บท
ตั้งค่า

บทที่ 9 (1.2) ตื้อเท่านั้นที่ครองโลก

วันนี้ว่านฟู่เฉิงออกมาจัดการงานที่ร้านว่านเวลาเดิม ที่ต่างไปจากเดิมคือจากเคยนั่งสงบสุขด้านในรถม้ามาตลอดบัดนี้ด้านข้างกลับมีคนผู้หนึ่งมาเคาะที่ผนังรถม้าของเขาอยู่สามครั้ง ว่านฟู่เฉิงไม่เปิดม่านดู คร้านจะใส่ใจ ยังคงนั่งนิ่งอยู่ด้านในเหมือนเดิม

เป็นหลี่เซียวที่นั่งอยู่ด้านหน้าข้างคนขับหันหลังไปมองแทน ยามนั้นก็ได้เห็นบุรุษงดงามผู้หนึ่งเดินเอามือไพล่หลังตามอยู่ข้างรถม้าไม่ห่าง

“ไม่ทราบว่าน้องชายท่านนี้มีเรื่องอะไรให้ข้ารับใช้หรือไม่” แม้อีกฝ่ายจะแต่งตัวดูคล้ายชาวบ้านธรรมดาแต่ใบหน้าที่โดดเด่นและท่าทางการเดินกลับดูต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง หลี่เซียวจึงไม่กล้าเสียมารยาทล้วนถามด้วยความนอบน้อม ในใจก็รู้สึกคุ้นเคยกับคนผู้นี้เแปลก ๆ แต่ก็นึกไม่ออกในทันทีว่าเคยเจอคนที่รูปหน้าหมดจดขนาดนี้มาก่อนหรือไม่

“ข้าแค่มาทักทายคุณชายว่านเท่านั้น” กู่ซิงอียกยิ้มตอบ

พอหลี่เซียวเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายก็พลันนึกถึงคนเมื่อวานที่ยืนอยู่ข้างคุณชายก่อนจะปีนกำแพงออกไปได้ขึ้นมา

‘แค่คนผ่านทางมา’

คำคำนั้นของคุณชายเขายังจำได้ขึ้นใจ

เป็นแค่คนผ่านทางมาที่ปีนกำแพงจวนของผู้อื่น แถมคุณชายก็มิไล่ออกไป ซ้ำยังอยู่ด้วยกันเงียบ ๆ อยู่พักใหญ่ วันนี้คนผ่านทางผู้นั้นก็ผ่านมาอีกแล้ว เดินมาเคาะรถคุณชายตั้งแต่เช้าอย่างสนิทสนม

หลี่เซียวเลิกคิ้วฉงน เก็บตัวกลับเข้าไปที่เดิม แล้วหันไปเปิดหน้าต่างบานเล็กฝั่งที่ตนนั่งพิงอยู่แทน

ตัวรถม้าของตระกูลว่านมีประตูแค่ด้านข้างเท่านั้นที่พอให้คนผ่านไปได้ ถูกสร้างมาไว้สำหรับให้สามารถเข็นเก้าอี้รถเข็นของคุณชายว่านขึ้นลงโดยเฉพาะ ดังนั้นฝั่งคนขับจึงเป็นเพียงหน้าต่างบานเล็กไว้ใช้พูดคุยกับคนที่อยู่ด้านใน

พอเปิดหน้าต่างออกหลี่เซียวก็เห็นคุณชายยังนั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้รถเข็นไม่สนใจคนด้านนอก เขาจึงทำการปิดหน้าต่างลงเอี้ยวตัวกลับไปเอ่ยบอกคนที่กำลังเดินตามอยู่ว่า “น้องชายท่านนี้ เกรงว่าคุณชายคงไม่สะดวกพบ”

“เช่นนั้นไม่เป็นไร เป็นข้าเสียมารยาทเอง” ปากพูดแบบนั้นแต่มือที่ซ่อนไว้ด้านหลังกลับยื่นทะลุผ่านผ้าม่านของรถม้าไปด้วยความไว “มอบของแล้วก็จะไป” กู่ซิงอีกล่าวเสริมอีกประโยคโดยที่ยังคงมองใบหน้าหลี่เซียวอยู่ตามเดิม เท้าก็ก้าวเป็นจังหวะเดินไปพร้อมกับรถม้า

“...” หลี่เซียวไม่ทันห้ามเพราะการกระทำนั้นเกิดขึ้นไวจนเกินไป

ด้านว่านฟู่เฉิงที่นั่งอยู่ก็สะดุ้งตกใจเล็กน้อย ไม่คิดว่าจะมีคนกล้าบ้าบิ่นถึงขั้นเอามือทะลุเข้ามาด้านในทั้งที่ผู้อื่นไม่อยากพบ

ครั้นเมื่อมองดูให้ดีอีกคราก็พบว่าในมือข้างนั้นกำลังถือถังหูลู่ [1] ไว้หนึ่งไม้ สีแวววาวของน้ำตาลเคลือบที่อยู่บนผลซานจาสีแดงช่างตัดกับมือขาวดั่งน้ำข้าวของผู้ถือมากนัก

ว่านฟู่เฉิงคิ้วกระตุก ไม่สบอารมณ์ นึกสบถด่าในใจประมาณว่า ‘ไร้มารยาท!’

