บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

“เซ็ง” พูดไปก็ทำหน้าเบื่อโลกตามคำพูด เพราะเส้นความอดทนของเธอเหลือน้อยนิดแล้วนั่นเอง

“เรื่องงานอีกแล้วล่ะสิ ถึงตอบอย่างเซ็งๆ แบบนี้” หัวคิ้วดกหนาของนายตำรวจหนุ่มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย เพราะเดาออกว่าฝนทิพย์เซ็งด้วยเรื่องอะไร เธอบ่นกับเขาทุกครั้ง ตรีภพอยากช่วยแต่ก็ได้แค่คิด

“พี่ภพว่างไหม ต้องไปทำงานต่อหรือเปล่า ถ้าว่างนั่งคุยกับฝนสักสิบนาทีนะ เราจะได้ทานของว่างด้วยกัน” คำเอ่ยชวนของฝนทิพย์มีหรือที่ตรีภพจะปฏิเสธต่อให้ยุ่งแค่ไหนถ้าได้ยินแบบนี้เขาก็ต้องหาเวลาให้เธออยู่แล้ว คิดถึงใบหน้าหวานๆ คำพูดอ้อนๆ นี้อยู่ทุกลมหายใจ

“ได้สิ” ฝนทิพย์ยิ้มกว้างกับคำตอบนั้น หญิงสาวจึงเดินเข้าไปบอกให้สวย ผู้ช่วยแม่บ้านจัดเตรียมของว่างให้เธอกับตรีภพ ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินไปนั่งรอที่โต๊ะกลางสวน ซึ่งสวนแห่งนี้บิดาของฝนทิพย์เป็นคนจัดแต่งเอง วันไหนหยุดงานราชการทุกคนจะตามตัว พ.ต.อ.บรรพต ได้ในสวน

พอหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ฝนทิพย์ก็ยกมือเท้าคางพร้อมกับถอนหายใจตามมาเฮือกใหญ่ เพราะถ้าไม่สร้างสถานการณ์ให้ดูเคร่งเครียดมากแบบนี้ล่วงหน้าไปก่อน สิ่งที่ต้องการอาจไม่สำเร็จโดยง่าย และท่าทางของเธอก็ทำให้นายตำรวจหนุ่มพลอยกังวลไปด้วยอีกคน

“หน้าตาเบื่อโลกแบบนี้ คิ้วผูกโบว์แล้วนะ” นายตำรวจหนุ่มยื่นมือไปสัมผัสหว่างคิ้วของฝนทิพย์เบาๆ

“เอ่อ...คือฝนอยาก” ฝนทิพย์แสร้งทำเป็นอ้ำๆ อึ้งๆ นั่นทำให้ตรีภพเป็นฝ่ายที่คิ้วขมวดแทน แต่จังหวะที่หญิงสาวกำลังจะพูด สวยก็เดินมาพร้อมกับของว่าง “ขอบใจจ้ะสวย”

“ค่ะคุณฝน” สวยยิ้มรับ ก่อนจะเดินกลับออกไปหลังจากวางของว่างบนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว

“ทานของว่างก่อนค่ะ เพราะถ้าพี่ภพฟังฝนบ่นก่อนทานจะพลอยทำให้ทานไม่ลงเปล่าๆ” ฝนทิพย์ส่งยิ้มให้ชายหนุ่ม ท่าทางของเธอยิ่งทำให้นายตำรวจกังวล ก่อนจะลงมือทานของว่างอย่างรวดเร็วเพื่อฟังเรื่องราวที่ทำให้ฝนทิพย์ต้องเป็นกังวล หวังว่าคงไม่ใช่เรื่องเดิมหรอกนะ ถ้าใช่...เขาก็ให้คำตอบเธอเหมือนเดิมเช่นกัน

“พี่พร้อมฟังแล้วครับ” คนเจ้าแผนการแอบยิ้มกับสิ่งที่ได้ยิน ก่อนจะวางช้อนที่เพิ่งตักของว่างเข้าปากไปครึ่งจานแล้วจึงลดความหิวไปได้มาก

“คือ...ฝนอยากให้พี่ภพช่วย” ฝนทิพย์กุมมือของตรีภพไว้พร้อมกับส่งแววตาขอร้องมาให้ นายตำรวจหนุ่มถึงกับทำอะไรไม่ถูกเมื่อสบกับตากลมโตตรงหน้า ก่อนจะดึงสติให้กลับมา เกิดเป็นผู้ชายจะพ่ายแพ้แค่แววตาของหญิงสาวที่แอบรักแค่นี้ได้ยังไงกัน

