บท
ตั้งค่า

บทที่ 5 (2.2) เสียดายยิ่งนัก ที่มิอาจรั้งไว้

กู่ซิงอีอดเป็นห่วงคุณชายว่านไม่ได้ตอนเดินตรวจตรารอบจวนจึงรีบไปรีบกลับ

ครั้นพอกลับมาก็มาหยุดยืนหน้าห้องน้ำส่งเสียงบอกคนด้านในว่าตนมาถึงแล้ว

“อาเซียวยังไม่กลับมาอีกหรือ” น้ำเสียงที่ตอบกลับมาดูเยือกเย็นเหมือนเดิมแล้ว

“เรื่องนี้บ่าวเองก็ไม่ทราบ ให้บ่าวไปถามคนอื่นดูหรือไม่ขอรับ” กู่ซิงอีไม่รู้ว่าหลี่เซียวลากฉีหย่าไปไหน เมื่อครู่เดินไปทั่วฝั่งที่ตนดูแลแล้วก็ไม่พบคน ยามนี้ทางการมีคำสั่งห้ามออกจากจวนก็จริงแต่เกรงว่าคนอย่างคุณชายว่านคงไม่สนใจเรื่องคำสั่งพวกนั้น ท่าทางโกรธเกรี้ยวระคนขุ่นเคืองตอนโยนผ้าคลุมขามาให้ก็ดูท่าจะอารมณ์เสียไม่น้อย กู่ซิงอีมาถึงจุดนี้จึงคาดเดาได้แล้วว่าคนด้านในคงไม่ชอบให้ใครโดนตัวถึงได้ถามหาลูกน้องคนสนิทแบบนี้

“...” ว่านฟู่เฉิงถอนหายใจ เขาอยากออกจากน้ำสักพักแล้วแต่พยายามอย่างไรก็ส่งตัวเองออกไปไม่ไหว ถังไม้อาบน้ำใบนี้เพิ่งเปลี่ยนใหม่มันสูงกว่าใบเดิมที่เขาเคยใช้มากนัก หลี่เซียวก็คงปลีกตัวกลับมาไม่ได้ถึงได้ไปนานขนาดนี้ ยามนี้คงเดินหลบพวกทหารด้านนอกอยู่เป็นแน่

น้ำเริ่มอุ่นมากแล้วและหากแช่ต่อไปเนื้อตัวเขาคงเปื่อยยุ่ยไปกับน้ำแน่ สุดท้ายชั่งใจอยู่นานจึงเรียกคนด้านนอกเข้ามาหา “เข้ามา แล้วหยิบเสื้อคลุมตัวใหม่มาให้ด้วย”

กู่ซิงอีรับคำแล้วรีบกวาดตามองหาไปทั่วห้องนอน ไม่นานก็พบเสื้อคลุมสีขาวที่พาดอยู่กับราวไม้แถวตู้เสื้อผ้าพอดีจึงหยิบติดมือเข้าไปด้านใน เมื่อผลักประตูเข้าไปเป็นจังหวะว่านฟู่เฉิงเพิ่งสวมเสื้อสีขาวบางตัวเดิมกลับเข้าไปเสร็จพอดี กู่ซิงอีไม่ค่อยกระจ่างเท่าไรนัก อย่างไรก็บุรุษด้วยกันมีสิ่งใดให้นึกอาย คุณชายว่านช่างหน้าบางไปแล้ว

ทว่าพอมาประชิดตัวคนที่หันหลังอยู่ก็คล้ายจะเข้าใจแล้ว แม้คุณชายว่านจะผอมมากจนเขาสามารถยกขึ้นได้ง่ายราวกับยกไหสุราใบใหญ่ที่ทำเป็นประจำ แต่ลาดไหล่ก็กว้างสมเป็นบุรุษที่โตเต็มวัย เขาต้องยอมรับตามตรงว่าไหล่ของคุณชายว่านนั้นกว้างกว่าตนมากนัก คนที่อายยามนี้จึงกลายเป็นเขาแทน

แม้เขาจะสูงกว่าบุรุษในเมืองจางแต่เพราะใบหน้าที่ดูคล้ายสตรีอยู่บ้างและไหล่ที่ไม่กว้างทำให้ถูกเข้าใจผิดบ่อย ๆ ว่าเป็นสตรี ยามนี้พอได้เห็นรูปร่างสมชายของอีกฝ่ายจึงเกิดการเปรียบเทียบขึ้นมาในใจ