เขาแทบไม่อยากโดนตัวอีกฝ่าย เพียงใช้สันพัดดันมือของคนผู้นั้นออกไป แล้วก็ใช้มืออีกข้างที่ว่างอยู่แง้มผ้าม่านออกเล็กน้อยด้วยกลัวน้ำตาลที่เคลือบอยู่บนผลซานจาจะมาเปื้อนผ้าม่านของตนเข้า และก็ไม่รู้ว่าเมื่อครู่ตอนที่ถังหูลู่ถูกยื่นเข้ามาอย่างอุกอาจผ่านผ้าม่านของเขาที่ปิดอยู่บางทีคงจะทำให้ผ้าม่านของเขาเลอะไปแล้วก็ได้

“...” หลี่เซียวรีบเปิดหน้าต่างไปดูคุณชายของตนก่อน พบว่าคนด้านในยกมือห้ามไม่ให้ส่งเสียงอันใดออกมา คาดเดาไปแล้วว่าคุณชายคงกลัวตกเป็นเป้าสายตา เขาเลยปิดหน้าต่างลงอย่างเงียบ ๆ

“ไม่ชอบกินขนมหรือ” กู่ซิงอีไม่ตามตื้ออย่างที่อีกฝ่ายคิดไว้ พอถูกดันมือกลับมาก็กัดขนมในมือกินต่อหน้าต่อตาคนที่ตนคิดจะมอบให้ในตอนแรก แต่การกระทำที่คิดมาล่วงหน้านี้ก็สามารถทำให้อีกฝ่ายเปิดผ้าม่านออกมาเจอหน้ากันได้แล้ว “วันนี้คุณชายว่านก็ยังรูปงามเหมือนเคย” กู่ซิงอีกล่าวชมตามที่ได้เห็นจากใจจริง

ว่านฟู่เฉิงมิได้สนใจมากนักแทบไม่ได้หันไปมอง เพียงแค่ปรายตามองคนด้านนอกไปแวบหนึ่งเท่านั้น “เจ้าเองก็ยังมีกลิ่นสุราติดอยู่เช่นเคย วัน ๆ ดูแล้วไม่ทำอะไร คงว่างมากกระมัง”

กู่ซิงอีร้อง ‘เอ๊ะ’ หนึ่งทีด้วยความแปลกใจ เสื้อตัวนี้ก็เพิ่งซักใหม่ ไยยังมีกลิ่นติดอยู่อีก หรือว่ากลิ่นสุราที่อีกฝ่ายกล่าวถึงนั้นเหม็นมากเกินไปหรือไรคนในรถม้าถึงไม่สบอารมณ์ขนาดนี้

พอลองยกแขนเสื้อขึ้นดมดูแล้วก็ไม่รู้สึกถึงกลิ่นสุราที่ติดมาบนอาภรณ์ของเขา ก็ไม่เหม็นนี่ บางทีคุณชายว่านคงไม่โปรดกลิ่นสุรา กู่ซิงอีปล่อยผ่านเรื่องนั้นไปก่อนแล้วกล่าวว่า “ข้าไหนเลยจะว่าง กำลังตามหว่านล้อมคุณชายว่านอย่างไรเล่า ยามนี้นี่ก็คืองานของข้า!” กล่าวจบเขาก็กัดผลซานจาเคลือบน้ำตาลเสียงดังกร๊อบไปอีกหนึ่งคำ

เสียงกัดน้ำตาลหากฟังว่าเสนาะหูก็คงเสนาะหู แต่ว่านฟู่เฉิงกลับไม่ชอบเลยสักนิด เสียงนั้นทำให้เขาอดที่จะหันไปมองคนที่กำลังตั้งใจกินของในมืออยู่มิได้

ผลซานจาสีแดงที่เมื่อครู่ยังดูตัดกับสีผิวบนมือของผู้ถือ พอถูกกัดไปครึ่งหนึ่งด้วยริมฝีปากของเจ้าตัวกลับให้ความรู้สึกต่างออกไปจากเดิม น้ำตาลเคลือบด้านนอกค่อนข้างแข็งยิ่งทำให้ปากสีดอกท้อของอีกฝ่ายดูนุ่มนิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว

ว่านฟู่เฉิงหัวใจกระตุกชา รู้สึกไม่พอใจบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ไม่รู้เหตุใดเขาถึงได้คิดว่าริมฝีปากของอีกฝ่ายดูดีกว่าสตรีทั่วไปเสียได้ และอาจเพราะไม่รู้ที่มาที่ไปถึงความรู้สึกในตอนนี้จึงเริ่มหงุดหงิดขึ้นมาถึงขั้นกระแทกเสียงบ่นคนข้างรถม้าออกไปว่า “หนวกหู!”

