บท
ตั้งค่า

บทที่ 1 (4.4) ยลโฉมครานั้น ภาพจำมิลืมเลือน

“ชมเกินไปแล้ว แค่คุ้นเคยเล็กน้อย ๆ เดิมข้าเป็นคนจมูกดีอยู่แล้วด้วย แต่ปกติจะได้กลิ่นขนาดนี้คงต้องทำสุราหกใส่ตัวเองกระมัง” แม่ค้าร้านน้ำตาลปั้นมองบุรุษชุดฟ้าสีพื้นที่เนื้อผ้าไม่ได้ดีมากไม่ได้หยาบมาก และค่อนข้างสะอาดสะอ้าน ดูไม่เหมือนพวกที่ชอบดื่มสุราต่างน้ำ อีกทั้งใบหน้ารูปงามที่พบยากในเมืองจางก็ดูไม่เมามายหรืออ่อนล้าอย่างกับคนที่ดื่มสุรามากจนเกินพอดีเลยสักนิด แล้วเหตุใดกลิ่นบนตัวจึงชัดเจนนัก

“ข้าแค่ไปส่งสุราเท่านั้น” กู่ซิงอีกล่าวเรื่องจริงเพียงครึ่งส่วน ในตอนนั้นท่านน้าก็หันไปรับลูกค้าพอดีเขาจึงไม่ต้องหาเรื่องมาแก้ตัวอีก

ครั้นพอไม่มีคนชวนคุยแล้วเขาถึงเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตนมาทำอะไรอยู่กลางตลาด

เป็นจังหวะเดียวกับที่รถม้าสีเข้มคันหนึ่งพลันขับผ่านหน้าเขาไปพอดี คิ้วของกู่ซิงอีเลิกขึ้นเล็กน้อย รู้ได้ทันทีว่ารถคันนี้ต้องเป็นของคุณชายว่านแน่นอน เพราะตัวรถม้าออกแบบให้ค่อนข้างเตี้ยยกห่างจากพื้นไม่ถึงหนึ่งข้อศอก ดังนั้นจึงดูออกได้ง่ายว่าไม่ใช่รถม้าแบบทั่วไป และเมื่อมองตามไปก็พบว่ารถม้าได้หายเข้าไปข้างร้านว่านพอดี เลี้ยวไปในจุดอับสายตาที่คนไม่ค่อยสังเกตเห็นผ่านประตูสีน้ำตาลบานใหญ่เข้าไป

กู่ซิงอียังคงคาบน้ำตาลปั้นรูปมังกรไว้ในปากพลางเดินไปหยุดอยู่ที่ซอยข้างร้านว่าน เมื่อมองเข้าไปกลับพบว่ามันไม่ใช่ซอยอย่างที่คิดไว้แต่แรก กลับเป็นหนึ่งในพื้นที่ของร้านแทน ด้านหน้าสุดที่เขาหยุดยืนก็คือประตูเปิดปิดบานใหญ่

ตัวเขายืนอยู่หน้าประตูแล้วหันไปมองในมุมด้านข้างไม่ได้ยืนตัวตรงมองอย่างโจ่งแจ้ง ทำคล้ายเดินผ่านแล้วหันไปมองพอดี แต่ในตอนนั้นดันเป็นจังหวะเดียวกับที่มีคนผู้หนึ่งเอากระดานแผ่นหนึ่งมาเชื่อมไปบนรถม้า หลังจากนั้นก็มีคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้รถเข็นถูกพาลงมา

ลมของสารทฤดูช่วงนี้ค่อนข้างพัดแรง ยามนี้สายลมหอบหนึ่งซึ่งไร้ที่มาที่ไปอย่างแน่ชัดก็พลันผ่านร่างของเขาไป หอบลอยเข้าไปทางบริเวณด้านในที่รถม้าของตระกูลว่านจอดอยู่

ว่านฟู่เฉิงที่เพิ่งถูกพาลงมาจากรถม้าก็ถูกสายลมระลอกนั้นพัดผ่านร่างไปพอดี กลิ่นหอมที่ลอยมาตามสายลมและอบอวลรอบกายของเขาอยู่เพียงชั่วอึดใจก็ทำให้เขาหันมามองทางหน้าประตูทันทีด้วยความสงสัย

กู่ซิงอีที่กำลังคาบมังกรปั้นซึ่งเหลือครึ่งตัวไว้ในปากพลันชะงัก สายตาสบประสานกับคนบนเก้าอี้รถเข็นเข้าพอดี มือนิ่งค้างไม่ได้ดึงไม้กลับคืนไป

ในหัวพลันนึกถึงเสียงของเสี่ยวลู่และท่าทางจริงจังของนางขึ้นมา

‘รูปงามยิ่งนัก!’

ไม่ผิดจากที่นางกล่าวเลยสักนิด

ว่านฟู่เฉิงมีรูปหน้าคมคาย กลิ่นอายที่ปกคลุมรอบตัวดังหยกล้ำค่า แววตาเฉยชาเข้าขั้นเย็นเยียบราวกับปราศจากสิ่งใดที่ต้องเป็นกังวล ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา ทว่าปากที่เป็นสีธรรมชาติซึ่งกำลังกดลงเล็กน้อย บวกกับคิ้วได้รูปที่มุ่นเข้าหากันกลับทำให้เจ้าตัวดูไม่พอใจกับอะไรบางสิ่งอย่างออกนอกหน้าขัดกับแววตาเฉยเมยนั้นยิ่งนัก

กู่ซิงอีไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าคนผู้หนึ่งต่อให้ทำหน้าตาไม่พอใจแต่ก็งดงามได้ถึงเพียงนี้ หรืออาจเป็นเพราะรูปร่างผอมและอาภรณ์สีเขียวปักดิ้นทองทำให้เจ้าตัวดูมีชีวิตชีวาขึ้นกว่าเดิมเลยไม่ทำให้ผู้ได้แย้มยลรู้สึกหวาดหวั่นเท่าไรนัก

กู่ซิงอีรั้งสติรีบหันหน้ากลับไปมองตรง ขยับเท้าเดินจากไป ทิ้งไว้เพียงชายเสื้อตัวยาวที่สวมใส่พลิ้วไหวอยู่ด้านหลัง

สายลมพลันพัดพากลิ่นที่เหลืออยู่บริเวณด้านหน้าประตูตรงเข้าไปด้านในอีกระลอกหนึ่ง

“...” ว่านฟู่เฉิงคิ้วขมวดเข้าหากันมากขึ้นอีกนิด นึกสงสัยว่ากลิ่นหอมที่ตรึงอยู่ในใจของเขานี่คือกลิ่นอะไร และมาจากคนผู้นั้นหรือไม่

“คุณชายไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าขอรับ” หลี่เซียวคนสนิทเพียงคนเดียวของว่านฟู่เฉิงที่ยืนอยู่ด้านหลังเก้าอี้รถเข็นก็ถามด้วยความระมัดระวัง

ว่านฟู่เฉิงกลับส่ายหน้าแผ่วเบาแล้วยกมือขึ้นให้หลี่เซียวพาตัวเองเข้าไปด้านใน

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel