บทที่ 5 (1.2) แผนครั้งนี้ผิดพลาดได้อย่างไร
ก่อนหน้านี้เพียงนิดเป็นกู่ซิงอีที่นำทางฉีหย่ามาที่ลานว่างหน้าเรือนของคุณชายว่านด้วยตนเอง
วันนี้นอกจากเขาจะต้องทำงานบ้านแบกน้ำแบกของแล้วยังต้องมารับหน้าที่ตรวจเวรแทนคนเดิมอีกเช่นเคย ดังนั้นพอเขาเดินไปไหนมาไหนทั่วจวนก็ดูไม่น่าผิดสังเกตมากนัก ทุกอย่างช่างเข้าที่เข้าทาง
ระหว่างที่ส่งฉีหย่าไปแล้วตัวเขาก็ไม่ได้ไปไหนไกล รั้งหลบรอดูเหตุการณ์อยู่แถวนั้น
กู่ซิงอีเห็นว่าพอแม่นางฉีหย่าพูดไปได้สักพักก็เริ่มเข้าไปทำท่าจะนั่งบนตักของคุณชายว่าน แต่เพราะคุณชายว่านหันหลังอยู่กู่ซิงอีจึงไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีสีหน้าอย่างไร คาดเดาไปแล้วว่าแม่นางฉีหย่าคงทำสำเร็จ ด้วยการพูดที่ชาญฉลาดและช่างเอาใจจึงคิดว่าที่นางสามารถไปนั่งตักคุณชายว่านได้คงเพราะอีกฝ่ายคงเรียกนางเข้าไปหาเป็นแน่ รอยยิ้มมุมปากพลันปรากฏขึ้นมาบนใบหน้าของเขา
ทว่าขาของฉีหย่ายังไม่ทันนั่งลงถึงที่หมายร่างบางก็ถูกผลักออกอย่างแรงจนตัวกระเด็นไปนั่งอยู่บนพื้น จากนั้นกู่ซิงอีที่ยืนอยู่ไม่ไกลมากนักก็ได้ยินเสียงคุณชายว่านตะโกนเรียกหลี่เซียวให้เข้ามาหา
กู่ซิงอีขมวดคิ้วมุ่นตามเหตุการณ์ไม่ทัน รีบขยับเข้าใกล้ไปอีกนิดเพื่อฟังว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ไยคนงามมาอยู่ตรงหน้าแล้วกลับปล่อยไปเช่นนี้!
ฉีหย่ามุ่ยหน้าด้วยความเจ็บ ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณชายว่านถึงโกรธเกรี้ยวขึ้นมา คราแรกแม้คุณชายว่านจะมีสีหน้าเย็นชาอยู่บ้างแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจกันอย่างออกนอกหน้าขนาดตอนนี้ นางจึงใจกล้าเข้าไปหาเขาก่อน ทว่าพอได้เห็นท่าทีในตอนนี้แล้วก็รับรู้ได้ถึงชะตากรรมของตัวเองขึ้นมาทันที “คุณชายบ่าวผิดไปแล้วเจ้าค่ะ บ่าวผิดไปแล้ว อย่าไล่บ่าวออกเลยเจ้าค่ะ บ่าวแค่อยากทำงานในจวนเท่านั้น” ฉีหย่ารีบแก้ตัวด้วยความร้อนรน
ก่อนหน้านี้เพียงนิด นางก็แค่เอ่ยว่าอยากอยู่ในจวนแห่งนี้คล้ายเป็นนัยว่าอยากเป็นคนของคุณชายว่าน แล้วพอเห็นอีกฝ่ายนิ่งเฉยเลยคิดว่าเปิดทางให้นางถึงได้เข้าไปยั่วยวนอย่างใกล้ชิดแบบที่ได้ร่ำเรียนมาจากหอโคมแดง แต่พอเรื่องกลับตาลปัตรเมื่อรู้ว่าไม่ได้ผลจึงรีบกลับคำแก้ประโยคเป็นทำงานที่จวนแทน ถึงมันจะช่างสวนทางกับการกระทำก่อนหน้านี้ก็ตาม
และจังหวะนั้นก็พลันคิดไปว่าคุณชายว่านอาจจะยังไม่ทันสังเกตเห็นใบหน้าสวย ๆ ของตนก็ได้ อีกฝ่ายเลยนึกรังเกียจสตรีชาวบ้านแบบนางถึงขั้นผลักนางกระเด็นออกมาไกลขนาดนี้ ฉีหย่าจึงรีบขยับเข่าไปหาคุณชายว่านอีกนิดเพื่อให้เขาเห็นใบหน้าของนางให้ชัดเจนยิ่งขึ้นแม้จะยังเจ็บสะโพกอยู่ก็ตาม “คุณชายให้บ่าวทำงานที่จวนเถอะนะเจ้าค่ะ งานที่โรงเตี๊ยมค่อนข้าง...”
