออกไปสงบสติอารมณ์ตัวเองด้านนอก จะว่าไปความจริงแล้วเขาหนีหน้าคนที่ต่อว่าไปเรียกความฮึกเหิมให้กลับมาอีกครั้ง ชายหนุ่มท่องไว้ในใจว่า อย่าใจอ่อนเด็ดขาด
ปรินดายังไม่ยอมเปลี่ยนเสื้อผ้าและกลับออกมาในชุดเดิมที่ชุ่มไปด้วยน้ำ เจ้าของเกาะเม้มปากเป็นเส้นตรงด้วยความไม่พอใจ แต่ไม่มีเวลาพอที่จะต่อว่าต่อขานได้อีก จึงตัดสินใจพาเธอเดินเลาะริมหาดมาที่แพปลาที่ใหญ่ที่สุดบนเกาะในสภาพทั้งอย่างนั้น
“โน่น” เขาชี้ไปที่อวนใหญ่ที่กองอยู่ตรงหน้าหญิงสาว
"อะไร" เธอหันมาถามด้วยความสงสัย
"งานแรกที่ต้องทำไงล่ะ"
"ฉันไม่ทำ" ปรินดาทำท่าจะเดินหนี แต่กันตะคว้าข้อมือหญิงสาวไว้แล้วพูดว่า
"จะไปทำดีๆ หรือจะต้องให้ลากไป ให้พวกชาวบ้านสงสัยว่าคุณเป็นใคร ทำไมถึงต้องมาทำงานพวกนี้ คิดดีๆ นะ ถ้าผมบอกพวกเขาว่าคุณเป็นใครจะเกิดอะไรขึ้น"
"คุณ" ปรินดาอยากจะฆ่าคนตรงหน้าให้ตายเดี๋ยวนี้
"ผมไม่ได้ขู่ แต่ขอบอกให้รู้ว่าทุกคนที่นี่โกรธแค้นกับเรื่องวันนั้นมาก คิดเองแล้วกันว่าจะทำดีๆ หรือจะให้ชาวบ้านรู้ว่าคุณเป็นใคร" เขาพูดหน้าตาเฉย อย่างไรเสียกันตะก็มั่นใจว่างานนี้ต้องชนะแน่
"เร็วซิ ว่าไง" กันตะเร่งเมื่อเห็นปรินดาไม่ตัดสินใจเสียทีว่าจะเอาไง
"ให้ฉันทำอะไรบ้าง" เธอยอมแต่ไม่ใช่ยอมเพราะรับผิด แต่ยอมเพราะไม่อยากทนฟังคำกดดันจากปากช่างจิกกัดของกันตะอีกต่อ และที่ยอมก็เพราะต้องการแยกจากเขาเผื่อว่าจะมีทางไปจากที่นี่
“คัดแยกประเภทไว้เดี๋ยวจะมีคนมารับไปชั่งน้ำหนักเอง ทำให้เรียบร้อยและว่องไวด้วยอย่าให้อวนผมขาดล่ะ ไม่งั้นคุณต้องมานั่งซ่อมแน่”
ปรินดาไม่มีทางเลือกจำใจต้องนั่งลงทำตามที่เขาสั่ง งานที่เธอทำอยู่คืออวนปู หญิงสาวค่อยๆ ดึงตัวปูออกมาจากอวนวางใส่กะลังมังใบใหญ่ ทั้งต้องระวังไม่ให้อวนขาดและระวังไม่ให้ปูหนีบมือด้วยทำให้ดูทุลักทุเลน่าดู
ครั้งก่อนที่มาเคยช่วยงานที่แพปลาเป็นครั้งคราว ชาวประมงที่ออกเรือไปตั้งแต่เมื่อคืนจะกลับมาอีกครั้งในตอนเช้ามืด ชาวบ้านที่รออยู่บนเกาะจะมาช่วยกันทำหน้าที่คัดแยกประเภทของทะเลที่หามาได้ในแต่ละวัน
