บทที่ 1 อุบัติเหตุ (3)
ริคาโด้จ้องมองหญิงสาวประหนึ่งว่าตั้งใจสะกดเธอเอาไว้ ซึ่งมันก็ได้ผล เพราะหญิงสาวหยุดเคลื่อนไหวทันที
“ผมมีธุระเร่งด่วนต้องรีบไปทำ ขอตัว” บอกสั้น ๆ ห้วน ๆ ชายหนุ่มจึงหันไปเรียกรถแท็กซี่แล้วจากไปทันที
ส่วนรินดาวได้แต่มองนามบัตรที่เขายื่นมาให้ แต่เม็ดฝนที่ยังกระหน่ำลงมาได้ทำให้นามบัตรนั้นเปียก
“เนี่ยนะความรับผิดชอบ? สุดยอดสุภาพบุรุษเลย” หญิงสาวบ่นอุบพลางกรอกตาไปมา ก่อนนำนามบัตรที่ได้จากชายแปลกหน้าไปไว้ในรถ
รินดาวหยิบโทรศัพท์มาถ่ายรูปรถของคู่กรณีเก็บเอาไว้เป็นหลักฐาน รวมทั้งจดทะเบียนรถทั้งสองคันที่ชนเธอเอาไว้ โดยไม่ลืมหันไปพูดคุยกับเจ้าของรถตู้
“พอดีฉันมีธุระด่วนสุด ๆ ต้องรีบจัดการ ฉันส่งรูปให้เจ้าหน้าที่ตำรวจแล้ว อยู่เคลียร์กับประกันให้ฉันด้วยล่ะ ขอบคุณ”
รินดาวไม่เปิดโอกาสให้คู่กรณีพูดเลยด้วยซ้ำ พอจัดการเรื่องที่สมควรทำเรียบร้อยแล้ว เธอจึงรีบเรียกรถแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้าไปยังโรงแรมหรูทันที
ใช่ว่าเรื่องอุบัติเหตุรถชนไม่สำคัญนะ แต่เรื่องงานแฟชั่นโชว์สำคัญกับเธอมากกว่า และแน่นอนว่าเธอพร้อมจะสละทุกอย่างเพื่องานที่เธอรัก!
พอมาถึงโรงแรมที่จัดงาน รินดาวก็เจอกับปัญหาเข้าอีก
นั่นก็คือเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทางโรงแรมไม่ให้เธอผ่านประตูเข้าไป ด้วยเหตุผลที่ว่า เธอแต่งกายไม่สุภาพเรียบร้อย!!!
แน่นอนว่านี่เป็นอีกหนึ่งเรื่องที่ทำให้ระดับความหงุดหงิดของรินดาวเพิ่มสูงขึ้น!
เธออุตส่าห์ยอมอดหลับอดนอน ขับรถฝ่าการจราจรที่ติดขัด ไหนจะประสบกับอุบัติเหตุรถชน พอมาถึงสถานที่จัดงาน กลับผ่านเข้าไปภายในไม่ได้!
นี่คือเรื่องงี่เง่าที่สุดเลยทีเดียว!
“ฉันถูกตามตัวมาที่นี่อย่างเร่งด่วน และรถของฉันก็ถูกชนเมื่อสิบนาทีที่แล้ว คุณควรให้ความเห็นใจฉัน มากกว่ากีดกันห้ามไม่ให้ฉันเข้าไปข้างในนะ!”
“ต้องขออภัย แต่นี่เป็นกฎระเบียบของทางโรงแรม เราให้คุณผ่านเข้าไปไม่ได้จริง ๆ ครับ”
รินดาวกรอกลูกตาไปมา เธอเกลียดโรงแรมหรูก็เพราะเหตุผลนี้ล่ะ
เรื่องมาก งี่เง่า มีกฎเกณฑ์เยอะเกินไป!
“บ้าชะมัด!” หญิงสาวสบถหัวเสีย ก่อนกดรับสายเมื่อโทรศัพท์ส่งเสียงร้องขึ้นมาอีกครั้ง
“ว่าไงมาเรีย?”
“เธออยู่ไหนแล้วแองจี้ รู้มั้ยว่าในงานกำลังวุ่นวายมาก” มาเรียโทรมาเร่งรัดเธอด้วยน้ำเสียงร้อนอกร้อนใจเป็นอย่างมาก
“ฉันอยู่หน้าโรงแรม รปภ. ไม่ให้ฉันเข้าไป”
“โอเค ๆ เดี๋ยวฉันลงไปรับ แค่นี้นะ” มาเรียรีบวางสายทันที
ส่วนรินดาวได้แต่ยืนรออย่างไม่สบอารมณ์เท่าที่ควร ดูว่าวันนี้เธอจะหยิบจะทำอะไร ก็ไม่ราบรื่นเลย
เพียงอึดใจเดียว แม่ออแกไนซ์ตัวแสบที่งัดเธอออกจากที่นอนจึงลงมารับเธอเข้างานด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม กระนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของทางโรงแรมก็ยังไม่ยอมให้เธอผ่านเข้าไปภายในโดยง่าย
“ไม่ได้ครับ ผมให้คุณผู้หญิงคนนี้เข้าโรงแรมไม่ได้” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยืนยันเสียงเครียด อีกทั้งผายมือมายังรินดาว
สำหรับคนที่ถูกพาดพิงเม้มปากจนเป็นเส้นตรงเห็นรอยบุ๋มข้างแก้ม ก่อนปรายตาไปยังมาเรีย เพื่อบอกให้เพื่อนสาวช่วยจัดการเรื่องนี้ให้
“ฉันขอเหตุผลด้วย?” มาเรียเท้าสะเอวอย่างเอาเรื่อง เพราะทุกวินาทีมีค่ายิ่งกว่าเพชรซะอีก
“คุณผู้หญิงท่านนี้แต่งกายไม่เรียบร้อย เอ่อ คือ... ทางโรงแรมให้ผู้สวมสูท แต่งกายสุภาพเข้าไปในโรงแรมได้เท่านั้นครับ”
“นี่เป็นเหตุผลที่งี่เง่ามาก” รินดาวที่ยืนเท้าสะเอวออกความเห็น ก่อนปรายตาไปยังเพื่อนสาว “ขอยืมเสื้อเธอหน่อยสิ”
มาเรียถอดเสื้อสูทให้รินดาวทันที แน่นอนว่ารินดาวจัดการกับตัวเองตรงนั้น และเดี๋ยวนั้น
“เอาล่ะ ฉันสวมสูทแล้ว ทีนี้ฉันเข้าไปได้แล้วหรือยัง?”
“ยังไม่ได้ครับ” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยค้านขึ้นอีก
มาเรียนที่เร่งรีบไม่แพ้รินดาวจึงถอนฉุนออกมา เพราะขืนไม่ทำอะไรสักอย่าง งานของเธอต้องเกิดผลกระทบแน่ และที่สำคัญไปกว่านั้น ไม่ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอต้องดึงตัวแองจี้ โรเจอร์ขึ้นเดินแบบให้ได้! มิเช่นนั้นเธอจะชวดเงินก้อนโตที่ได้รับจากมิสเตอร์คารอส
“ฟังฉันให้ดีนะคุณรปภ. นี่คือดีไซเนอร์ชื่อดังของเรา เธอคือแองจี้ โรเจอร์ และถ้าคุณยังกักตัวเธอไว้แบบนี้ รับรองได้ว่า คุณมีปัญหากับเจ้านายแน่”
“โอ้” เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยอุทานออกมา อีกทั้งยังหัวเราะ เห็นเป็นเรื่องตลกขบขัน “สิ่งที่คุณพูด มันยากทำใจยอมรับ ถ้าบอกว่าสุภาพสตรีท่านนี้เป็นผู้ป่วยของโรงพยาบาลจิตเวช ยังน่าเชื่อ...”
ผัวะ!!
เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยยังพูดไม่จบด้วยซ้ำ รินดาวได้ชกหน้าชายผู้นั้นก่อน โทษฐานที่เจ้าหมอนี่ กว่าวหาว่าเธอเป็นคนบ้าโรคจิต
“จำไว้ ฉันไม่ใช่คนบ้า!!” ตะโกนใส่หน้าเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเสร็จ เธอจึงจูงมือเพื่อนสาววิ่งหน้าตั้งเข้ามาในอาคารทันที โดยไม่สนใจเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่วิ่งตามหลังมา
“ฉันว่า ฉันบ้าระห่ำแล้วนะ แต่เทียบกับเธอไม่ได้เลยแองจี้”มาเรียหัวเราะชอบใจ
“ถือเป็นคำชมก็แล้วกัน” รินดาวไหวไหล่น้อย ๆ ก่อนเร่งฝีเท้าตามมาเรียไปจนถึงห้องที่ใช้สำหรับจัดการการกุศลในค่ำคืนนี้...
