บท
ตั้งค่า

9 น้ำตก

“ผมต้องขอโทษด้วยจริง ๆ นะครับ ผมไม่สามารถพอคุณกลับฝั่งได้...”

“ทำไมล่ะคะ คุณเป็นคนพาฉันมา...ทำไมคุณถึงจะพาฉันกลับไปไม่ได้...แล้วอีกอย่างฉันก็ไม่เคยรู้จักคุณมาก่อนด้วย ทำไมคุณถึงได้พาฉันมาที่นี่”

“ผมขอโทษนะครับ แต่มันมีความจำเป็นจริง ๆ ถึงเวลาคุณจะรู้เองครับว่าทำไมผมถึงได้พาคุณมาที่นี่ แต่ตอนนี้คุณต้องอยู่ที่นี่ ทำงานที่นี่ไปก่อน...”

ประโยคสนทนาเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา พาให้หญิงสาวร่างบอบบางได้แต่นั่งน้ำตาซึมไกวขาอยู่ที่ชานกระท่อม ใบหน้าหวานเศร้าหมอง

“ข้าวจะทำยังไงดีคะแม่บัว...” เสียงหวานพูดไปตามสายลม ตอนนี้เธอกลับมาที่กระท่อมหลังเดิมในตอนที่เธอฟื้นขึ้นมา...

เพราะหมอกบอกว่านายหัวเจ้าของที่นี่ ไม่อนุญาตให้เธออยู่บ้านใหญ่ หรือพักกับป้าสาย ที่พักของเธอคือที่นี่เท่านั้น ด้วยเพราะเป็นคนต่างถิ่น ไม่ชอบมีปากมีเสียง และรู้ว่าตัวเองนั้นไม่มีสิทธิ์ที่จะอยู่อาศัยตามใจชอบเพราะที่นี่มันไม่ใช่บ้านของเธอ ทำให้เธอต้องกลับมาอยู่ที่กระท่อมคนเดียวอย่างเลี่ยงไม่ได้ แต่ก็ยังดีที่อย่างน้อยป้าสายและเฟื่องนั้นเอาของมาให้และนั่งเล่นเป็นเพื่อน จนถึงเวลาที่ต้องทำงานแล้วจึงพากันออกไป

นั่งรับลมทะเลอยู่นานพิมพกานต์ก็เริ่มรู้สึกเหนียวตัวขึ้นมา

ก่อนจะตัดสินใจลุกขึ้นเดินสำรวจรอบ ๆ บริเวณที่ตัวเองอยู่ เธอต้องอยู่ที่นี่อีกเป็นเดือนเลยกว่าจะกลับฝั่งได้ ถ้ามัวแต่นั่งซึมแบบนี้คงมีแต่เสียเวลาเปล่า

“สู้ ๆ ข้าวหอม เธอทำได้” เดินมาได้ไม่ถึงห้านาทีก็ได้ยินเสียงน้ำไหล พิมพกานต์จึงตัดสินใจเดินตามเสียงไป ก่อนจะพบกับน้ำตกเล็ก ๆ ซ่อนอยู่ในป่าหลังกระท่อม

“สวยจัง”

คนตัวเล็กหย่อนตัวนั่งลงบนโขดหิน ก่อนจะกวักน้ำขึ้นล้างหน้า

“ถ้ามาอาบตรงนี้จะมีใครเข้ามาไหมนะ” หลังจากนั่งชื่นชมความงามของน้ำตกอยู่นาน ความรู้สึกเหนียวตัวที่ได้จากการนั่งรับลมทะเลอยู่ชานกระท่อม ก็ทำให้เธออยากอาบน้ำขึ้นมา แต่ทว่าจะกลับไปอาบที่กระท่อมน้ำก็ไหลเป็นบางช่วง