บ้านไหนทำอวนปูอวนปลาหรืออวนกุ้งอวนหมึก ก็จะมาทำหน้าที่คัดแยกของใส่ตะกร้าไว้แล้วให้ปูนิ่ม ลูกน้องของกันตะทำหน้าที่จดน้ำหนักและชนิดของสินค้า สายๆ จะมีแม่ค้าพ่อค้าจากบนฝั่งมาเลือกซื้อของถึงที่ บางวันก็จะมีการส่งของที่หาได้ไปยังโรงแรมหรือลูกค้าที่มีการส่งออร์เดอร์มาล่วงหน้า เป็นที่รู้กันว่าแพปลากลทีป์มีของดีของสดที่ดีที่สุดในละแวกนี้ นอกจากของทะเลแล้วชาวบ้านยังใช้แพแห่งนี้เป็นที่ประกอบอาชีพอื่นด้วย บางครั้งมีมะพร้าวน้ำหอมหรือมีของทะเลตากแห้งที่ชาวบ้านทำเอง ก็ถูกนำมาขายหรือส่งขึ้นฝั่งไปตามออร์เดอร์ที่ได้รับ
ตอนที่เกาะถูกปล้นกันตะต้องเร่งให้ทุกอย่างกลับมาเป็นปกติให้เร็วที่สุด เพื่อให้ทันลูกค้าและการค้าขายบนเกาะ ทันข้อจำกัดของธรรมชาติที่มีต่อชาวประมงบนเกาะกลทีป์ทั้งหมด
“เสร็จหรือยัง อวนปูของคุณต๊ะได้แค่นี้เองเหรอ” เสียงหญิงสาวคนหนึ่งหยุดถามขึ้นที่ตรงหน้าของปรินดา
ผู้หญิงคนนี้ไม่ใช่ปูนิ่มแต่ท่าทางคล่องแคล่วกว่า ใบหน้าที่สวยแปลกตาทำให้ปรินดาสงสัยว่าเธอเป็นใคร และมาอยู่ที่เกาะนี้ตั้งแต่เมื่อไร
“คุณแววครับ อวนของนายธงเรียบร้อยแล้วครับ” ชาวบ้านคนหนึ่งวิ่งมาบอกหญิงสาว
"รีบทำให้เสร็จเดี๋ยวฉันจะกลับมาจัดการอวนนี้" เธอสั่งแล้วรีบเดินตามชาวบ้าน ปรินดาพยายามเร่งมือมากขึ้นแต่เพราะไม่เคยทำงานพวกนี้มาก่อน ทำให้ยิ่งรีบก็ยิ่งช้าและยิ่งรนเมื่อเห็นหญิงสาวคนดังกล่าวเดินกลับมาแล้ว
“ถ้าขืนช้าแบบนี้ พอดีไม่ต้องขาย”
“โอ๊ย” ก้ามปูหนีบอยู่ที่หัวแม่มือของปรินดา
“ตายแล้ว ระวังหน่อยซิ” คนดูแลรีบจัดการเอาปูออกจากมือของปรินดาทันที สองสาวช่วยกันไม่นานอวนของกันตะก็เรียบร้อย ของทะเลทุกอย่างถูกลำเลียงใส่ลังน้ำแข็งกลับไปขึ้นฝั่งอีกครั้ง
“เรือนี้ไปไหนคะ” ปรินดาหันมาถามหญิงสาวที่ยืนนับของส่งอยู่
“เอาของไปส่งขึ้นฝั่ง” คำว่าขึ้นฝั่งทำให้หัวใจของปรินดามีแสงสว่าง เธอสอดส่ายตามองหากันตะว่าอยู่แถวนั้นหรือไม่
"คุณคะ เอ่อ คุณชื่อ"
"ฉันชื่อแวววิไล เรียกสั้นๆ ว่าแววแล้วกัน มีอะไร" แวววิไลเงยหน้าขึ้นมาถาม
“ถ้าจะออกจากเกาะไปขึ้นฝั่ง ฉันติดเรือลำนี้ไปได้ใช่ไหมคะ” แววตาปรินดาเป็นประกายอย่างมีความหวัง
“ได้ เรือไปจอดที่ท่าใหญ่ฝั่งโน้น จะเข้าไปซื้ออะไรเหรอ”
เพราะไม่เคยเห็นหน้าปรินดามาก่อนทำให้แวววิไลสงสัยว่าคนที่พูดด้วยเป็นใคร หญิงสาวจ้องหน้าปรินดาอยู่นานพยายามนึกว่าเธออาศัยอยู่บริเวณไหนของเกาะ แต่ก็นึกไม่ออก
“เป็นลูกหลานบ้านไหน”
“เอ่อ คือ ฉันมา...”
“ลูกจ้างฉันเอง” เสียงกันตะแทรกขึ้น
