ตอนที่ 3
"คุณต๊ะ ฉันไม่รู้เรื่องที่คุณพูดเลยนะคะ นางนกต่ออะไรกัน เรื่องโจรปล้นนั่นก็อีก ฉันก็ถูกพวกมันเกือบจะทำร้ายนะ"
"บอกผมมาดีๆ ดีกว่าปรินดา ใครส่งคุณมา" กันตะอยากจะหัวเราะกับท่าทีเสแสร้งแกล้งไม่รู้ของเจ้าหล่อนเหลือเกิน แต่นาทีนี้เขาหัวเราะไม่ออกและไม่รู้สึกใดๆ ต่อคำพูดแก้ตัวเหล่านั้นแม้แต่น้อย ทุกอย่างมีหลักฐานชัดว่าปรินดาคือกุญแจที่ไขที่มาที่ไปของเรื่องนี้ทั้งหมด อมพระมาพูดว่าไม่รู้ก็ไม่มีทางเชื่อ
“ฉันเคยบอกคุณแล้วไงว่า ฉันมาเที่ยวและมาพบคุณพ่อของคุณกำลังจะเป็นลมจึงพาส่งโรงพยาบาลตามหน้าที่พลเมืองดี และฉันมาพักที่เกาะของคุณตามคำเชิญให้มาเที่ยว ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น” ปรินดาพยายามอธิบายอย่างใจเย็น
"เรื่องที่เกาะคุณถูกปล้น วันนั้นหลังจากที่ตำรวจไปช่วยฉันและกันเป็นพยาน ครอบครัวฉันก็เลยมารับกลับไปกรุงเทพฯ ฉันพยายามตามหาข่าวและสอบถามว่าที่เกาะเป็นไงบ้าง แต่ก็ไม่สามารถติดต่อใครได้แม้แต่สารวัตรอธิน คุณเชื่อฉันสักครั้งได้ไหม ว่าฉันไม่รู้เรื่องและไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้เลยแม้แต่น้อย"
“เชื่อ เพราะเชื่อไงชาวบ้านถึงได้เป็นแบบนี้ ผมเชื่อที่คุณพูดว่าคุณไม่ใช่นางนกต่อที่มาทำร้ายพ่อ แล้วไงทำร้ายพ่อไม่ได้ก็ทำร้ายทั้งเกาะทำร้ายชาวบ้านที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วย” กันตะตวาดถามกลับไปลั่นห้อง สีหน้าแดงก่ำที่แสดงความโกรธเกรี้ยวทำให้ปรินดาใจคอไม่ดี แต่เธอก็ต้องข้ามความกลัวนี้ไปเพื่ออธิบายความจริงที่เป็นความจริงแท้ให้เขารู้
"ฉันขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่รู้จริงๆ ว่าโจรพวกนั้นเป็นใคร และฉันก็ไม่เคยเป็นนางนกต่อให้ใครทั้งนั้น"
"ปรินดา ผมให้โอกาสคุณพูดความจริงแล้วนะ แต่ถ้าคุณไม่พูดอย่าหาว่าผมใจร้ายไม่ได้นะ" ชายหนุ่มเตือนเป็นครั้งสุดท้าย
"ฉันขอยืนยันอีกครั้งว่าไม่รู้เรื่อง และไม่เคยเป็นนางนกต่อให้ใครทั้งนั้น"
"ตกลงว่าไม่สำนึกใช่ไหม" กันตะสุดจะยั้งความโกรธในหัวใจแล้ว
“ฉันเสียใจด้วยกับเรื่องที่เกาะคุณถูกปล้น แต่จะให้รับข้อกล่าวหาที่ไม่ได้ทำไม่ได้” ปรินดาแข็งขึ้นมาบ้าง
"หรือว่าจะให้ผมใช้วิธีอื่นให้คุณเปิดปากมาว่าใครบงการอยู่เบื้องหลัง"
"คุณจะทำอะไร" ปรินาดาถอยหลัง เมื่อคนพูดเดินเข้ามาใกล้สายตาของกันตะไม่เป็นมิตรและทำให้เธอกลัวกับท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วของเขา
“คายออกมาซิว่าใครเป็นคนสั่งให้ทำ ใครจ้างคุณมาเป็นนางนกต่อ” เขาถามพลางจ้องมาที่ตัวเธออย่างชัดเจน
“หรือจะต้องให้ผมจ่ายเท่าไรก็ว่า พวกนั้นจ่ายคุณเท่าไรผมยินดีจ่ายให้เป็นสองเท่าเลยด้วยซ้ำ อ้อ ที่สำคัญผมไม่คิดจะแตะตัวหรือสนิทชิดเชื้อเหมือนพวกนั้นหรอกนะ ถ้าคุณยอมบอกผมว่าคุณได้กำไรนะงานนี้”