“ฝนจะให้พี่ช่วยอะไร...หื้อ”

“พี่ภพต้องรับปากฝนมาก่อนว่าจะช่วย...นะคะ เพราะถ้าพี่ภพไม่ช่วยฝนต้องตายแน่ๆ ฝนไม่มีที่พึ่งเลย มีแค่พี่ภพคนเดียว” คำพูดของ ฝนทิพย์ทำให้ตรีภพตัวลอยนิดๆ เพราะคิดไปแล้วว่าเขานั้นสำคัญกับหญิงสาวมากโดยหารู้ไม่ว่าขณะนี้ฝนทิพย์กำลังผิดศีลข้อสี่

“เอ่อ...คือ...”

“แต่ถ้าพี่ภพไม่สะดวก ฝนก็ไม่อยากรบกวน” เมื่อเห็นตรีภพอ้ำๆ อึ้งๆ ฝนทิพย์ก็ปล่อยมือจากชายหนุ่ม นั่นทำให้ตรีภพรู้สึกไม่ดี

“โอเคครับ พี่จะช่วย ถ้าเรื่องนั้นพี่ทำได้” ถึงจะรับปากว่าจะช่วย แต่ตรีภพก็มีขอบเขตของเขาเช่นกัน ฝนทิพย์ยิ้มออก ก่อนจะร่ายยาวนำไปก่อน

“พี่ภพรู้ใช่ไหมว่าฝนชอบงานตำรวจมาก ยิ่งเป็นงานที่ท้าทายก็ยิ่งชอบ”

“ครับ” นายตำรวจหนุ่มเอ่ยรับ ลางสังหรณ์บางอย่างของตรีภพบอกว่าเขาต้องพบเจอกับเรื่องที่ยุ่งยากในอีกไม่ช้านี้

“ฝนอยากทำงานที่ตื่นเต้นท้าทายอย่างที่พี่ภพทำอยู่ตอนนี้ แฝงตัวไปจับคนร้าย ทำงานให้สมกับเป็นผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ฉะนั้นพี่ภพช่วยให้ฝนเป็นหนึ่งในทีมดูแลเรื่องความปลอดภัยของงานประมูลเพชรนะคะขอบคุณมากที่พี่ภพจะช่วยฝน” ฝนทิพย์มัดมือชกทันทีโดยไม่รอให้เป้าหมายได้ปฏิเสธ

“มีเรื่องดูแลความปลอดภัยของงานประมูลเพชรซะที่ไหน ไม่มี” แม้จะปฏิเสธ แต่นายตำรวจหนุ่มบอกตัวเองในใจว่าเขานั้นพลาดท่าเสียแล้ว

“ฝนรู้ว่าพี่ภพรู้ อย่ามาทำเป็นไก๋ เพราะเมื่อกี้บังเอิญว่าฝนผ่านไปได้ยินเรื่องนี้ตอนที่พ่อคุยกับพี่ภพแล้วก็นายตำรวจนอกเครื่องแบบสามคนนั่นเข้าพอดี ฝนไม่ได้แอบฟังนะ ฝนบังเอิญได้ยินจริงๆ” ฝนทิพย์ส่งยิ้มแห้งๆ พร้อมออกตัวแรงว่าเธอแค่ผ่านไปได้ยินให้นายตำรวจหนุ่มฟัง แต่ดูเหมือนเขาจะไม่ค่อยเชื่อสักเท่าไหร่ ตรีภพนั่งตัวตรง ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยโทนเสียงทุ้มๆ

“คือพี่คงรับปากไม่ได้จริงๆ ว่าจะให้ฝนทำงานนี้ได้ไหม เพราะคนที่รับผิดชอบงานนี้คือท่านรอง” ท่านรองที่ตรีภพเอ่ยถึงก็คือบิดาของฝนทิพย์นั่นเอง

“ก็ถ้าพี่ภพเห็นด้วยสักคนว่าฝนทำงานนี้ได้ พ่อก็ไม่ค้านหรอก นะคะพี่ภพ ช่วยฝนหน่อยนะคะ...นะๆ” ฝนทิพย์เขย่าแขนล่ำๆ ของตรีภพไปมาอย่างขอร้อง ชายหนุ่มเกือบใจอ่อนแล้วแต่ก็ต้องทำเป็นใจแข็ง เพราะเขาไม่มีอำนาจพอที่จะอนุญาตได้จริงๆ

