บทที่ 4 รักแสนหวานชื่น
นลินญาบิดกายไปมาด้วยความรู้สึกเมื่อยล้าก่อนเบิกตาขึ้นชักช้าเพื่อต้อนรับแสงแดดในเช้าวันใหม่ เธอมองหน้าคมคายของเขากำลังซุกไซ้กับทรวงอกอวบอั๋น แขนแกร่งโอบกอดเอวคอดอย่างหวงแหน
“น้ำหนึ่งรักพี่เซนนะคะ ถึงจะเจ้าเล่ห์ไปบ้างเถอะ” ว่าพลางโน้มหน้าหวานจูบแก้มสาก ก่อนผละออกห่างแล้วใช้นิ้วเรียวสัมผัสจมูกโด่งคมสัน ซึ่งส่งผลให้ฟีนิกซ์ลืมตาขึ้นทักทายคนตัวเล็ก
“พี่ก็รักน้ำหนึ่งเหมือนกันครับ มอนิ่งคิสคนดีของพี่” พูดจบ ชายหนุ่มดันไหล่กลมกลึงนอนราบกับเตียงหนานุ่ม มอบจูบแสนหวานอยู่เนิ่นนานกว่าจะปล่อยเป็นอิสระ
“พี่เซนชอบรังแกน้ำหนึ่ง”
“งั้นพี่จะยอมให้น้ำหนึ่งเอาคืนพี่เต็มที่” ว่าแล้วก็คว้าร่างอรชรเข้าสู่วงแขน มือหนาเอื้อมขึ้นปัดเส้นผมปรกหน้าหวานไปทัดใบหูขาวสะอาด
“พี่เซนคะ”
“หื้ม” ฟีนิกซ์ปรายตามองหน้าหวานของนลินญาก่อนเลิกคิ้วขึ้น เนื่องจากสีหน้าของเธอค่อนข้างจริงจัง ทำเอาเขารู้สึกโหวงเหวงในใจแปลก ๆ
“พี่เซนอย่าทิ้งน้ำหนึ่งได้ไหมคะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
“โธ่ นึกว่าเรื่องอะไร เรื่องแค่นี้เอง” ฟีนิกซ์เผยยิ้มกับคำถามของคนตัวเล็ก ต่อให้เธอไม่พูดเขาก็ไม่มีทางทิ้งเด็ดขาด เมียทั้งคน
“รับปากน้ำหนึ่งได้ไหมคะ” เธอยังคงคะยั้นคะยอขอคำตอบจากปากเขาให้ได้
“พี่สัญญาจะไม่มีทางทิ้งน้ำหนึ่งเด็ดขาด ไม่ต้องกังวลนะครับ” เขาจุมพิตหน้าผากกลมกลึงแผ่วเบาบ่งบอกให้รับรู้ว่าไม่มีทางทำแบบนั้นเด็ดขาด ต่อให้เธอคิดหนีเขาก็ไม่ปล่อยไปเช่นกัน
“อีกอย่าง”
“อะไรอีกเหรอครับ ทำไมขี้กังวลจังเลย” พูดพลางบีบจมูกคนตัวเล็กด้วยความหมั่นไส้
“ห้ามมีผู้หญิงคนอื่นนอกจากน้ำหนึ่งเด็ดขาด น้ำหนึ่งเป็นคนขี้หวงมาก รักแรงและเกลียดแรง ถ้าเกิดวันหนึ่งพี่ไม่รักษาสัญญา น้ำหนึ่งจะหนีไปให้ไกล”
“น้ำหนึ่งเป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมพูดแบบนี้” คำพูดของเธอทำให้รู้สึกไม่ค่อยดีสักเท่าไร เกิดอะไรขึ้นจู่ ๆ คนตัวเล็กมาพูดอย่างนี้ เขาไม่มีทางมีผู้หญิงคนอื่นแน่นอน เมื่อหัวใจดวงนี้เลือกเธอคนเดียวและต้องการใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน
“เปล่าค่ะ น้ำหนึ่งรักพี่เซน” นลินญาซุกหน้ากับอกกว้าง เธอก็ไม่รู้เหมือนกันทำไมถึงเอ่ยเช่นนั้น
“หิวไหม งั้นไปอาบน้ำเถอะ” ฟีนิกซ์ตวัดผ้าห่มออกจากเรือนร่าง จากนั้นก้าวลงจากเตียงก่อนช้อนคนตัวเล็กเข้าสู่อ้อมแขน แล้วมุ่งหน้าตรงไปยังห้องน้ำ
หลังจากฟีนิกซ์และนลินญาจัดการธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อย ทั้งคู่จึงไปรับประทานอาหารเช้าด้วยกันก่อนพากลับคฤหาสน์ และแนะนำตัวให้คนในบ้านรู้จักเธอในฐานะนายหญิง
“นับจากนี้เป็นต้นไป น้ำหนึ่งคือนายหญิงของคฤหาสน์ ทุกคนต้องให้ความเคารพเธอเหมือนกับฉัน เข้าใจไหม” เสียงทรงอำนาจประกาศดังก้องทั่วห้องต่อหน้าบรรดาสาวใช้และบอดี้การ์ดทั้งหลาย
“เข้าใจแล้วค่ะ/ครับ”
“งั้นก็แยกย้ายไปทำตามหน้าที่ของตัวเอง” สิ้นประโยคดังกล่าว ทุกคนเริ่มทยอยออกจากห้องโถงไปจนหมด เหลือเพียงฟีนิกซ์และนลินญาเท่านั้น
“พี่เซนคะ”
“ว่าไงครับ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแตกต่างกับน้ำเสียงที่คุยกับคนอื่นอย่างสิ้นเชิง
“ปกติพี่เซนดุแบบนี้เหรอคะ” เธอไม่เคยเห็นเขาในมุมนี้มาก่อนอดแปลกใจไม่ได้
“ไม่ต้องกลัวหรอกครับ พี่ไม่มีทางดุน้ำหนึ่งแน่นอน พี่ต่างหากอาจจะโดนน้ำหนึ่งดุแทน”
“เชอะ น้ำหนึ่งไม่ได้น่ากลัวขนาดนั้นสักหน่อย” นลินญาทำหน้ามุ่ยใส่เขาอย่างแง่งอน
“ครับ…เมียพี่ไม่ดุเลย แถมใจดีอีกต่างหาก” โน้มหน้าเข้าไปใกล้ภรรยาสาว
“พี่เซน!!”
