บทที่ 2
เสียงแป้นพิมพ์บนคีย์บอร์ดดังขึ้นต่อเนื่องในห้องทำงานอยู่หลายนาที เพราะเจ้าของนิ้วเรียวทั้งสิบนิ้วกำลังรัวเพื่อพิมพ์สรุปผลการประชุมสำหรับส่งให้ผู้บังคับบัญชาในวันพรุ่งนี้เช้า เมื่อวันศุกร์ฝนทิพย์หมกตัวอยู่ในห้องประชุมตั้งแต่เช้ายันบ่าย จนวันนี้วันหยุดเธอแท้ๆ แต่ก็ต้องหอบงานกลับมาทำต่อที่บ้าน เมื่องานเสร็จสีหน้าเบื่อโลก คิ้วสวยได้รูปขมวดเป็นปม และถัดจากนั้นคือเสียงถอนหายใจที่ดังเฮือกใหญ่เพราะรู้สึกเบื่อๆ เซ็งๆ กับงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้เต็มทน เซ็งจนจะหมดความอดทนเข้าไปทุกวัน คนให้คุยแก้เซ็งอย่างตรีภพก็ทำงานสำคัญ จึงไม่ได้คุยกันมาเกือบสองอาทิตย์แล้ว
“เฮ้อ...เบื่อ” เสียงถอนหายใจของร้อยตำรวจตรีหญิงฝนทิพย์ดังขึ้นอีกครั้ง ความรักในสายงานตำรวจอย่างบิดา ฝนทิพย์จึงยึดมาเป็นแบบอย่าง ซึ่งปัจจุบันบิดาของเธอนั้นเป็นนายตำรวจใหญ่ฝีมือดี จึงหวังที่จะเจริญรอยตาม แต่พอได้มาเป็นตำรวจจริงๆ เธอกลับไม่เคยได้ออกไปทำงานนอกพื้นที่เพื่อจับคนร้าย ไม่เคยได้รับมอบหมายงานที่ท้าทายให้แม้แต่ชิ้นเดียว
ทั้งๆ ที่ฝนทิพย์นั้นชอบงานสืบสวนสอบสวนเป็นที่สุด อยากออกพื้นที่หรือแฝงตัวตามจับคนร้ายด้วยซ้ำ เพราะมั่นใจว่าตัวเองมีความสามารถพอ แต่กลับไม่มีใครหยิบยื่นโอกาสนั้นให้เธอได้พิสูจน์ฝีมือ จนกระทั่งมีความคิดจะขอย้ายแผนก เธอไม่อยากเป็นเลขาหน้าห้องนายอีกต่อไป
“พรุ่งนี้ต้องคุยกับพ่อให้รู้เรื่อง ถ้าพ่อยังไม่ยอมละก็...หึหึ” เสียงหัวเราะแบบมีเลศนัยดังขึ้น เพราะถ้าบิดาไม่ยอมให้เธอย้ายแผนกอีกหลังจากคุยเรื่องนี้กันมาหลายครั้งหลายหนแล้ว คราวนี้ฝนทิพย์ก็จะงัดไม้เด็ดมาพูดว่าเธอนั้นจะไม่แต่งงาน จะขึ้นคาน และจะหนีไปเป็นตำรวจภูธรให้ไกลสุดโต่งอยู่ตะเข็บชายแดนให้รู้แล้วรู้รอด พอมาคิดๆ ดูอีกทีก็ไม่รู้ว่าวิธีนี้จะได้ผลไหม แต่ก็ให้กำลังใจตัวเองว่าต้องเสี่ยงต่อรองดูสักตั้ง ก่อนจะหันไปมองรูปของบิดาที่อยู่ในชุดนายตำรวจแบบเต็มยศที่วางอยู่บนโต๊ะทำงาน
“พ่อคะ ใจอ่อนให้ฝนไปทำงานนอกพื้นที่เถอะนะ...นะ” เสียงหวานๆ พร้อมแววตาอ้อนๆ เอ่ยขอกับรูปของบิดา ตั้งแต่เล็กจนโตฝนทิพย์เห็นบิดาทำงานเป็นนายตำรวจผู้ทรงเกียรติ ยึดมั่นในการทำความดี เคารพกฎหมายและนั่นทำให้เธอใฝ่ฝันที่จะเดินตามเท้าบิดาด้วยการเป็นตำรวจหญิงผู้ยิ่งใหญ่ เพราะแม้เธอจะเป็นหญิงแต่จิตใจนั้นก็แกร่งเกินตัว เธอรักในอาชีพตำรวจจนใช้ความพยายามทั้งหมดที่มีเพื่อจะเป็นตำรวจให้จงได้โดยขอร้องไม่ให้ผู้เป็นบิดาช่วย