ในห้องอาบน้ำจุดตะเกียงน้ำมันไว้ค่อนข้างไกล แต่แม้จะมีเพียงแสงสลัวทว่าก็มองเห็นผิวกายของคุณชายว่านที่ถูกอาภรณ์เปียกน้ำแนบไปกับลำตัวได้อย่างชัดเจน ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ารูปร่างใต้เนื้อผ้าสีขาวบางก็ดูดีกว่าที่คนเดินไม่ได้พึงมียิ่งนัก

กู่ซิงอีไม่เคยคิดว่าคนผู้หนึ่งที่มีหน้าตางดงาม น้ำเสียงไพเราะ กระทั่งรูปร่างที่ผอมบางก็ยังน่ามอง ผมดำเงาที่เคยมัดรวบครึ่งหัวก็ถูกปล่อยยาวสยายดูน่าสัมผัส ในความรู้สึกด้อยกว่าอีกฝ่ายกู่ซิงอีก็เกิดความทอดถอนขึ้นมาในใจ คนที่เกิดมามีพร้อมทุกอย่างแต่ในวันหนึ่งกลับขาดสิ่งสำคัญไปย่อมไม่แปลกที่จะเก็บงำความรู้สึกและมีอารมณ์ฉุนเฉียวกว่าคนทั่วไป

กู่ซิงอีที่ชะงักไปชั่วครู่เพราะได้ยลโฉมคนงามก็รั้งสติกลับมา ถอยไปด้านหลังสองก้าวมองหาผ้าเช็ดตัวก่อน เพราะจะให้สวมเสื้อคลุมตัวใหม่ทับเลยก็ไม่ได้ แถมปกติเขาไม่เคยรับใช้ใครมาก่อนจึงเงอะงะไปบ้าง และยิ่งคุณชายว่านดูเหมือนจะไม่ชอบให้ใครโดนตัวก็ยิ่งแล้วใหญ่

เมื่อกู่ซิงอีได้ผ้าเช็ดตัวที่อยู่แถวนั้นมาแล้วก็นำผ้าเช็ดตัวคลุมไปบนแผ่นหลังของคนในถังไม้พยายามไม่ทำให้ผ้าไปโดนน้ำในถัง ก่อนจะก้มลงไปช้อนตัวคุณชายว่านที่ตัวเบาพอ ๆ กับไหสุราขึ้นมา คราวนี้แขนเสื้อเดิมที่เปียกน้ำไปก่อนหน้านี้ของเขาถูกเขาดึงขึ้นแล้วจึงไม่เปียกน้ำอีกรอบ กู่ซิงอีนึกเชยชมตนเองอยู่ในใจที่รอบคอบ

เขาพาคุณชายว่านไปนั่งที่โต๊ะตัวหนึ่งก่อน จากที่สังเกตตรงนี้น่าจะไว้ให้คุณชายเช็ดตัวและเปลี่ยนชุดคลุมก่อนออกไปด้านนอก

“คุณชายเช็ดตัวเสร็จแล้วค่อยเรียกบ่าวอีกทีนะขอรับ” กู่ซิงอีก้าวเท้าเพียงสี่ครั้งก็ออกจากห้องอาบน้ำไปแล้วปิดประตูลงเสียงเบา ยามนี้แม้แขนเสื้อจะไม่เปียกแต่เสื้อผ้าเขาก็เปียกไปเต็ม ๆ เพิ่งนึกชมตนเองไปยามนี้จึงร้องไห้ไม่ได้หัวเราะไม่ออก

ใบหน้าว่านฟู่เฉิงบูดบึ้ง ไม่อยากให้ใครถูกตัวแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ดีที่บ่าวคนนี้รู้งานไม่มองมาที่เขาสักนิดไม่เช่นนั้นเมื่อครู่เขาคงรู้สึกเหมือนเดิมอีกเป็นแน่

ความรู้สึกที่ว่านั้นชวนให้นึกถึงช่วงแรกที่เดินไม่ได้ขึ้นมา เวลาเขาไปไหนมาไหนผู้คนมักจะมองมาที่เขาด้วยสายตาที่แตกต่างออกไปจากปกติ ทั้งสนใจ เวทนาสงสาร หรืออยากรู้ ไม่ก็สมน้ำหน้าด้วยความอิจฉา