“เช่นนั้นข้าก็จะช่วยเจ้าให้สมหวัง ส่งเจ้าไปจวนของคู่หมั้นข้าแทนก็แล้วกัน อย่างไรเสียที่นั่นเมื่อรู้ว่าข้ามอบคนให้คงไม่คิดปฏิเสธที่จะรับเจ้าไว้” ว่านฟู่เฉิงไม่แม้แต่จะปรายตามองนางให้เสียลูกตา หันใบหน้ามองต้นพลับเสียยังดีกว่า
กู่ซิงอียังฟังไม่ชัดทั้งหมดและไม่ทันได้เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นก็ได้ยินฉีหย่าตะโกนขอร้องอยู่สองสามคำก่อนจะโดนหลี่เซียวลากออกไป จากนั้นก็เห็นคุณชายว่านหันรถเข็นกลับมา กู่ซิงอีตกใจลนลานรีบขยับตัวทำท่าทางขยับขาเหมือนกำลังเดินตรวจเวรผ่านมาพอดี
“เจ้าน่ะ” ว่านฟู่เฉิงอารมณ์ไม่ดียิ่งนัก หงุดหงิดถึงขั้นไม่อยากออกแรง พอหันมาเจอบ่าวคนเมื่อวานก็เรียกไว้
“คุณชายเชิญกล่าว” กู่ซิงอีรีบเดินมาก้มหน้าต่ำพร้อมทำความเคารพ
“พาข้ากลับห้องที” น้ำเสียงนั้นต่อให้หลับตาฟังยังรู้ได้ว่าอารมณ์เสียยิ่งนัก แต่ใบหน้าของว่านฟู่เฉิงยามนี้มีเพียงความเอือมระอาที่ฉายผ่านไปชั่วแวบหนึ่งเท่านั้น ก่อนเจ้าตัวจะปรับสีหน้าราบเรียบเฉยชาดังเดิม เหลือไว้เพียงคิ้วเรียวยาวที่ขมวดมุ่นเป็นเอกลักษณ์
“ขอรับ” กู่ซิงอีรับรู้ได้ว่าน้ำเสียงของคุณชายว่านนั้นกระแทกลงที่ท้ายประโยคเล็กน้อย ไม่เข้าใจว่าเรื่องที่ตนวางแผนไว้นั้นผิดพลาดไปตรงไหน ได้แต่ขยับตัวมาเข็นเจ้านายกลับห้องไป
“เอาไปเผาทิ้งเสีย” ครั้นมาถึงในห้องแล้วว่านฟู่เฉิงก็หยิบผ้าคลุมขาราคาแพงโยนให้กู่ซิงอีรับไว้ ใบหน้าเริ่มบึ้งตึงอีกครั้งหลังนึกถึงเรื่องเมื่อครู่ขึ้นมา ดวงตาคมกล้าแทบจะกรีดเนื้อผู้ถูกมองได้
“...” กู่ซิงอีรับไว้และเตรียมจะจากไปเพราะมาส่งคนแล้ว แต่กลับได้ยินเสียงคนด้านหลังที่นั่งอยู่กลางห้องสั่งออกมา
“เตรียมน้ำให้ด้วย”
ทั้งที่ช่วงเย็นก็เป็นกู่ซิงอีที่โดนใช้ให้ยกน้ำมาไว้ในห้องอาบน้ำด้านข้างเพื่อให้คุณชายว่านอาบน้ำไปแล้วรอบหนึ่ง คนผู้นี้จะทำความสะอาดร่างกายหลายรอบไปทำไม แม้เขาจะสงสัยมากนักแต่ก็ไม่ได้ถามออกไป เพียงพูดว่า “คุณชายโปรดรอบ่าวสักครู่” กู่ซิงอีรับคำแล้วปิดประตูลง
ระหว่างทางไปสั่งคนให้ช่วยต้มน้ำให้ก็คิดว่าพรุ่งนี้ตนจะจากไปแล้วเพราะแผนในครั้งนี้ล่มไม่เป็นท่าดังนั้นเขาคงต้องหาแผนใหม่ ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีก เลยคิดจะลาออก
