4.เข้ารังเสือ
*** ทักทายคร้า ***
เกาะมาเก๊า
อาคารรูปทรงสี่เหลี่ยมปลูกสร้างด้วยสถาปัตยกรรมแบบเวนิชสูงเสียดฟ้าคือ เดอะ เวเนเซี่ยน เทียนผิง รีสอร์ต โฮเต็ล ตั้งอยู่บนย่านโคไท สตริป เขตปกครองพิเศษมาเก๊า ซึ่งเชื่อมระหว่างเกาะไทปาและเกาะโคโลอานในมาเก๊า ภายในถนนสายนี้ โรงแรมและรีสอร์ตที่เป็นของเครือเวเนเซี่ยนเทียนผิงคอร์ป ตั้งอยู่บนย่านสตริปนี้อีกหลายอาคาร
ร่างสมส่วนของหยกมณีสวมชุดกางเกงยีนสีซีดกับเสื้อเชิ้ตสีขาวเก็บชายไว้ในขอบกางเกงยีน บนบ่าสะพายกระเป๋าเป้และกล้องคู่ใจ ยืนเด่นอยู่หน้าโรงแรมและกาสิโนชื่อดังด้วยแววตาเด็ดเดี่ยว จุดประสงค์ที่เธอดั้นด้นมาถึงที่นี่ เพียงเพราะต้องการสัมภาษณ์ประธานบริหารหนุ่มไฟแรง ผู้บริหารเดอะเวเนเซี่ยนเทียนผิงคนปัจจุบัน ซึ่งเป็นทายาทคนโตของตระกูลที่ทรงอิทธิพลที่สุดในเกาะมาเก๊า
“เดี๋ยวครับคุณผู้หญิง” การ์ดสวมสูทสีดำใบหน้าเรียบเฉย ยกมือขวางหยกมณีไว้ไม่ให้เดินเข้าไปข้างใน มือบางกระชับสายเป้บนบ่าอย่างระวังตัว
“มีอะไรคะ” เธอถามด้วยสำเนียงภาษาอังกฤษชัดเจน
“เราไม่อนุญาตให้นำกล้องถ่ายรูปเข้าไปข้างในครับ” หยกมณีจับกล้องคู่ใจไว้เพราะกลัวถูกยึด สายตาเพ่งมองนักเสี่ยงโชคที่อยู่ข้างใน
“ฉันไม่ได้เข้ามาเล่นการพนัน แต่มาขอพบคุณอี้เฉิน เทียนผิงค่ะ นี่เป็นนามบัตรของฉัน” เธอยื่นบัตรนักข่าวให้การ์ด
“คุณนัดไว้หรือเปล่าครับ” หยกมณีหยุดคิดนิดหนึ่งก่อนจะตัดสินใจโกหกออกไป
“นัดค่ะ” การ์ดคนเดิมรับนามบัตรของเธอไปดู แล้วเงยหน้าขึ้นพิจารณาเธออย่างละเอียดอีกครั้ง
“คุณรอสักครู่นะครับ ผมขอเช็กกับเลขาของท่านก่อน” พูดจบการ์ดก็เดินเข้าไปข้างใน หยกมณีมองตามจนกระทั่งการ์ดคนนั้นเดินหายเข้าไปในลิฟต์ หญิงสาวจึงยกกล้องขึ้นถ่ายภาพไปประกอบการเขียนข่าว ความอลังการและความสวยงามของกาสิโนทำให้เธออดค่อนขอดเจ้าของสถานที่ไม่ได้ คนรวยทำอะไรก็ไม่น่าเกลียดจริงๆ
ชั้นบนสุดของเดอะเวเนเซี่ยนเทียนผิงถูกตกแต่งเป็นห้องทำงานของอี้เฉิน เทียนผิง ทายาทคนโตตระกูลดังและดำรงตำแหน่งประธานบริหารคนปัจจุบัน ด้วยความฉลาดและเต็มไปด้วยไหวพริบทั้งเชิงรุกและรับ ทำให้สี่ปีที่อี้เฉินเข้ารับตำแหน่งประธานบริหารธุรกิจของตระกูล ธุรกิจเจริญรุดหน้าและสร้างผลกำไรมากมายมหาศาล จนชายหนุ่มแทบไม่มีเวลาพักผ่อน กระทั่งปีนี้งานทุกอย่างเริ่มเข้าที่ทำให้อี้เฉินได้มีเวลาพักผ่อนบ้าง
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูเบาๆ และเปิดเข้ามา ไม่ได้ทำให้ใบหน้าคมเข้มละสายตาจากเอกสารที่กางอยู่บนโต๊ะ
หย่งกุ้ย บอดี้การ์ดคนสนิทและทำหน้าที่เลขายืนรอเจ้านายอยู่กลางห้องอย่างสงบ เมื่อปลายปากกาตวัดลายเซ็นสุดท้ายลงบนกระดาษ แฟ้มสีดำก็ถูกเลื่อนไปวางที่มุมซ้ายของโต๊ะทำงาน แผ่นหลังหนาเอนพิงพนักเก้าอี้พร้อมกับส่งเสียงผ่อนลมหายใจออกมาแรงๆ