กู่ซิงอีส่งเสียง ‘จิ๊’ หนึ่งที ก่อนจะหาเรื่องกวนประสาทผู้อื่นต่อ “จริงดั่งที่คุณชายว่านว่า! ในตลาดคนเยอะมากนัก เสียงรอบข้างถึงได้ดังขนาดนี้” เขากล่าวพร้อมพยักหน้าหงึก ๆ ทั้งที่รู้ว่าอีกฝ่ายหมายถึงเขากินขนมเสียงดังแต่ก็โยนความผิดไปให้ผู้อื่นอย่างหน้าไม่อาย

ว่านฟู่เฉิงที่ปกติจะรักษาหน้าตาสง่างามไว้ตลอดถึงกลับถอนหายใจใส่อย่างยาวเหยียดโดยไม่ปิดบัง ก่อนจะใช้พัดทำท่าจะปิดผ้าม่านคืนตามเดิม

“เอ๊ะ คุณชายว่าน ช้าก่อน” กู่ซิงอีจับปลายของพัดไว้ “ท่านคิดเรื่องที่ข้าคุยกับท่านเมื่อวานตกแล้วหรือยัง”

“ยังคงเหมือนเดิม” ว่านฟู่เฉิงออกแรงดันพัดไปด้านข้าง ในรถม้าพลันกลับมาสงบเงียบดังเดิม แม้จะมีเสียงของผู้คนด้านนอกดังมาเป็นระลอกแต่ด้านในก็หลงเหลือเขาเพียงผู้เดียวแล้ว ทั้งสี่ด้านรอบตัวมีเพียงผนังของรถม้าสีเข้มอยู่เป็นเพื่อนเขา แสงที่ลอดผ่านมาด้านในเมื่อครู่ก็ถูกดูดกลืนหายไปกับผ้าม่านด้วย

คนผู้นั้นเองก็หายเงียบไปเลย ไม่ตามมาวุ่นวายอีก

ทุกอย่างกลับมาสู่จุดเดิม แต่ว่านฟู่เฉิงที่เคยนั่งเงียบ ๆ เพียงคนเดียวมาตลอดยามนี้กลับมีความรู้สึกหนึ่งผุดขึ้นมากลาย ๆ เขารีบสลัดความรู้สึกนั้นทิ้งไปทันทีด้วยความประหวั่นใจ

ฝั่งกู่ซิงอีไม่ได้โวยวายไม่ได้ดึงดันจะคุยให้มากความ พอคุณชายว่านปิดผ้าม่านรถม้าใส่เขาก็หยุดอยู่ที่เดิมไม่ได้เดินตามไปต่อ

แต่หากคุณชายว่านเดาว่าเขาล้มเลิกความตั้งใจแล้วละก็...คิดผิดแล้ว!

เมื่อราตรีเยื้องกรายเข้ามาปกคลุม ท้องฟ้าวันนี้กลับไร้แสงจันทร์อย่างเคย หลงเหลือไว้เพียงดาราดวงเล็กจ้อยที่พากันอวดแสงไม่ให้น้อยหน้ากัน

ยามนี้กู่ซิงอีก็ปีนจวนผู้อื่นอีกเช่นเคย ทว่าคนเฝ้ายามกลับมากผิดปกติ แถมแถวต้นพลับก็ไร้ร่างเงาที่คุ้นตา

“หรือว่าไม่สบาย?” เขาพึมพำกับตนเองแผ่วเบา

โดยไม่รู้ตัวจังหวะนั้นเขาก็อดเป็นห่วงคนที่เคยมานั่งเล่นตรงนี้ทุกวันขึ้นมามิได้

กู่ซิงอีเฝ้ารอเวลาที่คนตรวจเวรยามไม่ทันระวัง กระโจนตัวลงจากกำแพงหายไปด้านในจวน แต่ไม่ได้มุ่งตรงไปที่หมายตั้งแต่แรกกลับแวะไปที่อื่นก่อน

ผ่านไปสักพักเมื่อใกล้มาถึงห้องของคุณชายว่านก็พบว่าไฟในห้องยังคงถูกจุดไว้อยู่ แสงเทียนหลังกระดาษไขของหน้าต่างห้องยังคงสว่างไสวส่องวูบวาบไปมา ครานี้กู่ซิงอีถึงเพิ่งจะได้รู้สึกว่าสิ่งที่ค้างคาอยู่ในอกเมื่อครู่จางหายไปอย่างเงียบงัน เพราะหากคุณชายว่านไม่สบายคงเข้านอนไปแล้ว

กู่ซิงอีก็คือกู่ซิงอี ย่อมไม่เข้าทางประตู ยังคงชอบทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ อย่างกับโจร

ร่างสูงในชุดสีฟ้าหยุดยืนอยู่ที่หน้าต่างซึ่งถูกปิดอยู่ ลงมือเคาะอยู่สามครั้งอย่างเคยชินแบบที่ทำกับเซี่ยลู่หลินเป็นประจำ แต่พอนึกขึ้นได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่รู้รหัสลับนี้เขาจึงเอ่ยเรียกคนด้านในแทน “คุณชายว่าน...”

ตอนนั้นเสียงสุดท้ายชะงักไปเล็กน้อยเพราะเห็นเงาของใครสักคนขยับมาใกล้หน้าต่าง ราวกับว่าคนด้านในเองก็ได้ยินเสียงเคาะประหลาดเมื่อครู่จนสนใจขึ้นมาเหมือนกัน และเขาแน่ใจว่าต้องเป็นเจ้าของจวนแห่งนี้แน่ ๆ เพราะว่าหลี่เซียวจากไปตั้งแต่เขาอยู่บนกำแพงแล้ว

“คุณชายว่าน” กู่ซิงอีพอมั่นใจแล้วจึงกล่าวเรียกอีกครั้ง

ว่านฟู่เฉิงพรูลมหายใจอย่างเบื่อหน่ายเมื่อจำเสียงของคนหลังหน้าต่างได้ คิ้วเรียวยาวขมวดมุ่นขึ้นทันทีก่อนจะเปิดหน้าต่างออก “ไม่มีมารยาทเลยหรือไร!” ว่านฟู่เฉิงคิดว่าที่เมื่อเช้าคนผู้นี้ไม่ตามตอแยต่อแล้วคงเพราะตัดใจไปแล้ว ทว่าเขาก็วางกำลังคนเพิ่มมากขึ้นเพื่อความสบายใจไว้ก่อน ไหนเลยจะไปคิดว่าคนหน้าด้านหน้าทนผู้นี้อาจหาญถึงขั้นบุกมาถึงห้องนอนของเขาแล้ว

“จะไม่มีได้อย่างไร เมื่อครู่ข้าเพิ่งเคาะหน้าต่างไป แถมยังเรียกท่านก่อนด้วย” กู่ซิงอีกล่าวยิ้มแย้ม หัวเราะแผ่วเบาพลางพยายามปีนข้ามเข้าไปด้านในโดยระวังไม่ให้เฉียดไปโดนเจ้าของห้องที่นั่งขวางทางอยู่ตรงข้างบานหน้าต่าง

“...” ว่านฟู่เฉิง

“สมแล้วที่คุณชายว่านเป็นพ่อค้าซึ่งร่ำรวยอันดับต้น ๆ ของเมืองจางและของแคว้นเหว่ย กระทั่งยามค่ำคืนที่ผู้คนหลับใหลคุณชายว่านยังทำงานไม่หยุดมือ” พอเข้ามาได้แล้วกู่ซิงอีมองเห็นสมุดบัญชีหลายเล่มบนโต๊ะทำงานของว่านฟู่เฉิงที่อยู่ไม่ห่างกับหน้าต่างมากนัก อีกทั้งยังมีจดหมายและเทียบเชิญอีกหลายฉบับวางกองอยู่ด้วย

แต่กลับจำไม่ได้ว่าช่วงที่ตนเองมาทำงานในจวนตระกูลว่านเขาไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าอีกฝ่ายจะทำงานในช่วงดึกด้วย ปกติจะเห็นแค่ไปนั่งเล่นอยู่ด้านนอกแถวต้นพลับ ไม่ก็นั่งเล่นในห้องนี้อยู่ตรงหน้าต่างอีกฝั่งหนึ่งซึ่งหน้าต่างบานนั้นจะสามารถมองเห็นลานด้านนอกได้ด้วยเท่านั้นเอง

[1] ถังหูลู่คือขนมที่ทำมาจากผลไม้เคลือบด้วยน้ำตาล สมัยก่อนนิยมใช้ผลซานจามาทำ

 

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel