บทที่ 1 (2.4) เตรียมวางแผน
“คนผู้นั้นชอบเจ้าหรือไม่” พอกู่ซิงอีถามมาถึงตรงนี้ เซี่ยลู่หลินก็พยักหน้าเพียงนิด กู่ซิงอีจึงเดาเรื่องราวได้ทั้งหมดว่าทำไมสหายยังไม่ยอมบอกเรื่องนี้กับตนสักที “เพราะฐานะของเขา?”
“...” เซี่ยลู่หลินคราวนี้พยักหน้าอย่างแรง หยาดน้ำตาไหลลงมาอาบสองแก้ม นางรีบยกมือปาดออกอย่างรวดเร็ว
กู่ซิงอีพอเข้าใจแล้วก็ไม่คาดคั้นเรื่องคนรักของสหายอีก แต่ปัญหาตอนนี้คือเรื่องการแต่งงานมากกว่า
เซี่ยหลี่จวินบิดาของเซี่ยลู่หลินเป็นพ่อค้าที่เห็นเงินทองมาเป็นอันดับแรกสุด ทุกสิ่งทุกอย่างในสายตาของเขาคือผลกำไร ดังนั้นการแต่งงานครั้งนี้ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องผลประโยชน์ เซี่ยหลี่จวินเป็นแบบนี้มานานแล้วกู่ซิงอีรู้จักเป็นอย่างดี
สมัยก่อนนายท่านเซี่ยยังชอบสั่งห้ามให้เซี่ยลู่หลินไม่มาเล่นกับตนเพราะเขาเป็นเด็กที่กำพร้าและยากจน แถมเป็นบุรุษอีกด้วย คงกลัวว่าเซี่ยลู่หลินจะมาชอบพอกับเขาเข้าแล้วหนีตามกันไป
แต่เซี่ยลู่หลินแม้จะเกรงกลัวบิดามากขนาดไหนทว่าก็ยังแอบมาหาเขาตลอด และเพราะบิดาของเซี่ยลู่หลินเข้มงวดจนเกินไปขนาดคนที่มีฐานะใกล้เคียงกันยังแทบไม่อยากให้เซี่ยลู่หลินไปพบปะ ดังนั้นทั้งคู่จึงเป็นสหายสนิทที่มีกันแค่สองคนจริง ๆ
ช่วงหลังที่กู่ซิงอีเริ่มตั้งตัวได้ พอมีเงินอยู่บ้างอีกฝ่ายจึงไม่ห้ามมากนักแค่ปรามอยู่สองสามครั้งก็ไม่สนใจอีก แต่ความจริงแล้วกู่ซิงอีก็ไม่แน่ใจว่านายท่านเซี่ยยอมรับพวกเขาแล้วหรือเพราะไม่ว่างกันแน่ถึงปล่อยผ่านพวกเขาไป
เรื่องการแต่งงานในครั้งนี้กู่ซิงอีจึงแน่ใจว่าจะต้องมีผลประโยชน์มาเกี่ยวข้องถึงแปดส่วน เช่นนั้นแล้วบิดาของเซี่ยลู่หลินคงไม่ยอมตัดใจยกเลิกโดยง่ายเพียงเพราะว่าบุตรสาวของตนมีคนที่ต้องตาต้องใจแล้ว แถมบุรุษผู้นั้นก็ฐานะไม่ดีอีกต่างหาก
“ก่อนจะแต่งจำต้องหมั้นก่อน ฝ่ายนั้นแจ้งหรือไม่ว่าจะจัดงานหมั้นวันไหน” กู่ซิงอีกล่าว
“อีกสิบวันต่อจากนี้” เซี่ยลู่หลินสูดจมูกเสียงเบา
คราวนี้พอได้ฟังระยะเวลาแล้ว กู่ซิงอีก็เริ่มเป็นกังวลขึ้นมา “เร็วถึงเพียงนี้...แล้ววันแต่งเล่า”
“ยังไม่กำหนด”
กู่ซิงอีพยักหน้าเข้าใจ
สำหรับตระกูลพ่อค้ามีหลายครั้งที่ทำการหมั้นหมายเพื่อบังหน้า เหมือนเป็นสัญญาของผู้ทำการค้าด้วยกัน และเมื่อได้ผลประโยชน์กันเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็จะยกเลิกทันทีโดนไม่สนใจว่าฝ่ายสตรีหากโดนถอนหมั้นจะถูกคำครหาอย่างไร
หลายปีก่อนก็เคยมีเรื่องเช่นนี้ในราชวงค์ออกมาเหมือนกันในตอนนั้นฮ่องเต้แคว้นหนึ่งทำการหมั้นหมายองค์หญิงมาที่แคว้นเหว่ย ต่อมาก็ยกเลิกแล้วไปหมั้นกับอีกแคว้น ทำเช่นนี้อยู่หลายรอบจนองค์หญิงแทบจะเลยวัยที่ควรได้ออกเรือนไปแล้วด้วยซ้ำ ทำให้เรื่องในทำนองนี้ถูกทำตามไปทั่วในกลุ่มตระกูลที่ค่อนข้างมีฐานะ
กู่ซิงอีจึงคิดว่านายท่านเซี่ยและคุณชายว่านอาจทำแบบนั้นด้วยก็ได้ หากเป็นดังที่ว่าสหายของตนยังพอมีหวังอยู่บ้าง แต่เขาก็ไม่ได้อยากให้เสี่ยวลู่โดนถอนหมั้นเพราะความจริงแล้วก็ไม่ควรหมั้นตั้งแต่แรกเลยต่างหาก
“เสี่ยวลู่เจ้าไม่ต้องกังวล ทุกอย่างมีทางออกเสมอ” กู่ซิงอีอายุมากกว่าเสี่ยวลู่หลินหนึ่งปีดังนั้นจึงเห็นนางเป็นทั้งสหายทั้งน้องสาว มือยังคงลูบหัวของเซี่ยลู่หลินเพื่อปลอบโยนนางไม่ห่าง
เซี่ยลู่หลินใจเย็นลงมากนัก ด้วยรู้ว่าแม้อาอีจะกำพร้าตั้งแต่เด็ก มีเพียงผู้เฒ่าเว่ยเลี้ยงดูมาและไม่ได้รับการร่ำเรียนมามากแบบนาง แต่กลับฉลาดหลักแหลมหัวไว ข้อเสียอย่างเดียวคือชอบอยู่สันโดษ ใครก็เข้าถึงได้ยากแถมยังใจแข็ง หากตอนที่เจอกันครั้งแรกตนไม่ได้ยื่นมือเข้าไปช่วยไว้คงไม่ได้สนิทกับกู่ซิงอีแน่ ๆ
แต่ความสันโดษนั้นก็ไม่ได้ทำให้การพูดการจาของกู่ซิงอีจืดชืดลงไป เวลาไปต่อรองของในตลาดมักได้ราคาดีเสมอ แถมยังเถียงพ่อค้าแม่ค้าชักแม่น้ำทั้งห้าสายมาพูดจนผู้คนต้องยอมศิโรราบให้ จึงรู้ว่ากู่ซิงอีต้องมีทางช่วยตนแน่
กู่ซิงอีเมื่อปลอบใจเซี่ยลู่หลินจนนางดีขึ้นแล้วก็พานางไปส่งกลับจวน ตัวเขาไม่ได้ร่ำรวยมากและไม่ได้เดินทางบ่อย จึงมีแค่ลาตัวเดียวเท่านั้น และรถของเขาไม่ใช่รถม้าสำหรับนั่งแบบตระกูลสูงศักดิ์แต่เป็นรถขนของที่ด้านหลังมีพื้นที่จำนวนหนึ่งเอาไว้สำหรับขนไหสุราไปส่ง ทว่าเสี่ยวลู่ก็ไม่เคยนึกรังเกียจ ทั้งคู่มักเอารถไปเที่ยวด้วยกันที่แถบชานเมืองบ่อยครั้ง
เสี่ยวลู่ปกติจะนั่งด้านข้างเสมอและคุยด้วยกันตลอดทาง แต่วันนี้เองกลับเป็นกู่ซิงอีที่กล่าวมากความกว่าเดิมเพื่อทำให้สหายไร้กังวล
กู่ซิงอีแม้รู้ว่าเสี่ยวลู่ไม่เคยอายที่ต้องนั่งรถขนสุรากับตนแต่เขาก็มักจะเลือกใช้ทางเลี่ยงและไปโผล่ที่ประตูหลังของจวนตระกูลเซี่ยแทน
เมื่อส่งเสี่ยวลู่จากไปแล้วเขาก็ไปนั่งจิบน้ำชาที่ร้านน้ำชาแห่งหนึ่งโดยจอดรถขนของไว้ไกลจากตัวตลาดเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เป็นที่สะดุดตา
อีกฟากฝั่งของร้านน้ำชาคือร้านใหญ่ที่เขียนด้านบนว่า ‘ว่าน’ ร้านแห่งนี้ไม่ได้ทำการค้าขายอะไร แต่เป็นที่ซึ่งรอให้คนดูแลร้านแต่ละร้านของตระกูลว่านคอยมาส่งสมุดรายรับรายจ่ายในแต่ละรอบ หรือก็ไว้ใช้พบปะพูดคุยกันเวลาต้องเรียกคนมาประชุม
และที่กู่ซิงอีได้รู้มาอีกอย่างหนึ่งก็คือว่าคุณชายว่านที่เป็นผู้ดูแลกิจการทั้งหมดในตอนนี้จะมาที่นี่วันเว้นวัน ส่วนอีกวันที่ไม่ได้มาคุณชายว่านจะทำงานอยู่ที่จวนตระกูลว่านแทน
“นี่ ได้ยินข่าวเรื่องการสู่ขอของตระกูลว่านที่ส่งไปยังตระกูลเซี่ยหรือยัง” คนในร้านน้ำชาด้านในเริ่มพูดคุยถึงข่าวใหม่ที่เพิ่งได้ยินกันมา