แต่กับบ่าวรับใช้คนเมื่อครู่เขาไม่เห็นเลยสักนิดว่าในแววตานั้นคิดสิ่งใดอยู่ บ่าวตรวจเวรคนก่อนหน้านี้ที่เคยผ่านมาเจอเขาในช่วงค่ำยังมีท่าทางหวาดหวั่นกระวนกระวาย แต่ก็มีน้ำใจที่จะช่วย ทว่าคนผู้นี้คล้ายไร้ความรู้สึกไปแล้ว

ว่านฟู่เฉิงไม่คิดมากอีก ถอดชุดตัวเดิมออกแล้วเช็ดตัวให้แห้งก่อนจะสวมชุดคลุมที่บ่าวคนเมื่อครู่วางไว้ให้จนเรียบร้อยแล้วถึงได้เอ่ยปากเรียกบ่าวผู้นั้นเข้ามาหาอีกรอบ แต่กลับพบว่ารอบนี้เป็นหลี่เซียวที่กลับมาถึงจวนแล้วเข้ามาแทน

“คุณชาย”

“จัดการอย่างไร” ว่านฟู่เฉิงถามเรื่องสตรีคนนั้นก่อน

“พากลับโรงเตี๊ยมแล้ว พรุ่งนี้สั่งให้คนไปส่งนางที่ตระกูลเซี่ยบอกว่าคุณชายส่งคนไปให้ขอรับ”

ว่านฟู่เฉิงผงกหัวลงเล็กน้อยเป็นเชิงเข้าใจ

สตรีผู้นั้นคราแรกเขาไม่ได้รู้สึกแปลกใจกับการกระทำของนางเท่าไรนักและคร้านจะใส่ใจจึงมองข้ามไป แต่ไม่คิดว่าเรื่องที่ดูบังเอิญหลายครั้งขนาดนี้จะนำมาถึงจุดนี้ได้ และก็ยังมีส่วนหนึ่งที่ยังคงติดค้างในใจ แต่เขากลับไม่สามารถเชื่อมต่อความสงสัยนั้นได้ในทันที

เช้าวันรุ่งขึ้นว่านฟู่เฉิงก็ถามหาคนกับหลี่เซียว “บ่าวคนเมื่อวานที่อยู่ในห้องตอนข้าอาบน้ำมีนามว่าอะไร”

“...ดูเหมือนจะมาใหม่ ข้าน้อยเองก็ไม่แน่ใจ แต่เมื่อเช้าลุงหวังแจ้งว่าเขาลาออกไปแล้วขอรับ” เนื่องจากหลี่เซียวทำหน้าที่รับใช้ข้างกายคุณชายจำต้องรู้เรื่องหลายอย่างในจวนก็จริงแต่เพราะอีกฝ่ายเพิ่งเข้ามาทำงานได้ไม่นานเขายังไม่ทันได้รู้จักจึงไม่สามารถตอบได้ในทันที รู้เพียงแค่ว่าคนงานใหม่ลาออกไปแล้วก็เท่านั้น

ว่านฟู่เฉิงนิ่งเงียบไปสักพัก เมื่อคืนเขาคิดอยู่นานว่าบ่าวคนนั้นหน่วยก้านไม่เลว นิสัยแม้จะดูซื่อบื้อไปบ้างและความรู้สึกด้านชาค่อนข้างมากแต่ก็ดูค่อนข้างคล่องแคล่ว เลยคิดจะนำมาไว้ใช้งานข้างกาย เพิ่งได้เจอคนที่จะใช้งานได้หน่อยก็ออกไปเสียแล้ว ปกติบ่าวรับใช้มักจะทำงานค่อนข้างทนเพราะงานหายาก แต่คนผู้นั้นกลับลาออกไปเสียดื้อ ๆ ทั้งที่เพิ่งมาใหม่ นึกว่าทำงานได้ดีแล้วจะอยู่นานกว่านี้เสียอีก

หลี่เซียวลอบมองดูท่าทางเหม่อลอยที่แปลกไปของเจ้านายอยู่ด้านข้าง คุณชายของเขามักชอบนั่งเงียบ ๆ คนเดียวบ่อยครั้ง เวลาทำงานก็ชอบความสงบไม่ชอบให้ใครมารบกวน แต่ไม่เคยเห็นเหม่อลอยแบบนี้มาก่อน ทว่าเขาก็อยู่กับคุณชายมานาน ย่อมรู้ดีว่าไม่ควรถามให้มากความ

..........

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel