2.สานต่อภารกิจ
***ทักทายคร้า ***
อลงกตพาร่างชุ่มไปด้วยเลือดกระเสือกกระสนมาถึงบ้านไม้สองชั้นและขับมอเตอร์ไซค์เข้าไปซ่อนไว้หลังบ้าน มือเปื้อนเลือดเอื้อมไปคว้าเสื่อเก่าๆ มาคลุมรถไว้แล้วหยิบกุญแจเปิดประตูมือไม้สั่นระริก พอประตูเปิดร่างของอลงกตก็ล้มลงไปกับพื้น สองขาที่ยังเคลื่อนไหวได้ถีบประตูปิดอย่างรวดเร็ว
“หยก...หยก” อลงกตพยายามเปล่งเสียงเรียกน้องสาว ก่อนจะดันตัวขยับไปนั่งพิงผนังอย่างอ่อนแรง ลมหายใจรวยรินลงทุกขณะ ใบหน้าคมซีดเผือดเพราะเสียเลือดไปมาก
เสียงเรียกเบาๆ แต่ก็ดังพอให้คนที่กำลังเคลิ้มหลับอย่างหยกมณีสะดุ้งตื่น มือบางตวัดผ้าห่มพ้นตัวแล้วรีบเปิดประตูเดินลงไปชั้นล่าง และเธอก็ไม่ลืมที่จะหยิบปืนที่ลิ้นชักโต๊ะติดมือมา เท้าเรียวก้าวลงบันไดอย่างระมัดระวัง แสงไฟจากดวงไฟหน้าบ้านทำให้หญิงสาวไม่จำเป็นต้องเปิดไฟก็สามารถเดินได้
“หยก พี่เอง”
เสียงเบาหวิวแต่ก็คุ้นหูกระตุ้นให้หยกมณีรีบสาวเท้าลงบันได ดวงตาคมโตมองร่างที่นั่งพิงผนังอย่างตกใจ
“พี่กต!” หยกมณีอุทานอย่างตกใจแล้วตรงไปที่สวิตช์ไฟ แต่เสียงแหบพร่าก็ห้ามเสียก่อน
“อย่าเปิดไฟ”
หยกมณีถลาไปนั่งข้างพี่ชาย กลิ่นคาวเลือดลอยเข้ามาในจมูกทำให้เธอตกใจวางมือบนหลังมือหนาที่กุมอยู่ตรงหน้าท้อง
“พี่ถูกยิงมาเหรอคะ” เธอถามอย่างร้อนใจ ก่อนจะสอดมือไปด้านหลังพี่ชาย “หยกจะพาพี่ไปหาหมอ”
“ไม่มีประโยชน์”
หยกมณีตกใจ ใช้มือคลำหาบาดแผลบนร่างเปียกชื้น
“พี่ไปทำอะไรมาคะ ทำไมถึงถูกยิงแบบนี้”
อลงกตสูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อต่อลมหายใจให้ตัวเอง แล้วหยิบกล้องขนาดเล็กส่งให้น้องสาว
“หลักฐานของแก๊งกุหลาบไฟ เก็บไว้ให้ดี พวกมันกำลังตามล่าพี่”
หยกมณีตกตะลึงมองกล้องขนาดเล็กในมืออย่างคาดไม่ถึง เสียงรถยนต์สองคันวิ่งผ่านหน้าบ้านสองสามรอบ หยกมณีจึงคลานไปข้างหน้าต่างแล้วแอบมองชายฉกรรจ์ที่ยืนอยู่ท้ายกระบะ
“พวกมันใช่ไหม” เธอถามพลางเล็งปืนไปที่พวกมัน
“อย่าหยก...” อลงกตห้ามและกระอักออกมาเป็นเลือด
หยกมณีขยับไปบีบมือใหญ่แรงๆ แววตาเต็มไปด้วยความหวาดหวั่น
“แข็งใจไว้นะคะ หยกจะพาพี่ไปหาหมอเดี๋ยวนี้”
อลงกตส่ายหน้าและยกมือห้าม หยกมณีจับมือพี่ชายแน่น
“พี่ต้องไม่เป็นไรนะ แข็งใจไว้นะ” เธอบอกเสียงสั่นเครือ อลงกตยิ้มน้อยๆ ยกมือข้างหนึ่งประคองแก้มนุ่มไว้ในมือ