นั่งแช่เท้าอยู่เมื่อนั่งดูลาดเลาอยู่สักพัก เดินดูรอบ ๆ อีกนิดหน่อย ก็ไม่เห็นว่าจะมีใครเดินเข้ามาแถวนี้เลย พิมพกานต์จึงตัดสินใจเดินกลับไปเอาอุปกรณ์อาบน้ำที่ได้มาจากป้าสายที่กระท่อม และเดินกลับมาที่น้ำตกอีกครั้ง เพื่อที่จะอาบน้ำเพราะตอนนี้บ่ายแก่ใกล้จะค่ำแล้ว ถ้ามัวแต่ชักช้าเธอกลัวว่าจะมืดซะก่อน

“อื้ม สดชื่นนจัง” น้ำใสถูกกวักขึ้นมาอาบอย่างอารมณ์ดี อย่างน้อย ๆ ถึงจะมีเรื่องแย่ ๆ เกิดขึ้น แต่การได้อาบน้ำที่น้ำตกสวย ๆ แบบนี้ก็พอให้เป็นเรื่องที่ดีลบล้างเรื่องแย่ ๆ อยู่บ้าง ผ้าถุงผืนบางที่นุ่งอยู่แนบไปตามเนื้อตัวของพิมพกานต์เพราะถูกน้ำ พาให้เห็นสัดส่วนของเธอได้ชัดเจน ผิวขาวนวลน่าสัมผัสถูกสาวลูกไล้อย่างเบามือ ก่อนจะส่งเสียงร้องเบา ๆ เมื่อรู้สึกดีกับการอาบน้ำในตอนนี้

“อาห์ ดีจัง” ผมดำขลับยาวสลวยเกือบถึงบั้นท้ายถูกปล่อยลงมาให้ถูกน้ำเช่นกัน ก่อนที่มือบางจะยกขึ้นยีเบา ๆ เพื่อทำความสะอาด

ภาพหญิงสาวร่างบอบบางรูปร่างเย้ายวนอาบน้ำตรงหน้า พาให้คนเนื้อตัวมอมแมมจากการลงบ่เลี้ยงมุกเผลอเดินเข้าไปใกล้ ๆ อย่างไม่รู้ตัว...เสียงคลื่นน้ำกระทบที่ดังขึ้นทำให้คนที่กำลังขัดสีฉวีวรรณอยู่ ต้องหันมองตามเสียงก่อนจะต้องร้องตกใจ เมื่อพบชายชาตรีรูปร่างกำยำเดินเข้ามาทางที่เธออยู่ เขาเปลือยอกโชว์หน้าท้องที่อัดแน่นไปด้วยมัดกล้ามเรียงตัวสวย แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกดี เธอรู้สึกตกใจกลัวถึงจะถูก

“คุณเป็นใคร” มือบางยกขึ้นป้องอกตัวเองและจับปกผ้าถุงไว้แน่น เท้าเล็ก ๆ ก้าวถอยชายหนุ่มตรงหน้าด้วยความหวาดกลัว ดวงตากลมสวยไหวสั่นน้อย พร้อมกับจ้องหน้าชายหนุ่มตรงหน้าไม่ว่างตา เพื่อคอยสังเกตดูว่าเขาจะทำอะไร แต่ทว่ายิ่งมองเท่าไหร่กลับยิ่งคุ้นหน้าเขามาเท่านั้น

ด้านคนที่เดินลงน้ำมาเขาก็ไม่ได้ตอบอะไร เอาแต่เดินไล่ตามเธอไปเรื่อย ๆ แววตาอ่านไม่ออกมองหญิงสาวที่เนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว

“ยะ อย่าเข้ามานะ....” เสียงหวานร้องห้ามชายหนุ่มที่เดินเข้ามาใกล้เรื่อย ๆ สีหน้าเขานั้นเรียบนิ่งจนเธอไม่สามารถเดาอะไรได้เลย ก่อนจะต้องหวีดร้องออกมาอีกครั้งเมื่อเดินถอยหลังหนีเขาแต่ผืนดินใต้น้ำข้างล่างนั้นต่างระดับ ทำให้เธอหงายหลังอย่างไม่ทันตั้งตัว