แต่บรรพต ผู้ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติหรือจะยอมอยู่นิ่งไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือลูกสาวคนเล็กของครอบครัวอย่างฝนทิพย์ เพื่อให้สมหวังในงานที่ต้องการ แต่ก็ช่วยแบบเงียบๆ เพื่อไม่ให้ฝนทิพย์รู้ตัวพร้อมกำชับทุกคนที่ทราบเรื่องนี้ให้ปิดเป็นความลับ เพียงแค่นี้ฝนทิพย์ก็ไม่รู้ว่าบิดานั้นช่วยเธอมาตลอดเวลาตั้งแต่เริ่มยื่นใบสมัครด้วยซ้ำ แต่บรรพตก็อึ้งกับความสามารถของลูกสาวไม่น้อยที่ผ่านการทดสอบและร่ำเรียนมาได้ด้วยตัวเองโดยที่เขานั้นแทบไม่ได้ยื่นมือเข้าช่วยเลย แต่ที่ทำจริงๆ ก็เรื่องที่ไม่ยอมให้ฝนทิพย์ออกไปทำงานที่เสี่ยงอันตรายเท่านั้น ยอมทำตามความฝันของบุตรสาว แต่ก็ยังอยู่ในขอบเขตของบิดาอยู่ดี
เมื่อเสร็จงานที่ทำแล้วฝนทิพย์ก็ลุกขึ้นบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบไปมาจนได้ยินเสียงแกร๊กๆ ตามร่างกาย ร่างบอบบางที่สูงเกือบร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตร แต่น้ำหนักนั้นไม่ถึงห้าสิบกิโลกรัมจึงดูผอมเพรียว ผมดำขลับยาวแค่ประบ่าถูกมัดรวบไว้ด้านหลัง ปอยผมด้านหน้าหล่นคลอเคลียผิวแก้มนวลน่ามอง ท่าทางทะมัดทะแมงดูอ่อนลงเมื่ออยู่ในชุดสบายๆ ไม่ใช่ชุดสีกากีอย่างเช่นในเวลาทำงาน แต่อยู่ๆ เสียงร้องประท้วงของท้องก็ดังขึ้น
จ๊อกๆ
“หิว” เจ้าของเสียงท้องร้องบ่นกับตัวเองเบาๆ พร้อมกับลูบหน้าท้องที่แบนราบของตัวเองไปมา พอเสร็จงานความหิวก็เข้ามาเล่นงานซะได้ ก่อนที่ขายาวๆ จะเดินลงไปชั้นล่างเพื่อหวังหาอะไรดับความหิวที่เกิดขึ้นในขณะนี้ แต่ขณะที่กำลังเดินผ่านห้องทำงานของบิดาเสียงพูดคุยของคนภายในก็ทำให้ฝนทิพย์หยุดเท้าเพื่อจะฟังทั้งๆ ที่รู้ว่าเสียมารยาทก็ตามที
“เราแค่เดินผ่าน คนข้างในพูดเสียงดังจนได้ยินเอง เราไม่ผิด” ฝนทิพย์เออออกับตัวเองเป็นตุเป็นตะ ก่อนจะเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ เพราะทุกครั้งที่บิดามีประชุมแบบนี้ย่อมมีงานชิ้นสำคัญให้ทุกคนในทีมทำเสมอ ยกเว้นเธอที่เหมือนส่วนเกินเข้าไปทุกวัน คิดแล้วก็เศร้า
“เบื้องบนกำชับมาว่างานชิ้นนี้ห้ามพลาดเป็นอันขาด เพราะเป็นงานประมูลเครื่องเพชรมูลค่าหลายร้อยล้านและคนที่คิดจะชิงมันไปแบบฟรีๆ ก็มีไม่น้อย” เสียงของ พ.ต.อ.บรรพต ดังขึ้น เพราะงานนี้ถือว่าคือชื่อเสียงของกรมตำรวจก็ว่าได้ เขารับหน้าที่ดูแลโดยตรง เพราะข่าวในทางลับบอกว่างานนี้อาจมีการโจรกรรมเกิดขึ้น ที่สำคัญงานนี้คนใหญ่คนโตเข้าร่วมทั้งนั้น ไม่ว่าจะเพชรที่นำมาประมูลหรือเพชรตามตัวของบรรดาคุณหญิงคุณนายที่คงขนมาประดับเพื่ออวดบารมีต่างต้องได้รับการดูแลไม่แพ้กัน แค่ได้ฟังฝนทิพย์ก็ใจเต้นแรงด้วยความตื่นเต้น เธออยากเป็นหนึ่งในทีมงานครั้งนี้
“ครับท่านรอง” เสียงตอบรับในตำแหน่งของ พ.ต.อ.บรรพต แบบสั้นๆ ที่ดังขึ้นเป็นเสียงที่ฝนทิพย์คุ้นเคยดี เพราะนั่นคือเสียงของ ร.ต.อ.ตรีภพ นายตำรวจรุ่นพี่ที่สนิทกันมาหลายปีและยังเป็นลูกน้องที่รับงานโดยตรงจากบิดาเธอด้วย ที่สำคัญเธอยังไม่ได้พบหน้าชายหนุ่มมาตั้งหลายอาทิตย์ เพราะเขาไปทำงานลับของทางราชการ
“พ่อกับพี่ภพกำลังรับงานอะไร” คำถามดังขึ้นจากริมฝีปากอิ่ม แต่ฝนทิพย์รู้ว่าในห้องทำงานของบิดาตอนนี้ไม่ได้มีแค่สองคนแน่ ท่าทางในห้องตอนนี้ดูเคร่งเครียดต้องเป็นงานสำคัญมากแน่ๆ
“ผมจะส่งคนไปเฝ้าสังเกตการณ์โดยรอบโรงแรมซึ่งเป็นสถานที่จัดงานก่อนครับ เพื่อดูความเรียบร้อยและกันคนที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากระยะ ทีมงานวันนั้นจะมีทั้งในและนอกเครื่องแบบแฝงตัวปะปนไปกับผู้เข้าประมูล” เสียงที่เอ่ยขึ้นครั้งนี้ฝนทิพย์ไม่คุ้นหู แต่สิ่งที่ได้ยินก็ทำเอาเลือดตำรวจในตัวพลุ่งพล่าน เธออยากร่วมเป็นหนึ่งในทีมงานครั้งนี้
“แฝงตัวเหรอ” แทบไม่ต้องคิดฝนทิพย์ก็ตัดสินใจในทันทีว่าเธอต้องทำงานชิ้นนี้ให้ได้ แค่คิดก็สนุกแล้ว
“ดี...ถ้าอย่างนั้นพวกคุณไปจัดการตามแผนให้เรียบร้อย พรุ่งนี้มาสรุปให้ผมฟังอีกครั้ง เพราะงานใกล้จะเริ่มแล้ว”
“ครับท่าน” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นรับอย่างพร้อมเพรียง ฝนทิพย์จับใจความได้คงมีราวสี่คนเป็นอย่างต่ำ เมื่อได้ยินเสียงขยับเก้าอี้หญิงสาวจึงรีบก้าวลงไปชั้นล่างทันที เพราะรู้ว่าการพูดคุยครั้งนี้จบลงแล้ว หญิงสาวยืนหลบมุมมองชายหนุ่มทั้งสามที่มั่นใจว่าเป็นตำรวจแน่นอนเดินกลับไปยังรถแล้วขับออกไป ส่วนอีกคนเหมือนกำลังมองหาอะไรอยู่ หญิงสาวจึงเดินเข้าไปหา
“พี่ภพ”
“ฝน” รอยยิ้มของนายตำรวจหนุ่มผุดขึ้นบนใบหน้าทันที เพราะเขากำลังมองหาเธออยู่นั่นเอง แม้จะเป็นตำรวจด้วยกันทั้งคู่ แต่เขาทำงานเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบเสียเป็นส่วนใหญ่ การที่จะเข้าไปคุยกับเลขาของนายตำรวจที่มียศสูงกว่าบ่อยๆ นั้น ก็กลัวว่าจะถูกใครต่อใครมองฝนทิพย์ไม่ดี
“ไม่เจอกันตั้งหลายวัน พี่ภพสบายดีไหมคะ แล้วงานลับนั่นลุล่วงไหม”
“สบายดีครับ ส่วนงานลับก็ลุล่วง เป้าหมายถูกจับได้แล้ว”
“เยี่ยม” ฝนทิพย์ชูนิ้วหัวแม่มือให้ชายหนุ่ม
“แล้วฝนล่ะ พักนี้เป็นไงบ้าง” น้ำเสียงทุ้มๆ บวกกับแววตาที่แสดงออกว่าห่วงใยเอ่ยถามอย่างไม่ปิดบัง เพียงแต่ฝนทิพย์ยังไร้ประสบการณ์เรื่องความรักและคิดกับตรีภพเป็นเพื่อน เป็นพี่ชายคนหนึ่งจึงมองแววตานั้นไม่ออกว่าแฝงความนัยอะไรไว้ เพราะถ้ามองออกหญิงสาวจะรู้ได้ทันทีว่านายตำรวจตรงหน้านั้นคิดยังไงกับเธอ