“โอเคครับ พี่ไม่แกล้งแล้ว ขึ้นไปพักผ่อนเถอะ”
“ว้าย” นลินญาร้องอุทานอย่างตกใจ อยู่ ๆ ไม่ทันตั้งตัวฟีนิกซ์อุ้มขึ้นในท่าเจ้าสาวอย่างรวดเร็ว
“พี่พาไปส่งบนห้องนะครับ” เขากล่าวเสียงทุ้มอ่อนโยน มองคนตัวเล็กด้วยความรักเปี่ยมล้น
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ เดี๋ยวมีคนมาเห็น อีกอย่างน้ำหนึ่งอายด้วย” ประโยคท้ายบอกเสียงแผ่วพร้อมทั้งซุกหน้ากับอกแกร่ง
“เราแต่งงานกันแล้วนะครับ”
นลินญาไม่รู้จะสรรหาคำไหนมาโต้แย้งฟีนิกซ์ดี ยอมจำนนให้เขาอุ้มพาออกไปจากห้องโถงไปขึ้นบันไดแล้วตรงไปห้องนอน ก่อนเขาจะวางเธอลงบนเตียงขนาดคิงไซซ์อย่างทะนุถนอมราวกับกลัวว่าจะเจ็บ
“เดี๋ยวพี่ไปเอายาแก้ปวดมาให้นะครับ น้ำหนึ่งพักผ่อนตามสบายเถอะ” ฟีนิกซ์ดึงผ้าห่มปลายเตียงขึ้นไปคลุมหญิงสาวจนถึงหัวไหล่ แล้วก้มจูบหน้าผากมนแผ่วเบา
“ค่ะ” นลินญามองตามแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มกำลังย่างกรายออกจากห้องกระทั่งลับหายในที่สุดก่อนพลิกกายไปอีกด้าน ฝ่ามือเล็กเอื้อมขึ้นกุมหน้าอกข้างซ้ายด้วยความรู้สึกดี เธอมีความสุขเหลือเกิน เขาช่างเป็นคนดีจนไม่คิดไม่ฝันจะได้เขามาครอบครอง ไม่นึกเลยอุบัติเหตุคราวนั้นจะทำให้เจอและแต่งงานกัน
ความจริงตอนนั้นเธอไม่กล้าเปิดใจให้เขาด้วยซ้ำ เพราะเขาร่ำรวยระดับมหาเศรษฐีซึ่งเทียบกับเธอไม่ได้เลยเป็นแค่เจ้าของร้านดอกไม้เล็ก ๆ แห่งหนึ่ง แต่เรื่องหัวใจบังคับกันไม่ได้จริง ๆ ไม่ว่าใครก็ต้านไม่อยู่ เธอเองก็เช่นกันและรู้สึกโชคดียิ่งนักได้รักกับเขา
“น้ำหนึ่งรักพี่เซนนะคะ” ดวงตากลมโตมองบรรยากาศนอกหน้าต่างก่อนปิดตาลงสนิทอย่างอ่อนเพลียเพราะกิจกรรมร่วมรักเมื่อคืนและเหนื่อยล้าจากงานแต่ง รวมถึงอะไรอีกหลากหลายอย่างผสมปนเปไปหมดทำเธอหมดเรี่ยวแรงทีเดียว
หลังจากพักผ่อนเต็มอิ่ม หญิงสาวตื่นนอนในเวลาบ่ายโมง ระหว่างกำลังจะเด้งตัวลุกขึ้นจากเตียงสายตาดันปะทะเข้ากับกระดาษโน๊ตแผ่นหนึ่ง ไม่รอช้าจะหยิบขึ้นมาอ่าน
“ถ้าตื่นนอนแล้วอย่าลืมทานข้าวทานยาด้วยนะครับ ไม่ได้เป็นหมอแต่เป็นสามีและเป็นห่วงภรรยาคนสวยมากด้วย”
นลินญาอ่านไปอมยิ้มไปกับข้อความในกระดาษของฟีนิกซ์ นี่เขาจะหยอดคำหวานให้เธอทุกช่วงเวลาเลยใช่ไหม แค่ที่ผ่านมาก็เขินแทบแย่อยู่แล้ว
“คนบ้า” เธอวางแผ่นกระดาษกลับไปดั้งเดิม ทอดสายตามองถ้วยข้าวต้มกับยาบนโต๊ะข้างหัวเตียง
“ไม่กินหรอก” เพราะเธออยากกินข้าวกับเขา กินคนเดียวมันเหงาและว้าเหว่เกินไป