“พี่คงไม่ได้อยู่ดูแลแกอีกแล้ว อย่าให้พี่ต้องตายอย่างไร้ค่านะหยก เปิดโปงแก๊งกุหลาบไฟให้ได้” หยกมณีพยักหน้าทั้งน้ำตา “หัวหน้าแก๊งคือคนในตระกูลเทียนผิง”
“พี่กต...” หยกมณีหน้าซีดเมื่อเห็นพี่ชายกระอักออกมาเป็นเลือดอีกครั้ง อลงกตตาพร่ามัว ลมหายใจรวยรินลงทุกขณะ หยกมณีมองมือหนาที่รูดลงไปเรื่อยๆ อย่างใจหาย ดวงตาคมโตเบิกกว้างอย่างตกตะลึง
“พี่กตไม่นะคะ พี่ต้องไม่ทิ้งหยกไปแบบนี้นะ” หยกมณีเรียกพี่ชายทั้งน้ำตา และแล้วลมหายใจสุดท้ายของอลงกตก็หลุดลอยออกจากร่างไปอย่างไม่มีวันกลับ
“พี่กต! พี่กต! ฮือ ฮือ ฮือ” หยกมณีกอดร่างพี่ชายอย่างเสียใจ ในขณะที่รถของเหวินหรงก็วิ่งวนไปวนมาอยู่หลายเที่ยว
หยกมณีผละจากร่างไร้วิญญาณไปแอบมองพวกมันอย่างโกรธแค้น ก่อนจะกลับมานั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ข้างศพ คิดหาทางออกสำหรับเรื่องทั้งหมด ใบหน้าเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาก้มมองกล้องในมือที่พี่ชายยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อกำจัดคนชั่ว
“หยกจะสานต่องานของพี่ให้สำเร็จค่ะ พี่หลับให้สบายนะคะไม่ต้องห่วงหยก” เธอยกมือปาดน้ำตาออกจากแก้มแล้ววิ่งขึ้นไปบนห้องนอน จัดการถ่ายข้อมูลจากกล้องลงในแฟลชไดรฟ์ และเก็บทุกอย่างลงกระเป๋าสะพาย มือก็ปาดน้ำตาออกจากแก้มเป็นระยะ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยหญิงสาวก็เปลี่ยนเสื้อผ้า จากนั้นก็หอบผ้าห่มลงไปห่อร่างพี่ชายไว้แล้วลากไปขึ้นรถอย่างทุลักลุเท
“ทนเจ็บหน่อยนะคะพี่ หยกจะพาพี่ไปหาหลวงลุงที่วัด” หยกมณีออกแรงยกร่างพี่ชายไปนอนเบาะหลัง กว่าจะสำเร็จก็ทำเอาเธอหอบเหนื่อยแทบหมดแรง หญิงสาวขับรถออกจากบ้านไปไม่นาน รถของเหวินหรงก็วิ่งผ่านมาและหยุดมองบ้านของเธออย่างสงสัย
“รถมันวิ่งมาทางนี้ หายไปไหนวะ” เหวินหรงบ่นอย่างหงุดหงิดและมองเข้าไปในบ้าน แต่ก็ไม่เห็นความผิดปกติใดๆ
“มันโดนยิงขนาดนั้นไม่น่ารอดนะพี่เหวิน” ลูกน้องคนหนึ่งออกความเห็น เหวินหรงนิ่งคิดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะเอ่ยอย่างร้อนใจ
“ให้คนของเราสืบหาที่โรงพยาบาล เผื่อมันจะไปรักษาตัว ไป!” รถวิ่งออกสู่ถนนใหญ่ตามคำสั่งตรงไปที่โรงพยาบาลใกล้ๆ เพื่อหาเบาะแสคนที่รู้ความลับของแก๊งกุหลาบไฟ เพราะถ้าหากภาพและข้อมูลหลุดออกไป ปัญหาใหญ่จะตามมาอย่างแน่นอน
***
