5.เข้ารังเสือ
*** ทักทายคร้า ***
เวลาล่วงเลยเกือบห้าทุ่ม ร่างสูงสง่าในชุดสูทสากลของอี้เฉินก็เดินพ้นประตูออกมาท่ามกลางการอารักขาของการ์ดเจ็ดคน ใบหน้าคมสันมีแว่นกันแดดสีดำปิดไว้กว่าครึ่ง หยกมณีลุกขึ้นยืนแล้วยกกล้องเก็บภาพ จนกระทั่งรถที่ชายหนุ่มนั่งแล่นออกไปจากเวเนเซี่ยน
ส่วนคนที่นั่งอยู่ในรถทอดสายตามองแสงสียามค่ำคืนของร้านค้าที่ส่องสว่างเรียกความสนใจลูกค้าให้เข้าไปใช้บริการ
หย่งกุ้ยมองนายเจ้าหนุ่มผ่านกระจกหลังอยู่บ่อยครั้ง และดูเหมือนคนที่ถูกมองจะรู้ตัว
“มีอะไรก็พูดมา หรืออยากย้ายไปประจำอยู่ที่กาสิโนเปิดใหม่ที่เกาะโยนกในเมืองไทย” ร่างสูงจัดสูทให้เข้าที่แล้วเอ่ยออกมาจนลูกน้องคนสนิทหันไปมอง
“นักข่าวคนนั้นชื่อหยกมณีครับ เป็นนักข่าวมือหนึ่งของหนังสือพิมพ์ไทม์วีค เธออยากสัมภาษณ์บอส เรื่องกาสิโนที่เราจะสร้างในเมืองไทย”
ริมฝีปากหยักได้รูปยกขึ้นน้อยๆ เหมือนไม่สนใจนัก
“อยากได้ข่าวมากขนาดต้องโกหก” อี้เฉินเอ่ยขึ้นมาลอยๆ อย่างไม่ต้องการคำตอบ “เรื่องที่เราจะไปเมืองไทยอาทิตย์หน้า นายให้คนของเราเคลียร์ทางไว้แล้วใช่ไหม”
“ครับบอส งานนี้นักข่าวไม่มากวนใจบอสแน่ๆ”
“เจียอิงเรียนจบแล้วจะเข้าไปฝึกงานที่โรงแรม นายอย่าลืมเทรนงานให้ด้วยล่ะ” คนสั่งยิ้มน้อยๆ แต่หย่งกุ้ยถึงกับทำหน้าเมื่อยเพราะรู้ฤทธิ์คุณหนูเล็กของตระกูลดีว่าแสบแค่ไหน
“ให้ผมไปยืนคุมกาสิโนหรือถูพื้นง่ายกว่ามั้ยครับบอส”
อี้เฉินหัวเราะเบาๆ ในลำคอ เมื่อนึกภาพลูกน้องคนสนิทกับน้องสาวจอมแสบของเขาในวัยเด็ก ตอนนั้นหย่งกุ้ยเป็นเพียงลูกชายพ่อบ้านเก่าแก่ของประมุขตระกูลเทียนผิงและเป็นคนสนิทของตงฟางปู่ของเขา ด้วยอายุไล่เลี่ยกับน้องสาวของเขาทำให้หย่งกุ้ยเป็นเพื่อนเล่นกับเจียอิง และน้องสาวของเขาก็แสบนักชอบแกล้งหย่งกุ้ยเสมอๆ
“งานนี้เหมาะกับนายที่สุดแล้ว เตรียมตัวให้ดีล่ะ”
ตายแน่ไอ้กุ้ยเอ๊ย จะได้งานหรือเปล่าก็ไม่รู้...หย่งกุ้ยได้แต่ภาวนาให้เวลาและอายุทำให้เจียอิงเปลี่ยนเป็นผู้ใหญ่ได้สักที
คฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูลเทียนผิงตั้งอยู่บนชายฝั่งทะเลด้านตะวันตกของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำเพิร์ล บนเนื้อที่หลายร้อยไร่นั้นเขียวชอุ่มไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดชูชันอวดความสวยงามอยู่รอบบริเวณ สายลมเย็นสบายในยามเช้าสดชื่นจนประมุขใหญ่แห่งเทียนผิงอย่างตงฟาง เทียนผิง ชายชราวัยเจ็ดสิบตื่นแต่เช้าเพื่อออกมารับความสดชื่นของธรรมชาติแบบนี้ในทุกๆ วัน
ด้วยวัยที่มากขึ้น มังกรแห่งเทียนผิงจึงวางมือจากธุรกิจกาสิโนที่บุกเบิกมากับมือด้วยเหตุผลเพียงเพราะต้องการพักผ่อน แต่คนใกล้ชิดรู้ดีว่าประมุขใหญ่ต้องการให้คนรุ่นใหม่อย่างอี้เฉิน เทียนผิง ประธานบริหารคนปัจจุบันเข้ามาบริหาร และคนหนุ่มมีวิสัยทัศน์อย่างอี้เฉินก็ไม่ทำให้คุณปู่ผิดหวัง ขณะที่ผู้เฒ่าตงฟางเพลิดเพลินอยู่กับบรรยากาศรอบตัว เซิน พ่อบ้านวัยหกสิบห้าก็เดินนำเด็กรับใช้ถือถาดน้ำชาเข้ามา ทันทีที่เด็กวางถาดลง เซินก็รินน้ำชาส่งให้นายใหญ่แห่งเทียนผิง
“น้ำชาครับคุณท่าน”
“ขอบใจ เฉินกลับมาหรือยัง” ตงฟางถามด้วยเสียงแหบพร่า ก่อนจะยกน้ำชาขึ้นจิบแต่สายตายังคงมองพื้นน้ำกว้างเบื้องหน้า
“กลับมาตั้งแต่เมื่อคืนแล้วครับ คุณท่านจะให้ตามคุณชายมาพบตอนนี้เลยหรือเปล่าครับ” เซินประสานมือไว้ด้านหน้า
“ไม่เป็นไร วันหยุดแบบนี้ให้เขาพักดีกว่า อาเหลียงหาต้นตอข่าวได้หรือยัง” ตาฟางถามพลางวางถ้วยชาลงบนโต๊ะ
ข่าวแก๊งกุหลาบไฟที่กำลังสะพัดในโลกออนไลน์ตอนนี้ เป็นภาพดอกกุหลาบสีแดงอยู่ท่ามกลางเปลวไฟ โดยมีฉากหลังเป็นเวเนเซี่ยนเทียนผิง โดยเจ้าของเว็บไซต์ใช้นามปากกาว่ากุหลาบขาว เพียงคืนเดียวผู้คนเข้ามาแสดงความคิดเห็นกันอย่างกว้างขวาง บางคนก็สรุปว่าเทียนผิงอยู่เบื้องหลังแก๊งอาชญากรดัง
ตงฟางเอนกายกับพนักเก้าอี้ ประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเท่าอายุทำให้รู้ว่าภาพที่ปรากฏในเว็บไซต์กำลังจะทำให้ตระกูลเทียนผิงต้องมัวหมองอย่างเลี่ยงไม่ได้
รถยนต์สองคันวิ่งผ่านประตูอัลลอยด์เข้ามาในอาณาเขตกว้างใหญ่ ทำให้ผู้เฒ่าตงฟางดึงตัวเองออกจากภวังค์ ถ้าสองบอดี้การ์ดคนสนิทของหลานชายมาพร้อมกันแบบนี้ แสดงว่าอี้เฉินคงเห็นรู้เรื่องเว็บไซต์กุหลาบขาวแล้ว...
***