“แต่งานนี้อันตรายเกินไป”

“ถ้ากลัวงานอันตรายฝนคงไม่มาเป็นตำรวจหรอก ตำรวจต้องทำงานเสี่ยงกับคำว่าอันตรายอยู่แล้วเพื่อปกป้องประเทศชาติ เราต้องเสียสละถึงแม้จะตายก็ตายอย่างมีศักดิ์ศรีไม่ให้เสียชื่อตำรวจไทย” คำพูดของฝนทิพย์ทำเอาตรีภพอึ้ง เพราะเธอพูดถูก

“เรื่องนั้นพี่ก็รู้” ตรีภพสบตาฝนทิพย์ เขายังรู้อะไรอีกหลายอย่างที่เธอไม่รู้ด้วย ซึ่งก็คือเรื่องที่หญิงสาวกำลังจะพูดต่อจากนี้

“ตั้งแต่ฝนเป็นตำรวจมากลับไปเป็นเลขาหน้าห้องนาย งานแบบนั้นไปทำที่ไหนก็ได้ ฝนไม่ชอบงานแบบนั้น ฝนอยากออกนอกพื้นที่ อยากทำงานเพื่อประเทศชาติ นะคะพี่ภพ ช่วยฝนพูดกับพ่อหน่อยนะคะ” พูดไปพูดมาฝนทิพย์ก็ลงท้ายด้วยการขอร้องตรีภพอีกครั้ง นายตำรวจหนุ่มรู้ถึงเหตุผลนั้นว่าเพราะอะไรฝนทิพย์ถึงไม่เคยได้ออกไปทำงานนอกพื้นที่ เนื่องจากบิดาของเธอไม่ให้ทำนั่นเอง

เมื่อชายหนุ่มเงียบฝนทิพย์จึงเขย่าแขนเขาไปมาอีกครั้ง เพราะความที่สนิทสนมกันมาก เธอเคารพชายหนุ่มเหมือนพี่ชายแท้ๆ คนหนึ่งก็ว่าได้จึงอ้อนได้มากกว่าใคร เพราะจริงๆ แล้วฝนทิพย์ไม่ได้สนิทกับพี่สาวอย่างที่ควรจะเป็น เธอจึงหันมาสนิทกับตรีภพประหนึ่งพี่น้อง โดยไม่รู้ว่าแท้จริงแล้วตรีภพนั้นคิดกับเธอเกินจากคำว่าเพื่อนหรือพี่ชายไปไกลมากแล้ว ยิ่งมาเจอกับแววตาท่าทางอ้อนๆ แบบนี้ หัวใจของนายตำรวจหนุ่มก็ถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ

“แต่งานนี้อันตรายเกินไป พี่...” ยังไม่ทันที่ตรีภพจะได้พูดจบประโยคฝนทิพย์ก็แย้งขึ้น

“ฝนรู้ว่างานนี้อันตราย แต่งานนี้พี่ภพกับพ่อยังทำได้ ฝนก็ต้องทำได้สิคะ”

“มันไม่เหมือนกัน” นายตำรวจหนุ่มลอบถอนหายใจออกมาเบาๆ เพราะบทที่ฝนทิพย์นั้นจะดื้อรั้นก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน แถมนี่คงอัดอั้นกับการต้องนั่งเป็นเลขาหน้าห้องมานานถึงไม่ยอมเปลี่ยนใจง่ายๆ

“ฝนดูแลตัวเองได้ ถ้าไม่ให้ฝนทำงานเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ ฝนจะเป็นตำรวจที่เก่งได้ยังไง ฝนขอดีๆ แล้วแต่ถ้าทุกคนยังยืนกรานว่าไม่ให้ฝนทำอีกละก็ ฝนจะแอบเข้าไปในงาน”

“คิดจะป่วนงานพ่อไปถึงไหน” เสียงที่ได้ยินทำให้ฝนทิพย์หันไปมองจึงเห็นว่าเป็นบิดาของตนเองมายืนกอดอกมองอยู่ พ.ต.อ.บรรพต ส่ายหน้าให้ลูกสาวคนเล็กเพราะยืนฟังอยู่นานแล้ว รู้แบบนี้เขาน่าจะนัดประชุมกันที่อื่น ไม่น่าเป็นที่บ้านจนฝนทิพย์ได้ยินเข้า

“พ่อ”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel