3.เตรียมใจ
*** ทักทายคร้า ***
ทิวลิปเดินนำหน้าเปิดประตูออกเต็มแรง ทำให้กระแทกเข้ากับร่างสูงเพรียวของนาธานอย่างแรง
“โอ๊ย!” เสียงร้องด้วยความเจ็บทำให้สี่สาวตกใจ ทิวลิปได้สติรีบเข้าไปดูคนที่ยืนกุมศีรษะอยู่หน้าห้อง
นาธานสะบัดหน้าไปมาเหมือนเห็นดาวระยิบระยับตอนกลางวัน ก่อนจะก้มมองใบหน้าเนียนสวยของผู้หญิงตรงหน้า
“คุณเป็นยังไงบ้าง ขอโทษนะคะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ” ทิวลิป บอกอย่างกังวล ร่างบอบบางพยายามเขย่งปลายเท้าขึ้นดูแผลที่หน้าผาก
“อยู่เฉยๆ สิ ฉันขอดูแผลหน่อย”
“นี่ขนาดไม่ตั้งใจหัวผมเกือบแตก ถ้าตั้งใจไม่เย็บเป็นสิบเลยเหรอ” นาธานบ่นพลางสูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ของกายสาวที่ลอยเข้ามาในจมูก
“ถ้าฉันตั้งใจคงไม่แค่สิบหรอกค่ะ ฉันจะเอาให้ตายไปเลยดีไหม จะได้ไม่ต้องร้องให้เสียเวลา แล้วใครเค้าให้มายืนขวางประตูไม่ทราบ”
“ผมมาหาเจ้านายผมน่ะสิ แล้วคุณเปิดประตูยังไงไม่ดูคนเอาซะเลย”
“แล้วฉันจะเห็นได้ยังไงล่ะ ก้มลงมาสิ ตัวสูงยังกับยักษ์ฉันจะมองเห็นแผลได้ยังไง”
เลือดคุณหมอของทิวลิปเข้มข้นพยายามดึงมือใหญ่ออกจากหน้าผากเพื่อดูแผล จนลืมไปว่ามีสายตาสามคู่ยืนฟังการโต้ตอบอย่างขำๆ
“ไม่ต้อง ผมไปให้หมอดูดีกว่า”
“ก็ฉันนี่แหละหมอ ปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ” เสียงหวานใสสั่งห้วนๆ ทำให้บอดี้การ์ดหนุ่มผู้ไม่เคยรับคำสั่งใครนอกจากเจ้านายจำต้องปล่อยมือออก แต่พอมองเลยไหล่บางไปข้างหลัง ก็เห็นเจ้านายสาวที่เขาต้องกลายมาเป็นการ์ดเฉพาะกิจให้ยืนอมยิ้มอยู่ไม่ไกล
“คุณชิว ขอโทษครับ” ร่างสูงเพรียวขยับห่างแล้วก้มศีรษะให้เจ้านายสาว ทำให้ทิวลิปได้สติหันกลับไปมองเพื่อนๆ
“ไม่เป็นไรจ้ะ แล้วนี่เจ็บมากไหม”
“ไม่เป็นไรครับแค่มึนๆ นิดหน่อย แล้วคุณชิวจะไปไหนครับ” นาธานถามด้วยน้ำเสียงสุภาพแล้วยิ้มให้กับบรรดาสาวๆ ที่ยืนอยู่ตรงหน้า
“ฉันจะไปกินข้าวกับเพื่อน นาธานขับรถให้หน่อยนะ การ์ดไม่ต้องตามไปก็ได้”
นาธานเงียบไปนิดหนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับคำสั่ง แต่ชีวาวลัยพอจะเดาได้ ยังไงนาธานคงให้การ์ดขับรถตามหลังไปอีกตามเคย
“นี่คุณหนูชิว จะไม่แนะนำหนุ่มหล่อให้พวกฉันรู้จักเลยเหรอ” แจ๊สซี่ทำตามปริบๆ บิดกายไปมาอย่างขัดเขิน หัวใจแทบละลายเมื่อเห็นหนุ่มหล่อยิ้มให้อย่างเป็นมิตร
“ทุกคนจ๊ะนี่นาธาน พี่ชายบุญธรรมของชิวเอง”
นาธานขยับตัวอ้าปากเตรียมจะแก้ต่าง แต่พอเห็นสายตากลมโตที่มองมาก็ต้องยืนนิ่ง มองเจ้านายสาวด้วยแววตาเคารพและตื้นตันที่คนในตระกูลวาเนอร์ไม่เคยเห็นเขาเป็นคนอื่น แต่นาธานก็ไม่เคยคิดตีเสมอ ยังดูแลความปลอดภัยในฐานะหัวหน้าการ์ดแทนผู้เป็นลุงอย่างเต็มที่
“ว้าว! ชิวมีพี่บุญธรรมหล่อมาก...ขอบอก” แจ๊สซี่ลากเสียงยาวทำให้นาธานยิ้มให้แทนคำขอบคุณ ส่วนทิวลิปและปานวาดยิ้มทักทาย
“แล้วนาธานต้องไปหาหมอไหม ให้ทิวดูให้ก็ได้นะเพราะเขาเป็นหมอ”
“ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมจะเจ็บมากกว่าเดิม” เขาบอกพลางชำเลืองมองทิวลิปที่หุบยิ้มทันทีที่โดนแขวะ
ชีวาวลัยมองบอดี้การ์ดประจำตัวอย่างแปลกใจ ปกตินาธานจะไม่ฟังคำสั่งใครนอกจากคนในตระกูลวาเนอร์ แต่เมื่อกี้กลับยอมให้เพื่อเธอขู่หน้าตาเฉย หรือว่าจะมีอะไรดีๆ เกิดขึ้นหลังจากนี้…หญิงสาวยิ้มอย่างครึ้มใจกับความคิดของตัวเอง
เมื่อดูแผลให้คนเจ็บเสร็จ สี่สาวก็พากันไปที่ร้านอาหารไทยเพื่อรำลึกความหลัง โดยมีสารถีกิตติมศักดิ์อย่างนาธานขับรถให้ตลอดเส้นทาง
ร่างสูงสง่าในสูทสากลสีเข้มของชีคเดนิช อัลบาอิลล์ ดามัสกัส เดินลงจากบันไดเครื่องบินส่วนตัวที่เพิ่งลงแตะรันเวย์ไปยังขบวนรถลีมูซีนที่จอดรออยู่ นายพลพาเวล เซนเฟเยฟ นายพลนอกราชการเดินออกไปต้อนรับด้วยใบหน้าแย้มยิ้ม
“ยินดีต้อนรับครับชีคเดนิช” มือกร้านแดดของนายพลชรายื่นไปรอข้างหน้า
ริมฝีปากหยักได้รูปใต้แว่นกันแดดอันใหญ่ยกขึ้นเหมือนจะยิ้ม ใบหน้าคมเข้มภายใต้แว่นกันแดดมองใบหน้าอูมด้วยแววตาเรียบเฉย ก่อนจะยื่นมือออกไปทักทายตามมารยาท
“สวัสดีครับนายพลพาเวล ขอบคุณที่มาต้อนรับด้วยตัวเอง” เสียงทรงอำนาจเอ่ยทักทายและคลายมือออก ใบหน้าคมเข้มกวาดมองชายฉกรรจ์สวมชุดซาฟารีที่ยืนกระจายอารักขาอยู่รอบๆ
“มิได้ครับ ยังไงผมก็ต้องมาต้อนรับหุ้นส่วนคนสำคัญด้วยตัวเองอยู่แล้ว” นายพลชรายิ้มแล้วผายมือเชิญร่างสูงเดินไปขึ้นรถ บอดี้การ์ดของชีคหนุ่มเดินไปนั่งตรงข้ามคนขับเพื่ออารักขาเจ้านายหนุ่ม
*****