"คุณต๊ะ เลิกพูดจาบ้าๆ แบบนี้เสียที ฉันบอกแล้วไงว่าไม่รู้เรื่อง" ถึงจะโกรธในคำพูดเขา แต่ปรินดาก็เลือกที่จะตอบโต้ด้วยวาจาที่พยายามสุภาพที่สุด
“ข้อกล่าวหาที่คุณพูดมาทั้งหมดให้ทางตำรวจพิสูจน์หลักฐานซิ ถ้ามีหลักฐานชี้มาว่าฉันเป็นคนทำจริง ฉันก็จะยอมรับผิดและชดใช้ทุกอย่างให้ แต่ฉันจะไม่ยอมอยู่ที่นี่และจะไม่ยอมให้คุณจะมาใช้ศาลเตี้ยตัดสินว่าฉันเป็นอัน”
“ศาลเตี้ยเหรอ คุณบอกว่าผมใช้ศาลเตี้ยใช่ไหม ถ้างั้นผมจะทำให้ดูว่าศาลเตี้ยเป็นยังไง”
ศาลเตี้ยเริ่มทำหน้าที่การชำระแค้น กันตะลากตัวหญิงสาวมาที่ห้องน้ำแล้วผลักเธอเข้าไป ปรินดาพยายามจะดิ้นรนหนีการพิพากษาของเขา
“ปล่อยฉันนะ คุณทำแบบนี้ไม่ได้นะ” ปรินดาโวยวายเสียงดังลั่น เมื่อเขาตักน้ำจากตุ่มดินราดลงบนตัวเธอ
“ปล่อยฉันนะ คุณต๊ะ” เธอดิ้นรนหนีการราดน้ำอย่างจงใจให้เจ็บของเขา
“มานี่ ไปไหน”
เขาจับข้อมือเธอแล้วดึงกระชากเข้ามาหา บีบครีมอาบน้ำจากขวดรดลงบนตัวเธออีก ทั้งฟองทั้งน้ำที่เข้าตาทำให้ปรินดาแสบจนต้องรีบหาน้ำล้างออกโดยเร็ว
ความโกรธในหัวใจของกันตะถูกระบายออก ด้วยการราดน้ำลงบนตัวปรินดาอย่างไม่ลืมหูลืมตา เขาตักน้ำสาดไม่ให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวหายใจหายคอแทบไม่ทัน หญิงสาวสำลักและแสบตาจนแทบทนไม่ไหว
"คุณต๊ะ" ปรินดาไอจนหน้าแดง
"นี่แหล่ะ บทลงโทษสำหรับผู้ร้ายปากแข็ง ในเมื่อกฎหมายเอาผิดคุณไม่ได้ ใครก็เอาผิดคุณไม่ได้ และคุณก็ไม่มีสำนึกที่จะเสียใจต่อการกระทำของตัวเองแล้วล่ะก็ ผมก็จะทำให้คุณรู้จักคำว่าสำนึกต่อสิ่งที่ได้ทำร้ายคนอื่น"
" คุณไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้กับฉันนะ"
"มีสิทธิ์หรือไม่มีสิทธิ์ไม่สนแต่ตอนนี้คุณคือนักโทษของเกาะกลทีป์ อย่าคิดหนีจากความผิดที่ตัวเองก่อไว้ ไม่งั้นล่ะก็ผมไม่รับผิดชอบว่าจะเกิดอะไรบ้าง"
“คุณต้องอยู่ที่นี่ อยู่เป็นทาสชาวบ้านเป็นทาสของคนที่เกาะกลทีป์ อยู่ไปจนกว่าทุกอย่างที่นี่จะกลับมาเหมือนเดิม” กันตะประกาศคำพิพากษาที่นักโทษเช่นปรินดาสมควรได้รับ เมื่อเธอคือคนที่ทำให้ที่นี่เกิดความสูญเสีย ก็ต้องชดใช้ให้กับคนที่นี่อย่างไม่มีข้อโต้แย้ง
“ไม่มีวัน ฉันไม่มีวันยอมอยู่ที่นี่เด็ดขาด คุณจะมาบังคับฉันแบบนี้ไม่ได้ฉันไม่ยอม”
กันตะโยนขันน้ำลงกลับไปที่ตุ่มตามเดิม เดินหนีปรินดาไปอย่างไม่สนใจในสิ่งที่เธอพูด แม้ว่าหญิงสาวพยายามจะลุกขึ้นวิ่งตามมาเพื่ออธิบาย แต่ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว ประตูห้องปิดลงสนิทอีกครั้งดับความหวังที่จะได้กลับไปจนหมดสิ้น ร่างเล็กทรุดลงที่พื้นทั้งเสื้อผ้าที่ชุ่มน้ำร่ำไห้ออกมาอย่างสุดกลั้นกับความรู้สึกอยุติธรรมจากคำพิพากษาที่ได้รับ
กันตะยืนมองทะเลที่ซัดเข้าหาฝั่งเพื่อดับความขุ่นมัวในจิตใจ คืนนี้เขาต้องออกทะเลกับชาวบ้านนานแล้วที่ไม่ได้ทำแบบนี้ บิดามาซื้อที่เกาะแห่งนี้โดยอนุรักษ์ทุกอย่างที่เป็นแบบเดิมไว้หมดสิ้น วิถีชีวิตของชาวบ้านเป็นชาวประมงพื้นบ้านแทบทั้งนั้น
คุณเจริญวิทย์ทำการเปิดแพปลาที่ใหญ่ที่สุดเพื่อรับซื้อของทะเลจากชาวบ้านในราคายุติธรรมและส่งต่อไปให้โรงงานหรือห้องเย็นบนฝั่ง ต่อมาเมื่อกันตะมารับผิดชอบดูแลที่นี่แทน เขากระโดดมาเรียนรู้ชีวิตชาวประมงด้วยความเต็มใจและขยับขยายกิจการทางทะเลให้มีความก้าวหน้ามากขึ้น จนชาวบ้านมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาตามลำดับ
สองเดือนก่อนที่โจรบุกปล้นเกาะได้ทำลายข้าวของเครื่องมือทำมาหากินของชาวบ้านเสียหายไปพอสมควร ทางแก้ปัญหาที่เร่งด่วนที่สุดของชายหนุ่มก็คือใช้วิธีรวมใจกัน คือให้ชาวบ้านนำของที่เป็นเครื่องมือทำมาหากินได้ไม่ว่าจะเป็นอวนหรือแหหรือแม้แต่เรือที่มีอยู่
ออกทะเลเหมือนเดิมที่เคยทำมาเพียงแค่เปลี่ยนเป็นนำของที่หาได้มาชั่งน้ำหนักรวมกันว่าได้เท่าไร ไม่มีการแบ่งว่าใครได้มากได้น้อย แล้วเอาไปขายในนามแพปลากลทีป์ พอได้เงินมากันตะก็ใช้วิธีเฉลี่ยเงินให้แต่ละคนที่ออกเรือไปด้วยกัน
วิธีนี้คนที่เสียผลประโยชน์ที่สุดคือแพกลทีป์ที่แทบจะได้ส่วนที่เหลือน้อยที่สุด แถมยังต้องประคับประคองชาวบ้านอีก แต่ใช้เวลาเพียงไม่ถึงเดือนทุกอย่างบนเกาะก็เริ่มกลับมาใกล้เคียงกับของเดิม ทั้งนี้เพราะความร่วมใจของชาวบ้านและเพราะผู้นำที่เข้มแข็งอย่างชายหนุ่มทำให้ทุกอย่างเข้าที่โดยเร็ว
“นายครับ นายจะออกเรือด้วยเหรอครับคืนนี้” เสียงนายพุ่มคนเฝ้ายามที่ริมหาดถาม
หลังจากเกิดเรื่องชาวบ้านบางคนยังขวัญผวา กันตะจึงขอแรงชาวบ้านให้จัดเวรยามมาเฝ้าที่ริมหาดคืนละสองคน โดยเน้นเป็นชายวัยฉกรรจ์ที่พอจะมีแรงปกป้องผู้มาเยือนที่ไม่ประสงค์ดีได้ ส่วนเด็กและคนชราก็ให้พักผ่อนตามปกติ
“ไม่น่าจะมีพายุ ฉันว่าจะออกไปช่วยชาวบ้านหน่อย”
“แต่นายเหนื่อยมากแล้วนะครับ สองคืนก่อนมีพายุตอนเข้าฝั่งกว่าจะจัดการทุกอย่างได้ก็เล่นเอาเช้า นายจะไม่พักหน่อยเหรอครับ” นายพุ่มถามด้วยความหวังดี
“ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำซะหน่อย” กันตะไม่สนใจว่าตนเองจะเหนื่อยแค่ไหนขอแค่ให้ความเป็นอยู่ของชาวบ้านกลับมาดีเหมือนเดิมก็พอแล้ว เขาคุยกับนายพุ่มอีกสองสามคำก่อนจะไปเตรียมตัวที่บ้านพัก แต่ก่อนจะเดินกลับไปได้หันหลังกลับมาสั่งบางอย่างเสียก่อนว่า
“ถ้ามีผู้หญิงมาถามว่าจะกลับขึ้นฝั่งยังไง นายพุ่มสั่งทุกคนว่าห้ามพูดนะ”
“ครับนาย”นายพุ่มรับคำโดยไม่ถามอะไรทั้งสิ้น คำสั่งของกันตะคือสิ่งที่ทุกคนบนเกาะกลทีป์ต้องเชื่อฟังและทำตามอย่างเคร่งครัด