นลินญาเดินออกจากห้องนอน หันมองซ้ายเพื่อหาผู้คนกระทั่งพบกับครูซลูกน้องคนสนิทของฟีนิกซ์ออกมาจากห้องหนึ่ง
“เอ่อ คุณครูซคะ” เธอวิ่งไปหยุดตรงหน้าเขา
“ครับนายหญิง”
“เห็นพี่เซนไหมคะ”
“อยู่ในห้องนี้ครับ” ครูซผายมือไปยังห้องที่ตนเองเดินออกมาเมื่อครู่
“เอ่อ ขอน้ำหนึ่งเข้าไปได้ไหมคะ” นลินญาทำท่าลังเลจะเข้าไปข้างในห้องดังกล่าว
“ตามสบายครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” ครูซโค้งศีรษะทำความเคารพเจ้านายสาวเสร็จก็เดินจากไปทันใด เนื่องจากมีงานต้องจัดการตามคำสั่งฟีนิกซ์
นลินญายืนลังเลหน้าห้องทำงานฟีนิกซ์ครู่หนึ่งก่อนสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ แล้วเอื้อมมือเคาะประตูห้อง เพียงไม่นานก็มีเสียงทุ้มตอบรับกลับมาจึงเปิดประตูเข้าทันใด
“มีอะไรหรือเปล่าน้ำหนึ่ง” ฟีนิกซ์เงยหน้าขึ้นจากกองเอกสารพลางขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย เมื่อเห็นร่างของภรรยา
“น้ำหนึ่งรบกวนพี่เซนหรือเปล่าคะ” นลินญาเดินไปหยุดข้างฟีนิกซ์ สายตาคู่หวานจ้องมองด้วยความลังเลเล็กน้อย
“ไม่เลยครับ” ชายหนุ่มวางปากกาในมือลงพลางคว้าหญิงสาวให้นั่งบนตักแกร่ง “กินข้าวกินยายังครับ”
“ยังเลยค่ะ”
“ทำไมล่ะ”
“น้ำหนึ่งอยากทานข้าวกับพี่เซนค่ะ พี่ทานข้าวยังคะ” เธอมองกองเอกสารบนโต๊ะของเขาสลับมองใบหน้าคมคาย
“ยังครับ” ส่ายหน้าไปมาเล็กน้อย
“งานยุ่งมากเลยเหรอคะ น้ำหนึ่งรบกวนหรือเปล่าคะ”
“งานไม่ยุ่งครับ แล้วก็น้ำหนึ่งไม่ได้รบกวนอะไรเลย” งานไม่เท่าไร แต่เขามีเรื่องต้องสืบเกี่ยวกับตัวฆาตกรจึงค่อนข้างวุ่นวายไปหน่อยและอาจจะไม่ได้พาเธอไปฮันนีมูน “น้ำหนึ่งโกรธพี่ไหม”
“เรื่องอะไรคะ”
“เรื่องฮันนีมูน พี่อาจจะพาไปไม่ได้นะครับช่วงนี้ รอให้พี่จัดการทุกอย่างจบก่อนได้ไหม” เขาอยากสะสางเรื่องคนร้ายให้เสร็จเสียก่อน แล้วจะได้พาเธอเที่ยวอย่างสบายใจ นานแค่ไหนได้เสมอถ้าปัญหาทุกอย่างถูกสะสาง
“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำหนึ่งไม่รีบ” ว่าแล้วก็ซุกหน้าหวานกับอกกว้าง นิ้วเรียวเขี่ยกระดุมเสื้อเชิ้ตเล่นไปมา “ขอแค่มีพี่เซนอยู่ทุกที่แค่นี้ก็เพียงพอแล้วสำหรับน้ำหนึ่ง”
“น่ารักที่สุดเลย” ก้มหน้าจุมพิตหน้าผากกลมกลึงแผ่วเบา
“หิวข้าวแล้ว” เงยหน้ามองเขาอย่างออดอ้อน
“งั้นไปกินข้าวกันเถอะ” กล่าวจบ ช้อนคนตัวเล็กเข้าสู่อ้อมแขน จากนั้นเด้งตัวลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วมุ่งหน้าสู่ห้องอาหาร
