บทที่ 5 สร้อยคอจี้รูปหัวใจ
ณ ร้านดอกไม้
หลังพ้นงานแต่งงานหนึ่งสัปดาห์ วันนี้นลิญากลับมาทำงานตามปกติ แต่ครั้งนี้ต่างกันตรงที่ฟีนิกซ์เป็นคนขับรถมาส่งหญิงสาวก่อนแวะไปบริษัท
“ตั้งใจทำงานนะคะพี่เซน”
“ครับ” ส่งยิ้มอ่อนแก่คนตัวเล็ก และก่อนจากไปไม่ลืมหอมแก้มนวลของเธอ ทำเอานลินญาเขินขวยถึงขั้นหน้าแดงระเรื่อ เพราะตอนนี้ในร้านไม่ใช่มีแค่เธอคนเดียวแต่มีแม่อยู่ด้วย
“พี่เซนคนฉวยโอกาส” นลินญายกมือเล็กขึ้นมาสัมผัสแก้มบริเวณที่โดนคนตัวโตขโมยจูบเมื่อสักครู่ พร้อมมองตามแผ่นหลังแกร่ง ทั้งฉีกยิ้มกว้างจนเห็นฟันขาวเรียงตัวสวย นับวันความรักที่เขามอบให้ยิ่งเพิ่มพูนมากยิ่งขึ้นจนแทบสำลัก
“แม่ดีใจนะที่เห็นลูกมีความสุขขนาดนี้” กลิ่นจันทร์บอกด้วยความรู้สึกภูมิใจ ในฐานะแม่คนหนึ่งการได้เห็นลูกเติบโตในทางที่ดีและมีความสุข ย่อมรู้สึกดีเป็นเรื่องธรรมดาเพราะไม่ง่ายเลยสำหรับแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างเธอ
“น้ำหนึ่งรักแม่ที่สุดเลย” นลินญาโอบกอดกลิ่นจันทร์ด้วยท่าทางออดอ้อนพร้อมหอมแก้มย่นสลับข้างไปมา
“โตแล้วนะลูก ทำไมขี้อ้อนแบบนี้จังเลย” กลิ่นจันทร์ลูบศีรษะบุตรสาวด้วยความเอ็นดู
“ถึงจะโตขนาดไหน น้ำหนึ่งก็ยังเป็นลูกของแม่เสมอใช่ไหมคะ” ตั้งแต่เล็กจนโต เธอไม่เคยเห็นหน้าพ่อเลยมีเพียงสร้อยคอจี้รูปหัวใจที่แม่ให้เธอสวมใส่เท่านั้น แม่บอกว่าเป็นของชิ้นเดียวที่ได้มาจากพ่อ ซึ่งเธอไม่กล้าถามพ่อเป็นใครเพราะกลัวแม่เสียใจ
“จ้า…เด็กน้อยของแม่”
“แม่คะ ช่วงสาย ๆ น้ำหนึ่งต้องไปธุระ แม่อยู่กับน้ำผึ้งได้ใช่ไหมคะ”
“ได้สิ”
“งั้นน้ำหนึ่งขอตัวไปจัดดอกไม้ก่อนนะคะ ขาไปจะได้แวะเอาให้ลูกค้าเลย” นลินญาผละออกห่างกลิ่นจันทร์ แล้วเดินไปเตรียมดอกไม้
“น้ำหนึ่ง”
“คะแม่” ระหว่างจัดดอกไม้ นลินญาเงยหน้ามองแม่พร้อมเผยยิ้มอ่อน
“เรื่องที่ลูกจะให้แม่ย้ายไปอยู่ด้วย แม่ไม่ไปนะ แม่อยากอยู่บ้านของเรามากกว่า” กลิ่นจันทร์ไม่ชอบสถานที่ใหญ่โตอย่างคฤหาสน์ของลูกเขย เธอคุ้นเคยกับการอยู่บ้านขนาดกะทัดรัดมากกว่า
“แม่คะ แต่น้ำหนึ่งอยากให้แม่ไปอยู่ด้วยนี่คะ” นลินญาวางดอกไม้ในมือลง จากนั้นย่างกรายไปหามารดาก่อนคว้ามือเหี่ยวขึ้นมา เธอไม่สบายใจจริง ๆ ที่กลิ่นจันทร์อยู่บ้านคนเดียว
“ไม่ต้องห่วงแม่หรอกน้ำหนึ่ง แม่ไม่ได้อยู่บ้านคนเดียวสักหน่อย ป้าน้อยก็มาอยู่ด้วย” กลิ่นจันทร์หมายถึงแม่บ้านสูงวัยที่อยู่กับตนเองมานานตั้งแต่นลินญาอายุห้าขวบ
“แต่…”
“ไม่ต้องพูดแล้วลูก รีบไปจัดดอกไม่ได้แล้ว เดี๋ยวไม่ทันหรอก”
“ก็ได้ค่ะ” นลินญายอมจำนนต่อคำสั่งของแม่ วันหลังเธอค่อยหาวิธีเกลี้ยกล่อมมารดาใหม่ละกัน วันนี้ต้องรีบออกไปธุระ
ระหว่างนลิญานำดอกไม้ส่งลูกค้าที่โรงแรมจนเสร็จ ทันใดนั้นขณะกำลังจะกลับบังเอิญชนเข้ากับชายวัยกลางคนคนหนึ่งจนเธอล้มลงกระทบพื้นอย่างจัง
“หนู เป็นอะไรไหม” ชยางกูรหมายจะประคองหญิงสาวลุกขึ้น ทว่าสายตาดันปะทะเข้ากับสร้อยเส้นหนึ่ง ค่อนข้างคุ้นเคยมากยิ่งนักเพราะคล้ายกับเส้นที่เคยให้คนรักเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ชายวัยกลางคนเอื้อมมือหยิบสร้อยขึ้นดูและต้องแปลกใจหนักกว่าเดิมเนื่องจากมันคือเส้นเดียวกันที่ให้คนรัก
“คุณลุงคะ” นลินญาลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหาชายวัยกลางคนตรงหน้า
“สร้อยนี้เป็นของหนูเหรอ” ชยางกูรเอ่ยถามพลางมองหน้าหวานของหญิงสาว
“ค่ะ” พยักหน้าเล็กน้อย
“แล้ว…” ไม่ทันชยางกูรจะถามต่อ ทันใดนั้นเสียงบุคคลที่สามแทรกขึ้น
“คุณพ่อครับ มาทำอะไรตรงนี้”
“พี่ธันย์ สวัสดีค่ะ” นลินญายกมือขึ้นไหว้เพื่อนของสามี
“อ้าวน้ำหนึ่งก็อยู่ด้วยเหรอ” อนาวิลละสายตาจากบิดา ปรายตามองใครอีกคนที่ยืนอยู่ด้วยอย่างคาดไม่ถึงจะเจอเธอที่นี่
“นี่รู้จักกันเหรอ” ชยางกูรมองหน้าบุตรชายสลับมองหน้านลินญา
“ครับคุณพ่อ น้ำหนึ่งเป็นภรรยาของเซนเพื่อนรักของผมไง คนที่ผมเพิ่งไปงานแต่งเมื่อสัปดาห์ก่อน” อนาวิลแนะนำตัวหญิงสาวให้แก่ชยางกูรรู้จัก
“คุณพ่อของพี่ธันย์เหรอ” นลินญาเอ่ยถามขึ้นทันทีที่พอจะคาดเดาสถานการณ์ได้
“ครับ”
“สวัสดีค่ะคุณลุง หนูชื่อน้ำหนึ่งนะคะ” เธอแนะนำตัวให้ชยางกูรอีกครั้ง “งั้นน้ำหนึ่งขอตัวก่อนนะคะ พอดีมีธุระต่อ” กล่าวจบรีบหมุนตัวเตรียมจะเดินไป
“เดี๋ยวก่อนหนูน้ำหนึ่ง”
“คะ” เธอหันหลังมองชายวัยกลางคนอย่างสงสัย
“สร้อยเส้นนี้…”
“ขอบคุณค่ะ” นลินญาคว้าสร้อยคอจากมือเหี่ยวของชายวัยกลางคนแล้วนำมาใส่ทันทีท่ามกลางสายตาของชยางกูรกับอนาวิล
“หนูน้ำหนึ่งได้สร้อยคอเส้นนั้นมายังไงเหรอ”
“เป็นของแม่ค่ะ แม่บอกว่าพ่อเป็นคนให้แม่มา มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอรู้สึกว่าชายวัยกลางคนจะสนใจสร้อยคอของมารดาเป็นพิเศษ จึงอดไม่ได้จะเอ่ยถามเพื่อไขข้อสงสัย
“เปล่า” ชยางกูรส่ายศีรษะไปมาเล็กน้อย แล้วส่งยิ้มเจื่อน ๆ
“งั้นน้ำหนึ่งขอตัวก่อนนะคะ ลาก่อนนะคะพี่ธันย์ คุณลุง” หญิงสาวเอ่ยลาคนทั้งสองเสร็จ รีบหมุนตัวจากไปทันใด โดยทิ้งสองพ่อลูกอยู่ด้วยกัน
“คุณพ่อมีอะไรหรือเปล่าครับ” อนาวิลรู้สึกถึงความผิดปกติของพ่อ เนื่องจากสายตาที่มองนลินญาเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมายจนยากจะคาดเดา
“ธันย์รู้จักครอบครัวของหนูน้ำหนึ่งไหม”
“ผมเคยเจอป้าจันทร์ในงานแต่งครับ”
“จันทร์เหรอ” ชยางกูรกล่าวเสียงแผ่วเบา เนื่องจากชื่อของมารดานลินญาเหมือนชื่ออดีตคนรัก
“คุณพ่อเป็นอะไรหรือเปล่าครับ” อนาวิลแตะแขนชายวัยกลางคนเบา ๆ
“พาพ่อไปหาแม่ของหนูน้ำหนึ่งหน่อยสิ”
“เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า” อนาวิลขมวดคิ้วเข้าหากัน ตกลงนี่เรื่องอะไรกัน ทำไมพ่อถึงดูรีบร้อนอยากเจอแม่ของนลินญาขนาดนี้
“เดี๋ยวพ่อเล่าให้ฟังบนรถ”
“ครับ ๆ” อนาวิลไม่ได้เอ่ยถามอะไรมากมาย เขายอมพาชยางกูรไปหากลิ่นจันทร์ยังร้านดอกไม้
หลังจากนลินญาจัดการธุระเสร็จจึงกลับไปหาแม่ที่ร้านดอกไม้ทันใด และต้องแปลกใจเมื่อเปิดประตูเข้าในร้านกลับพบชยางกูรกับอนาวิลอยู่ด้วย
“มาแล้วเหรอลูก” กลิ่นจันทร์ลุกขึ้นจากโซฟาไปหาลูกสาวหน้าประตู ก่อนจะประคองมานั่ง
“เอ่อ นี่มันเรื่องอะไรกันเหรอคะ ทำไมคุณลุงกับพี่ธันย์ถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะคะ” นลินญามองหน้ากลิ่นจันทร์เพื่อขอคำตอบไขข้อข้องใจขณะนี้
“หนูน้ำหนึ่ง ลูก” ชยางกูรเอ่ยขึ้น จึงทำให้หญิงสาวหันมองตามเสียงของชายวัยกลางคน แอบประหลาดใจทำไมพ่อของอนาวิลถึงเรียกเธอราวกับเป็นลูกของท่านคนหนึ่ง
“อย่าเพิ่งตกใจเลยน้ำหนึ่ง ฟังพ่อเขาเล่าก่อนนะ” กลิ่นจันทร์วางมือเหี่ยวบนหลังมือลูกสาวพร้อมมองหน้าจิ้มลิ้มของนลินญา
“พ่อเหรอคะ”
“ครับ คุณพ่อของเรา พี่ก็เพิ่งรู้เรื่องเมื่อกี้เหมือนกัน” อนาวิลเสริมขึ้น
หลังจากทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบ ชยางกูรจึงพูดขึ้นซึ่งเริ่มต้นตั้งแต่เขากับกลิ่นจันทร์พบกันครั้งแรก ตอนนั้นกลิ่นจันทร์ไม่รู้ว่าชยางกูรแต่งงานและมีลูกแล้ว จึงเผลอมีความสัมพันธ์กับชยางกูร ทว่าพอกลิ่นจันทร์รู้เรื่องเข้าก็รีบถอยห่างทันทีพร้อมพาลูกในท้องหนี โดยไม่บอกแก่ชยางกูรสักคำ
และหลังจากภรรยาของชยางกูรเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ ชยางกูรจึงพยายามตามหากลิ่นจันทร์ตลอดแต่ไม่พบ กระทั่งผ่านไปหลายปีจึงเลิกตามหา เพราะคิดว่ากลิ่นจันทร์อาจแต่งงานและมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว
“เรื่องทั้งหมดก็เป็นอย่างที่พ่อเขาเล่านั่นแหละ” กลิ่นจันทร์เอ่ยขึ้นหลังจากชายวัยกลางคนพูดจบ เธอไม่โกรธชยางกูรเลยสักนิดหลังจากเขาเล่าจบ เข้าใจดีว่าตอนนั้นเขาเองก็คงลำบากไม่น้อย
“หนูน้ำหนึ่งรังเกียจพ่อเหรอลูก” ชยางกูรกล่าวขึ้นด้วยความร้อนใจ เนื่องจากนลินญาเงียบนิ่งหลายนาทีไม่ยอมตอบโต้อันใด
“ปะ เปล่าค่ะ น้ำหนึ่งแค่คิดไม่ถึง จู่ ๆ ก็มีพ่อคนเดียวกับพี่ธันย์”
“นั่นสิ พี่ก็ไม่คิดเหมือนกัน น้ำหนึ่งจะเป็นน้องสาวของพี่และยังเป็นภรรยาของไอ้เซนอีกต่างหาก” อนาวิลส่งยิ้มหวานแก่นลินญา ก่อนเอื้อมมือลูบศีรษะด้วยความเอ็นดู
“พ่อขอโทษนะหนูน้ำหนึ่ง ที่ไม่ได้ดูแลลูกเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำหนึ่งเข้าใจ” เรื่องราวของผู้ใหญ่ เธอไม่รู้หรอกเป็นมาอย่างไร แต่เธอไม่โกรธและเกลียดชยางกูรสักนิด เพราะความรักที่แม่มอบให้ ไม่ได้ทำให้เธอด้อยไปกว่าเด็กคนอื่น
“งั้นเย็นนี้เราไปทานข้าวเย็นด้วยกันนะครับ มื้อนี้ผมเลี้ยงเอง”อนาวิลกล่าวขึ้น
“แต่เย็นนี้พี่เซนไม่ว่าง”
“ไอ้เซน ช่างมันก่อนเถอะ ไว้วันหลังเราค่อยชวนก็ได้” ระหว่างเขากับฟีนิกซ์ค่อยนัดกันตามลำพังสองคน จะได้ฝากฝังให้ดูแลนลิญาด้วย และถ้าทำอะไรให้น้องสาวเขาไม่พอใจ เขาไม่เอาไว้แน่ต่อให้เป็นเพื่อนรักก็ตาม
“เอาอย่างนั้นก็ได้ค่ะ”