“วร้าย” เปลือกตาปิดสนิทพร้อมกับกลั้นหายใจ เตรียมสำลักน้ำในทันที แต่ทว่ากลั้นอยู่นานก็ยังไม่รู้สึกอะไรเธอจึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ก็เห็นว่าตัวเองอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่งของใครบางคนอยู่ ซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้ชายคนเมื่อกี้นั่นเอง... ดวงตากลมใสสบเข้ากับดวงตาคมของเขาอย่างไม่รู้ตัว ก่อนที่ภาพของใครบางคนจะซ้อนทับเขามา... เธอจำได้แล้วทำไมเธอถึงรู้สึกขึ้นหน้าของเขา รู้สึกคุ้นเคยในสัมผัสของเขา...

“ข ขอบคุณค่ะ” เมื่อไม่อาจสบตากับเขาได้ต่อ พิมพกานต์จึงต้องเสมองไปทางอื่น ก่อนจะเอ่ยขอบคุณเขาพร้อมกับอกมือขึ้นผลักเขาออก ซึ่งเขาก็ยอมปล่อยเธอแต่โดยดี

“ผมเป็นคนงานที่นี่ ผมมาอาบน้ำ” ชายหนุ่มตอบเสียงเรียบ

“ถ้าอย่างงั้นเชิญคุณอาบได้เลยค่ะ ข้าวขอตัวก่อน” พูดจบก็เตรียมตัวจะเดินหนี เพราะเธอไม่อาจจะยืนอยู่ตรงนี้ได้ต่ออีก ทั้งเขินเขา

ทั้งอายเขา แถมหัวใจ...ยังเต้นแรงมาก ๆ เพราะเขาอีก

“เดี๋ยวก่อน” มือหน้าคว้าหมับเข้าที่ท่อนแขนเรียวของหญิงสาวหน้า ก่อนจะพูดต่อเมื่อเธอหันกลับมา

“คุณไม่สบายรึเปล่าครับ หน้าคุณดูแดง ๆ” ไม่ว่าเปล่าฝ่ามือหนายังยกขึ้นบังหน้าผากมนเผื่อวัดอุณหภูมิเทียบกับหน้าผากของตัวเอง

“มะ ไม่เป็นไรค่ะ ข้าวสบายดี ขอตัวก่อนนะคะ...วร้าย”

“ระวังหน่อยครับ น้ำตรงนี้หินเยอะ” เสียงทุ้มเอ่ยบอกคนในอ้อมแขน

“ขอบคุณอีกครั้งนะคะ...อ้ะ” คนกำลังจะผละออกจากร่างหนาตรงหน้าร้องเสียงหลงทันที เมื่อความเจ็บปวดที่ข้อเท้าแล่นเข้ามา

“เป็นอะไรรึเปล่าครับ”

“ขาค่ะ เหมือนขาข้าวจะแพลง” พูดจบเพียงเท่านั้นก็ถูกเขาช้อนตัวคุณอุ้มในทันที

“ค คุณ”

“ขึ้นฝั่งก่อนครับ เดี๋ยวผมดูให้”

“เอ่อ ข้าว...ฉันว่า...” เสียงหวานเตรียมจะร้องห้าม เมื่อเขาวางเธอลงบนโขดหินก่อนจะย่อตัวนั่งลงดูข้อเท้าให้เธอ เพราะคุ้นชินกับการแทนตัวเองว่าข้าวมาโดยตลอด ไม่ว่าจะไปที่ให้ ทำให้เธอเผลอแทนตัวเองแบบนี้กับเขาคนที่พึ่งเจอกันไม่ถึงชั่วโมง เมื่อรู้ตัวว่าเขาอาจจะไม่ชอบที่เธอทำตัวเหมือนสนิทสนมแบบนี้ พิมพกานต์จึงรีบเปลี่ยนคำเรียกแทนตัวเองทันที