กู่ซิงอีหิ้วน้ำเย็นมาเทจนใกล้เต็มถังไม้ จากนั้นถึงไปยกน้ำร้อนตามมาทีหลัง พอตรวจดูว่าน้ำกำลังร้อนพอดีก็ไปแจ้งคุณชายว่านให้ทราบ
แต่ไม่คิดว่าตนจะต้องพาอีกฝ่ายมาห้องอาบน้ำด้วย เพราะปกติเป็นหลี่เซียวคอยช่วยอยู่ข้าง ๆ แทน ทว่าหลี่เซียวตั้งแต่ที่ลากแม่นางฉีหย่าออกไปก็ยังไม่กลับมาเลย
กู่ซิงอีไม่รู้ว่าต้องช่วยคุณชายว่านถึงขั้นไหน ตอนที่ช่วยถอดอาภรณ์ตัวนอกให้เสร็จจนเหลือชุดสีขาวตัวในสุดก็ลงมืออุ้มคุณชายว่านลงไปในถังไม้ แต่เพราะน้ำค่อนข้างสูงและต้องหย่อนตัวคุณชายลงไปจนถึงด้านในจึงทำให้แขนเสื้อของเขาเปียกไปข้างหนึ่ง
ว่านฟู่เฉิงขมวดคิ้วมุ่นไม่คิดว่าตนจะถูกอุ้มอีกแล้ว แค่คิดจะให้พามาห้องอาบน้ำเท่านั้นเดี๋ยวที่เหลือตนจัดการเอง แต่รู้ตัวอีกทีเขาก็มานั่งอยู่ในถังไม้อาบน้ำเป็นที่เรียบร้อย ปกติจะเป็นหลี่เซียวค่อยช่วยเขาเข้ามาในนี้ หากหลี่เซียวไม่อยู่ก็จะเป็นบ่าวคนอื่นมาช่วยส่งเขาถึงแค่ในห้องอาบน้ำแทน ทุกคนแทบไม่กล้ามาโดนตัวเขาด้วยซ้ำ พอมาส่งถึงด้านในห้องอาบน้ำได้ก็มีแต่จะพากันรีบหนีออกไป
ทว่าบ่าวคนใหม่ที่ชอบทำหน้านิ่งไม่สนโลกผู้นี้ถึงขั้นอุ้มเขาถึงสองรอบแล้ว แถมยังยกเขาไปมารวดเร็วไม่บอกกล่าวล่วงหน้าอีกด้วย แต่ถ้าหากช้ากว่านี้อีกนิดเขาคิดว่าเขาคงเผลอลงมือทุบตีบ่าวคนนี้เป็นแน่
“คุณชายอยากให้บ่าวช่วยขัดหลังด้วยหรือไม่ขอรับ” กู่ซิงอีเป็นคนฉลาดแต่ไม่มีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนมากนักและไม่เคยมีสหายที่เป็นเพศเดียวกันมาก่อน ดังนั้นไม่แน่ใจว่าปกติต้องช่วยขัดหลังให้คนอื่นหรือไม่ แต่สมัยก่อนผู้เฒ่าเว่ยชอบใช้เขาอยู่บ่อย ๆ เขาจึงลองถามออกไป
“ออกไปก่อน ข้าจะเรียกทีหลัง” ว่านฟู่เฉิงที่หันหลังอยู่ก็ตอบกลับเสียงเบา
“ขอรับ บ่าวมีเวรเดินตรวจจวนอีกเล็กน้อยจะรีบกลับมาหลังจากทำงานส่วนนั้นเสร็จแล้ว” กู่ซิงอีไม่ลืมหน้าที่หลักของตน เพราะอย่างไรเสียหากเกิดเรื่องขึ้นมาตนเองจะเป็นคนที่ต้องรับผิดชอบ ก็ตระกูลว่านร่ำรวยขนาดนี้ย่อมตกเป็นที่หมายตาอันดับต้น ๆ ของกลุ่มโจรที่จะเลือกปล้นชิงทรัพย์อยู่แล้ว ดังนั้นเขาจะหละหลวมไม่ได้ หวังก็แต่คนดื้อรั้นผู้นี้จะไม่เล่นน้ำจนเผอเรอจมน้ำตายก็พอ ไม่อย่างนั้นเขาก็จะพลอยเดือดร้อนอีก
........