“มีอะไรอากุ้ย”
“การ์ดที่อยู่ข้างล่างมาบอกว่ามีนักข่าวชาวเอเชียคนหนึ่งมาขอพบบอสครับ”
อี้เฉินยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูเวลาแล้วเงยหน้ามองลูกน้องคนสนิท
“นัดด่วนหรือไง” ชายหนุ่มถามพลางเคาะปลายนิ้วกับโต๊ะ หย่งกุ้ยส่งบัตรนักข่าวให้เจ้านายหนุ่ม ดวงตาคมเหลือบมองนิดหนึ่งแต่ไม่หยิบไปดู “นายก็รู้ว่าฉันไม่ชอบนักข่าว”
“แต่เธอบอกว่านัดกับเจ้านายไว้ครับ ผมก็เลยไม่แน่ใจ”
คิ้วหนาทอดยาวขนานกับดวงตาคมกริบยกขึ้นอย่างแปลกใจกับคำตอบของคนที่เป็นทั้งเพื่อนและลูกน้องคนสนิท
“ทำไม”
“เอ่อ...” อากุ้ยก้มหน้ามองพื้นเพื่อซ่อนแววตาบางอย่างไว้ “เธอบอกว่าสนิทกับบอสมากจนต้องตามมาพบที่นี่โดยไม่ต้องนัดล่วงหน้าครับ”
“แล้วนายก็เชื่ออย่างนั้นน่ะเหรอ การ์ดของเทียนผิงขาดความรอบคอบขนาดนี้เลยหรือไง ไล่เธอกลับไป ฉันไม่อยากพบพวกใช้ปากกาฆ่าคน”
หย่งกุ้ยก้มศีรษะและหยิบบัตรนักข่าวที่ตัวเองวางไว้ออกจากห้อง ร่างสูงลุกขึ้นไปหยุดยืนข้างหน้าต่าง ใบหน้าเคร่งเครียด
หย่งกุ้ยเดินออกจากลิฟต์พร้อมกับการ์ดสองคน สายตามองห้องโถงใหญ่ที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามาเสี่ยงโชค
“นักข่าวคนนั้นอยู่ไหน”
การ์ดหน้าประตูโค้งคำนับ หย่งกุ้ยเพียงพยักหน้ารับแล้วมองไปที่ลานน้ำพุที่กำลังพุ่งเล่นระดับสะท้อนกับแสงไฟอย่างอ่อนช้อยและสวยงาม หยกมณีเห็นการ์ดที่เอาบัตรนักข่าวไปกลับมาก็เดินเข้าไปหา
“เจ้านายคุณให้ฉันพบแล้วใช่มั้ย” เธอถามอย่างตื่นเต้น
หย่งกุ้ยมองหญิงสาวชาวไทยอย่างยอมเสียมารยาท ดวงตาคมโตเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและมีชีวิตชีวาทำให้หย่งกุ้ยไม่อาจถอนสายตาไปไหนได้
“คุณผู้หญิงคงเป็นเจ้าของบัตรอันนี้”
“ใช่ค่ะ เจ้านายคุณให้ฉันพบแล้วใช่ไหม” มือบางรับบัตรไปคล้องคอ
“เสียใจด้วยนะครับ เจ้านายท่านไม่รู้จักคุณและไม่ต้องการพบนักข่าว” รอยยิ้มบนใบหน้าเนียนสวยหุบลงแล้วมองขึ้นไปบนชั้นสูงสุดของอาคาร
“ทำไมคะ หรือกลัวว่านักข่าวตัวเล็กๆ อย่างฉันจะเปิดโปงเบื้องลึกเบื้องหลังของเขา”
“ไม่ทราบสิครับ ท่านไม่ค่อยอยากเป็นข่าวไม่ว่าเรื่องอะไร เสียใจด้วยนะครับที่คุณต้องเสียเวลาเปล่า ขอตัวครับ”
หย่งกุ้ยบอกอย่างสุภาพแล้วกลับเข้าไปข้างใน โดยไม่สนใจว่าร่างโปร่งระหงจะแค้นเคืองเพียงใด หากในใจของบอดี้การ์ดมือหนึ่งรู้สึกไม่กังวลเมื่อเห็นแววตามุ่งมั่นของหญิงสาว
หยกมณียกกล้องในมือถ่ายภาพหย่งกุ้ยเก็บไว้แล้วเดินหายเข้าไปในกลุ่มนักท่องเที่ยว การ์ดจึงละความสนใจจากเธอไปต้อนรับนักท่องเที่ยวที่หลั่งไหลเข้ามา
***