“แทนตัวเองว่าข้าวก็ได้ครับ ผมว่าน่ารักดี” เขาเงยหน้าบอก

ซึ่งคำพูดเรียบ ๆ ของเขานั้นทำให้หญิงสาวหน้าแดงในทันที ก่อนที่จะก้มดูเท้าข้อเท้าให้เธอต่อ มือหนาจับเท้าเรียวเล็กของเธอหมุนไม่มาเพื่อรักษาอาการเบื้องต้นให้

“มันบวมนิดหน่อย ต้องยกเท้าสูง ๆ ห้อยขาแบบนี้นานจะทำให้มันอาจบวมกว่าเดิมและทำให้คุณปวดกว่าเดิมได้ ต้องยกเท้าขึ้นสูง ๆ ทำตอนนี้คงไม่สะดวกเท่าไหร่ ที่พักคุณอยู่ตรงไหนครับ ผมจะพาไปส่ง” ว่าจบก็เงยหน้าขึ้นมองเธอที่มองเขาอยู่ก่อนแล้ว

“ด เดี๋ยวข้าวไปเองก็ได้” เมื่อเห็นเขาทำท่าจะเข้ามาอุ้ม พิมพกานต์ก็ร้องห้ามในทันที ก่อนจะหลบสายตาเขา แค่นี้เธอก็ทำตัวไม่ถูกแล้ว... อีกอย่างทำตอนนี้มันก็ไม่สะดวกจริง ๆ อย่างที่เขาว่า มือบางยกขึ้นป้องอกทันที เมื่อคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

“หึ...คุณเดินไม่ไหวหรอก เชื่อผมสิ” เขาว่า

“ข้าว วะ ไหว อ้ะ” คนดื้อตั้งท่าจะลุกขึ้นเดินเพื่อพิสูจน์ให้เขาดู แต่ทว่าก็ต้องนิ่วหน้าด้วยความเจ็บปวด

“เห็นไหมครับ”

“ถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณด้วยนะคะ” พิมพกานต์เอ่ยบอกคนตรงหน้าที่หยัดตัวลุกขึ้น ก่อนจะโน้มตัวเข้ามาใกล้เธอเรื่อย ๆ จนตอนนี้ใบหน้าของเธอและเขาห่างกันไม่ถึงคืบเท่านั้น ดวงตากลมปิดแน่นทันทีอย่างทำตัวไม่ถูก เธอไม่รู้ว่าควรผลักไสเขา หรือควรทำอย่างไรกับสถานการณ์ตรงหน้าดี ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ จนหัวใจดวงน้อยของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ ก่อนจะต้องรีบลืมตาขึ้นมากับประโยคของเขา

“คลุมไว้ก่อนครับ” ผ้าขนหนูผืนเล็กที่วางอยู่ด้านหลังของเธอ

ถูกยื่นให้เธอ ก่อนจะหันหลังให้ ให้เธอได้จัดการตัวเอง

“ขะ ขอบคุณนะคะ...”

“เสร็จแล้วบอกผมนะครับ”

“เสร็จแล้วค่ะ” หลังจากเช็คปมผ้าถุง และรวบผมตัวเองเรียบร้อยแล้วพิมพกานต์ก็เอยของเขา

“คล้องคอผมไว้ก็ได้ครับ ถ้ากลัวตก”

“ค ค่ะ”

“ข้าวขอถามอะไรคุณได้ไหมคะ” หลังเดินมาได้สักพักพิมพกานต์ก็ถามขึ้น

“ต้องดูก่อนนะครับ ว่าผมตอบได้รึเปล่า”

“คำถามนี้คุณตอบได้แน่นอนค่ะ” พิมพกานต์พูดขึ้น พร้อมกับมองไปยังทางเดินที่เขากำลังเดินอยู่ตอนนี้ ให้มองหน้าอกที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขาใจเธอก็วูบไหวแปลก ๆ และยิ่งเงยขึ้นมองใบหน้าหล่อคมเข้มของเขาด้วยแล้ว...ยิ่งแล้วไปใหญ่

“คำถามนี้คุณตอบได้แน่นอนค่ะ”

“งั้นก็ลองถามดูครับ”

“คุณชื่ออะไรคะ...” สิ้นเสียงของพิมพกานต์ เสียงหัวเราะน้อย ๆ ของเขาก็ดังขึ้น ทำให้เธอต้องกันมองอย่างเลี่ยงไม่ได้ เขาตลกอะไรกัน

“ผมลืมแนะนำตัวไปเลย ผมชื่อธีร์ครับ”

“ธีร์หรอคะ?”

