3.สานต่อภารกิจ
*** ทักทายคร้า ***
แสงสีทองของวันใหม่สาดส่องสะท้อนกับหลังคาโบสถ์เป็นแสงสว่างคล้ายแสงแห่งสวรรค์ รถของหยกมณีวิ่งเข้าไปจอดหน้าเรือนไม้สักหลังใหญ่ซึ่งเป็นกุฏิของเจ้าอาวาสวัดดัง พอรถจอดสนิทเด็กวัดก็วิ่งไปรับ หยกมณีเปิดประตูลงจากรถอย่างรีบร้อน
“มาแต่เช้าเลยนะพี่หยก” เด็กชายผมจุกยกมือไหว้หญิงสาวอย่างคุ้นเคย หยกมณีเพียงพยักหน้ารับแล้วมองขึ้นไปบนกุฏิ
“หลวงลุงอยู่ไหมแกละ”
“อยู่พี่ หลวงพ่อสั่งไว้ว่าถ้าพี่มาหาให้ขับรถไปที่ท้ายวัดเลย ท่านรอพี่อยู่ที่นั่นแล้ว”
หยกมณีไม่ได้ตกใจมากนักที่ท่านสามารถล่วงรู้สิ่งที่เกิดขึ้นได้
“เดี๋ยวฉันไปตามลุงหวังก่อนนะพี่” เด็กแกละวิ่งไปตามสัปเหร่อที่อาศัยอยู่ท้ายวัด หยกมณีขับรถไปตามเส้นทางแคบ สองข้างทางเต็มไปด้วยโกศบรรจุกระดูกของผู้เสียชีวิตตั้งเรียงรายกันอย่างเป็นระเบียบ หลวงพ่อสมชายเจ้าอาวาสวัดและเป็นญาติคนเดียวที่เธอและพี่ชายเหลืออยู่ยืนรออยู่เบื้องหน้าอย่างสงบ หยกมณีเปิดประตูลงไปแล้วก้มกราบกับพื้น
“หลวงลุง”
“ทำใจให้สงบนะโยมหยก โยมกตไปสบายแล้ว” หลวงพ่อสมชายกล่าวออกมาอย่างเมตตา ก่อนจะมองเลยไปที่เบาะหลัง
“หยกพาพี่กตมาฝากไว้สักพักนะคะ ให้หยกจัดการคนชั่วพวกนั้นเสร็จ หยกจะมาทำพิธีเผาศพพี่กตค่ะหลวงลุง” เธอบอกเสียงสั่นเครือ หลวงพ่อมองดวงตาแดงก่ำที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ก่อนจะถอนหายใจเบาๆ
“การล้างแค้นมันเหมือนกงเกวียนกำเกวียนนะโยม จงปล่อยวางและใช้สติเพื่อให้เกิดปัญญา ยังไงความดีย่อมชนะความชั่วอยู่แล้ว”
“แต่คนดีๆ อย่างพี่กตก็ต้องมาตายเพราะพวกมัน ยังไงหยกต้องเอาพวกมันเข้าคุกให้ได้” เมื่อเห็นแววตามุ่งมั่นของหญิงสาว หลวงพ่อก็ได้แต่มองด้วยใจอันสงบ
“เมื่อโยมยืนยันอย่างนั้น อาตมาก็ขออวยพรให้ทำสำเร็จก็แล้วกัน” ท่านมองร่างที่นั่งพับเพียบอยู่ตรงหน้าด้วยแววตาปรานี หยกมณีก้มลงกราบอีกครั้ง พอเงยหน้าขึ้นเด็กชายแกละก็พาสัปเหร่อมาถึง ทั้งสามจึงช่วยกันนำร่างไร้วิญญาณของอลงกตใส่ลงไปในโลงเย็นของทางวัด แล้วนำไปเก็บไว้ในโกดังปะปนกับศพอื่นๆ ที่รอญาติมาจัดพิธีทางศาสนา
หยกมณีขับรถออกจากวัดตรงไปที่สำนักพิมพ์ ไม่ถึงชั่วโมงร่างโปร่งระหงก็มายืนหน้าตึกไทม์วีค ใบหน้าเนียนสวยแหงนมองตึกสูงสิบชั้นแล้วสูดลมหายใจเข้ายาวๆ ก่อนจะสาวเท้าผ่านประตูเลื่อนเข้าไปข้างใน
“เฮ้ยหยก พี่กรณ์ให้ไปพบด่วนเลย” จรัลเพื่อนร่วมงานรุ่นเดียวกันโผล่หน้าออกมาจากห้องทำงานและกวักมือเรียก หยกมณีจึงเดินเลยโต๊ะทำงานไปที่ห้อง บก.ปกรณ์ทันที เพียงก้าวแรกที่เธอก้าวเข้าไป หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความเคร่งเครียดปกคลุมไปทั่วห้อง ปกรณ์ชายวัยสามสิบห้าเจ้าของสำนักพิมพ์นั่งหน้าเครียดอยู่หลังโต๊ะทำงานตัวใหญ่
“นั่งสิหยก”
หญิงสาวนั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้างประภาสแล้ววางกระเป๋าไว้บนตัก ปกรณ์เหลือบตามองประภาสนิดหนึ่งแล้วขยับตัว
“พี่ติดต่ออลงกตไม่ได้ เขาอยู่ที่บ้านหรือเปล่า”
หยกมณีน้ำตาคลอแหงนหน้าขึ้นสูงเพื่อไล่น้ำใสๆ ที่ล้นเอ่อออกมาให้ย้อนกลับเข้าไปข้างใน
“พี่กตกลับมาเมื่อคืนค่ะ แต่ตอนนี้อยู่ที่วัดกับหลวงลุง”
ปกรณ์และประภาสสองหุ้นส่วนใหญ่เจ้าของสำนักพิมพ์ไทม์รายสัปดาห์เป่าลมออกจากปากอย่างโล่งอกที่ลูกน้องมือดีกลับมาอย่างปลอดภัย
“บอกกตมาหาพี่ด่วนเลยนะหยก”
“พี่กรณ์มีธุระกับพี่กตเหรอคะ”
“เรื่องงานที่กตมันขอไปทำนั่นแหละ ไม่รู้มันได้ข้อมูลอะไรมา พวกมีสีที่กินเงินใต้โต๊ะของแก๊งกุหลาบไฟถึงได้วิ่งกันพล่านแบบนี้”
หยกมณีกำมือเข้าหากันแน่น ดวงตาคมโตลุกวาวด้วยความแค้นที่อัดแน่นอยู่ข้างใน
“พี่กรณ์กับพี่ภาสรู้เหรอคะว่าพี่กตไปทำอะไร”
“เจ้ากตมันโทรมาหาพี่ว่ามันได้ข่าวใหม่เกี่ยวกับแก๊งกุหลาบไฟ เลยขอไปทำข่าวด่วน พี่ก็เลยมานั่งห่วงมันอยู่นี่แหละ ถ้ามันกลับมาอย่างปลอดภัยพี่ก็โล่งใจ ยังไงหยกบอกมันมาหาพี่ด้วยนะ”
หญิงสาวน้ำตาหยดลงอาบแก้มอย่างกลั้นไม่อยู่ ประภาสรีบไปกดล็อกประตูอย่างรีบร้อน เพราะลางสังหรณ์บางอย่างบอกให้เจ้าของสำนักพิมพ์ไฟแรงอย่างปกรณ์และประภาสรู้ว่ามีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
“เกิดอะไรขึ้นหยก” ประภาสจับบ่าบางหันไปหา หยกมณีโผเข้าไปกอดคนที่เธอนับถือเหมือนพี่อย่างต้องการหลักพักพิง
“พี่กต...พี่กตตายแล้วค่ะพี่ภาส ฮือ ฮือ ฮือ”
ทั้งประภาสและปกรณ์ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ประภาสดันร่างหยกมณีออกห่างและมองใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตาอย่างไม่แน่ใจกับข่าวที่ได้ยิน
“หยกว่าอะไรนะ เจ้ากตมันเป็นอะไร”
“พี่กตหนีแก๊งนรกนั่นมาได้ แต่ถูกยิงอาการสาหัส สุดท้ายก็ทนพิษบาดแผลไม่ไหว” หยกมณีบอกปนสะอื้น ประภาสวางมือบนศีรษะนุ่มแล้วกดลงซบอก ปกรณ์ทิ้งตัวลงบนโต๊ะอย่างคาดไม่ถึง และไม่คิดว่าลูกน้องมือดีที่สุดจะจบชีวิตลงแบบนี้
“พี่เสียใจด้วยนะหยก พี่ผิดเองที่ให้กตมันไปทำงานเสี่ยงๆ แบบนั้น เพราะอุดมการณ์บ้าๆ ของพี่ที่จะเปิดโปงแก๊งนรกนั่นแท้ๆ ไอ้กตมันถึงต้องมาตายแบบนี้” ปกรณ์ดึงแว่นสายตาออกเพื่อเช็ดน้ำตา
“มีใครรู้เรื่องนี้บ้าง” ประภาสถามพลางปล่อยให้หยกมณีนั่งลงบนเก้าอี้
“มีหยกกับพี่สองคน แล้วก็หลวงลุงที่วัดค่ะ”
ประภาสมองหน้าพี่ชายด้วยสีหน้ากังวล “ผมว่าเรื่องนี้เราคงต้องปิดเป็นความลับก่อนนะพี่กรณ์ ถ้าเรื่องกตเสียชีวิตหลุดออกไปหยกจะพลอยเป็นอันตรายด้วย และที่สำคัญพวกมีสีมันต้องมาปิดหนังสือพิมพ์เราแน่”
“พี่จะไม่ยอมให้ไอ้กตมันตายฟรีแน่ๆ พี่จะตามสืบเรื่องนี้ต่อ”
“หยกก็เหมือนกันค่ะ หยกขอสานต่องานของพี่กตได้มั้ยคะ”
ปกรณ์สบตาคมโตที่เต็มไปด้วยความมุ่งมั่นของหญิงสาว ก่อนจะเงยหน้าสบตาน้องชาย
“มันอันตรายมากนะหยก”
“อันตรายแค่ไหนหยกก็ต้องเปิดโปงพวกมันให้ได้ ให้หยกทำเถอะนะคะพี่กรณ์ พี่ภาส” หยกมณีมองอย่างวิงวอน
ปกรณ์ถอนหายใจแล้วพยักหน้าอย่างเลี่ยงไม่ได้
“ก็ได้ แต่ต้องมีข้อแม้ว่าหยกต้องรายงานพี่ตลอดเวลา และห้ามทำอะไรเสี่ยงๆ ตามลำพังโดยเด็ดขาด”
หยกมณีพยักหน้า ยกมือปาดน้ำตาออกจากแก้ม ประภาสมองหน้าพี่ชายแล้วตบไหล่บางเบาๆ
“พี่เสียเจ้ากตไปคนหนึ่งแล้ว อย่าให้พี่ต้องเสียหยกไปอีกนะ อย่าทำอะไรที่เกินกำลัง สัญญากับพี่นะหยก”
“หยกสัญญาค่ะ ขอบคุณมากนะคะ”
จากนั้นทั้งสามก็พูดคุยกันเกี่ยวกับแผนงานที่จะเปิดโปงและทำข่าวเกี่ยวกับแก๊งกุหลาบไฟ จนเวลาผ่านไปเกือบสองชั่วโมงหยกมณีก็เปิดประตูออกจากห้องไปนั่งทำงาน
อีกมุมหนึ่งของกรุงเทพมหานคร เหวินหรงและชายฉกรรจ์สวมสูทสีดำห้าคนยืนอยู่ด้านหลังชายสวมชุดจีน มือแต่ละคนประสานไว้ข้างหน้าอย่างนอบน้อม เสียงคลื่นสาดซัดกระทบกำแพงเป็นละอองไอน้ำกระจายไปทั่วบริเวณ ชายสวมชุดจีนหมุนกายกลับมามองลูกน้องแต่ละคนด้วยแววตาสงบเยือกเย็น ร่างผอมสูงของหัวหน้าแก๊งกุหลาบไฟวัยห้าสิบเดินผ่านหน้าไป ทำเอาทุกคนก้มหน้ามองพื้นอย่างหวั่นๆ จะมีก็แต่เหวินหรงที่เงยหน้าขึ้นสบตานายใหญ่
“หามันเจอมั้ย”
“ไม่เจอครับนายใหญ่ แต่ผมมั่นใจว่ามันไม่รอดครับ”
ฝ่ามือของนายใหญ่ของแก๊งกุหลาบไฟฟาดลงบนใบหน้าของเหวินหรงจนสะบัด ทำเอาคนอื่นๆ เย็นยะเยือกไปทั่วร่าง
“อย่าสันนิษฐานถ้าไม่มีมูล ไม่รู้ว่ามันได้ข้อมูลมากน้อยแค่ไหน ถ้าข้อมูลไปถึงนักข่าวหรือตำรวจงานเราจะลำบากขึ้น”
“ผมจะตามหามันให้เจอครับนายใหญ่” เหวินหรงบอกพลางโค้งศีรษะลง ริมฝีปากหนาใต้หนวดเครายาวกระตุกยิ้มพลางกวาดตามองลูกน้องด้วยแววตานิ่งลึก
“รีบจัดการเสียก่อนที่เราจะไม่มีที่ยืนในเมืองไทย”
การ์ดคนอื่นๆ โค้งตัวรับคำสั่งแล้วแยกย้ายกันไปทำงาน
“เอาคนของเรามาช่วยอีก อย่าให้มันรอดไปได้”
“แล้วเรื่องของที่จะส่งคืนนี้ล่ะครับนายใหญ่”
นายใหญ่กระตุกยิ้ม เดินเอามือไขว้หลังไปยืนมองสายน้ำเจ้าพระยาอย่างใจเย็น
“ฉันจะใช้ตำรวจคุ้มกันของให้เรา งานนี้ใครก็จับสังเกตไม่ได้ โทรบอกอาหมัดว่าของพร้อมส่งคืนนี้ตอนหกทุ่มตรง เสร็จแล้วเราจะกลับกันทันที”
เหวินหรงก้มศีรษะรับคำสั่งแล้วรีบไปจัดการทันที
****