“ใช่ครับ มีปัญหาอะไรรึเปล่า”

“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร...ชื่อของคุณคุ้นหูข้าวมากเลย” คุ้นเหมือนกับว่าพึ่งไปได้ยินมาเมื่อไม่นานนี้

“เหมือนชื่อเจ้าของเกาะใช่ไหมครับ”

“จริงด้วยค่ะ เจ้าของเกาะที่ป้าสายบอกชื่อธีร์”

“เอ๋ คุณคงจะไม่ใช่เจ้าของเกาะหรอกใช่ไหมคะ” พิมพกานต์ว่าอย่างยิ้ม ๆ เจ้าของเกาะคงไม่อายุน้อยแบบนี้ อีกอย่างเป็นถึงเจ้าของเกาะก็คงจะไม่ทำงานจนผิวคล้ำแดด เนื้อตัวมอมแมมจนต้องมาอาบน้ำที่น้ำตกแบบเขา...ในความคิดของเธอเจ้าของเกาะน่าจะอยู่ในวัยกลางคน หรือไม่ก็เป็นคนมีอายุระดับหนึ่ง

“ทำไมครับ อย่างผมเป็นเจ้าของไม่ได้หรอ” เห็นเธออมยิ้มก็อดไม่ได้ที่จะถาม

“ข้าวไม่ได้เจตนาจะดูถูกหรืออะไรนะคะ คุณธีร์เป็นได้ค่ะ...ข้าวแค่คิดว่าการจะเป็นเจ้าของเกาะได้น่าจะอายุมากกว่านี้หน่อย แล้วอีกอย่าง...เป็นถึงเจ้าของเกาะคงจะไม่ทำงานจนผิวคล้ำตัวมอมแบบนี้หรอกใช่ไหมคะ” ตอนแรกที่หันไปเห็นเขาเธอจำได้ว่าที่ตัวของเขามีเศษดินโคลนติดอยู่ อีกอย่างเขาก็บอกเธอก่อนหน้านี้เองว่าเขาเป็นคนงานที่นี่เธอจำได้

“แล้วเป็นเจ้าของเกาะทำงานไม่ได้หรอครับ”

“ทำได้ค่ะ แต่ข้าวแค่ไม่คิดว่าเจ้าของเกาะจะทำงานหนักแบบนี้” ที่เธอเห็นไม่ว่าจะเป็นเจ้าของโรงแรม ร้านอาหาร หรือเจ้าของกิจการอื่น ๆ ส่วนมากเขามักจะใช้สมองมากกว่าลงแรงกันทั้งนั้น แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไรที่จะลงแรง เพียงแต่ส่วนน้อยมาก ๆ ที่เธอเห็น แต่ทว่าความตอบในมุมของเธอกลับทำให้เขาคิดไปอีกอย่าง

“เอ๋ หรือว่าคุณธีร์เป็นเจ้าของเกาะคะ” อยู่ ๆ ก็มีความคิดแวบเข้ามาในหัว พิมพกานต์จึงเอ่ยถามออกไป โดยที่ยังไม่ทันได้คิดหน้าคิดหลังเลยแม้แต่น้อย

“ก็อย่างที่คุณบอก เจ้าของเกาะที่ไหนจะทำงานหนัก”

“เหอะ ให้นั่งกินนอนกินรอรับเงินงั้นหรอ”

“เมื่อกี้คุณธีร์ว่าอะไรนะคะ” ประโยคแรกนั้นเธอได้ยิน แต่ประโยคถัดมาเหมือนกับเขาพึมพำกับตัวเองซะมากกว่า

“เปล่าครับ ไม่มีอะไร”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel