10 ข้าวไข่เจียวสื่อรัก
ระยะทางจากน้ำตกถึงกระท่อมไม่ไกลมากนักทำให้ใช้เวลาเดินไม่นานก็มาถึงกระท่อมที่พิมพกานต์อยู่ ชายหนุ่มพาเธอเดินขึ้นบันไดกระท่อมมา ก่อนจะใช้หลังดันเปิดประตูเข้าไปด้านใน คนตัวเล็กถูกวางไว้บนที่นอนสีขาวสะอาดบนพื้นแผ่วเบา
“ขอบคุณนะคะ” พูดจบก็ส่งยิ้มน้อย ๆ ให้เขา
"คุณนั่งรอตรงนี้ก่อนนะครับ ผมจะไปเอาน้ำแข็งมาประคบให้"
“ค่ะ”
“ระหว่างรอพยายามยกขาสูง ๆ ไว้นะครับ” ก่อนจะเดินพ้นประตูบ้านก็ไม่ลืมที่จะหันมาบอกหญิงสาวที่มองตามหลังมา
“ค่ะ”
ลับหลังของเขาไปแล้วพิมพกานต์ก็ไม่ได้นั่งนิ่งตามที่เขาบอก
เธอพยายามเดินเขย่งเท้าไปยังกล่องเก็บเสื้อผ้าที่ได้รับมาจากป้าสาย
ก่อนจะเลือกหาเสื้อผ้ามาใส่และเดินเข้าห้องน้ำไป จะให้นั่งรอจนเขากลับมาทั้งที่ตัวยังเปียกและอยู่ในสภาพกึ่งโป๊แบบนี้เธอทำไม่ได้
หลังจากเปลี่ยนชุดแล้วก็เดินออกมานั่งรอเขาอยู่หน้าบ้าน
แต่ทว่านั่งรออยู่นานก็ไม่มีวี่แววว่าเขาจะกลับมา ชะเง้อหามองอีกก็ยังไร้เงาของเขา ดวงตาคู่สวยเริ่มหม่นแสงลงเช่นเดียวกับดวงอาทิตย์ที่กำลังลับขอบฟ้าในตอนนี้
เมื่อไม่เห็นว่าเขาจะมาสักที พิมพกานต์จึงตัดสินใจเดินเข้าบ้านไป ก่อนจะค่อย ๆ เดินไปยังครัวเพื่อหาอะไรง่าย ๆ ทำกิน แต่อะไรง่าย ๆ ที่ว่านั้นก็ไม่ง่ายเลยเมื่อมันไม่มีเตาแก๊สมีแต่เตาถ่านเท่านั้นที่เธอสามารถใช้ได้ แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็สามารถประกอบอาหารได้ เพราะตอนช่วยแม่บัวทำกับข้าวนั้นก็ใช้เตาถ่านทำอาหารขายเหมือนกัน มีแต่ช่วงที่แม่บัวป่วยและเธอต้องไปเรียนเท่านั้นถึงได้เปลี่ยนมาใช้เตาแก๊ส
เวลาผ่านไปอยู่พักใหญ่ ไข่เจียวฟูนุ่มหนึ่งจาน บางกรอบหนึ่งจานก็แล้วเสร็จ พร้อมกับขาวสวยหุงสุก เธอไม่ได้ทำให้ตัวเองแค่ตัวเอง
แต่เธอทำเผื่อใครบางคนที่เธอกำลังเฝ้ารอเขาอยู่ด้วย...
อันที่จริงเธอไม่ค่อยหิวเท่าไหร่ ที่ทำนั้นก็ทำให้เขาเท่านั้น แต่ทว่านั่งมองจากข้าวสลับกับประตูอยู่นานก็ยังไม่มีวี่แววว่าเขาจะมา
“เกิดอะไรขึ้นรึเปล่านะ” เพราะไม่มีโทรศัพท์หรือเครื่องมือสื่อสารติดตัวเลย นาฬิกาในกระท่อมที่เธออยู่ตอนนี้ก็ไม่มีทำให้เธอไม่สามารถรู้ได้เลยว่าตอนนี้นั้นกี่โมงแล้ว แต่ถ้ากะ ๆ เอาจากช่วงเวลาตั้งแต่พระอาทิตย์ตกดินไปเธอคิดว่ามันน่าจะสองทุ่มแล้ว...ถึงจะผ่านมานานขนาดนี้แล้วคนที่มองว่าไปเอาน้ำแข็งก็ยังไม่กลับมาเลย
“ผมขอเขาไปนะครับ” และเวลาที่แสนยาวนานที่พิมพกานต์รอคอยก็สิ้นสุดลง เมื่อคนที่เธอเฝ้ารอนั้นมาถึง
“เข้ามาได้เลยค่ะ” พอเขาเดินเข้ามาแล้วเธอก็อดไม่ได้ที่จะมองสำรวจเขา...ชุดที่เขาสวมใส่นั้นเปลี่ยนไป เป็นเสื้อผ้าฝ้ายสีขาวตัวบางกับกางเกงขายาวสีเข้ม เหมือนกับชุดนอนกลาย ๆ เขาคงจะไปอาบน้ำมาสินะ แต่ก็ไม่น่าจะไปนานขนาดนี้นี่นา...
“พอดีว่าผมไปทำงานให้คุณธีร์มาน่ะครับ ต้องขอโทษด้วยนะครับที่ทำให้คุณรอนาน”
“ไม่เป็นไรค่ะ” พอได้ยินเหตุผลที่หายไปนานเธอก็ยิ้มตอบเขา อันที่จริงเขาไม่ต้องบอกเธอด้วยซ้ำ เขาทำแบบนี้มันยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยของเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ
“ถ้าอย่างงั้นผมขอดูขาให้คุณต่อนะครับ” พูดจบก็เดินไปหย่อนตัวลงข้างหน้าเธอ อย่างไม่สนใจอาหารที่วางอยู่เลยแม้แต่น้อย
ส่วนพิมพกานต์ที่เห็นเขานั่งลงก็ค่อย ๆ ยืนเท้าออกไปให้เขาได้ดู
“ไม่ได้ยกขาไว้สูงอย่างที่ผมบอกใช่ไหมครับ” มือหนาที่จับเท้าของเธอมาตรวจดู ก่อนจะเงยหน้าพูดขึ้นเมื่อเห็นว่ามันบวมกว่าเดิม
“ค่ะ”
“คุณก็ดื้อเหมือนกันนะครับ” ชายหนุ่มว่าอย่างยิ้ม ๆ
“คุณธีร์!” พิมพกานต์แห้วใส่เขาทันที ก่อนจะหยุดลงเมื่อเห็นก้มหน้าตั้งใจประคบเย็นให้ พร้อมกับจับเท้าเธอหมุนไปมาอย่างไม่นึกรังเกียจเลยแม้แต่น้อย มันทำให้เธออบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูก นอกจากแม่บัวแล้วก็ไม่มีใครดูแลเธอดีแบบนี้มาก่อนเลย...
“ถ้าเจ็บบอกผมนะครับ”
“ค่ะ”
“เสร็จแล้วหรอคะ” พิมพกานต์ถาม เมื่อเห็นเขาผละออก ระหว่างที่ทำไม่มีความรู้สึกเจ็บเลยแม้แต่น้อย
“ครับ”
“ขอบคุณนะคะ...เอ่อ ถ้าไม่รังเกียจเชิญคุณธีร์กินข้าวด้วยกัน ถือเป็นการตอบแทนที่คุณธีร์ดูแลข้าว” ระหว่างพูดก็รู้สึกกระดากปากตัวเองอยู่ไม่น้อย เพราะเธอไม่เคยเชิญผู้ชายกินข้าว มีแต่พี่แจ๊สที่เธอทำอาหารให้ แต่ก็ไม่ได้นั่งทานด้วยกัน แบบที่มันกำลังจะเกิดขึ้นต่อจากนี้
“ไม่เป็นไรหรอกครับเรื่องแค่นี้เอง”
“แต่ข้าวเกรงใจนี่คะ แต่ถ้าคุณธีร์ทานมาแล้วก็ไม่เป็นไรค่ะ”
“ยังครับ ผมยังไม่ได้ทานอะไรมา...แต่ว่าผมไม่อยากรบกวนคุณ”
“ไม่รบกวนค่ะ ข้าวเต็มใจ” ว่าจบก็หันหน้าหนีเขาไปทางอื่น เพราะเธอรู้ตัวดีว่าตอนนี้หน้าเธอคงจะแดงมากเลยทีเดียว
“หรอครับ”
“ค่ะ แต่ข้าวไม่รู้ว่าคุณธีร์ชอบแบบไหน แบบฟูนุ่มหรือแบบบางกรอบ ข้าวเลยทำมาสองแบบเลย”
“แล้วคุณชอบทานแบบไหนครับ”
“อืมม ข้าวทานได้หมดเลยค่ะ”
“แต่ผมเป็นคนทานยากนะครับ ถ้าไม่ถูกปากผมคงต้องเสียมารยาท” ชายหนุ่มเลือกบอกไปตามตรง
“ไม่เป็นไรค่ะ ข้าวเข้าใจวันนี้ข้าวเจ็บขาอยู่เลยทำอะไรไม่ได้มาก ถ้าไม่ถูกปากยังไงไว้วันหลังข้าวจะทำให้ทานใหม่นะคะ”
“ครับ...ถ้าอย่างนั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ”
“เป็นยังไงบ้างคะ พอทานได้รึเปล่า” คนทำลุ้นตัวโก่งกลัวเขาจะไม่ชอบ ตั้งแต่ทำอาหารมาเธอไม่เคยกังวลเรื่องคนกินมากเท่านี้เลย เพราะไม่ว่าจะทำครั้งไหนทุกคนล้วนแล้วแต่เอ่ยปากชมไม่หยุด แต่ทว่าครั้งนี้เพราะเป็นเขารึเปล่านะเธอถึงได้กังวล เธออยากให้เขาชอบ ชอบอาหารที่เธอทำ
“อืม พอทานได้ครับ”
“โล่งอกไปทีค่ะ”
“ขนาดนั้นเลยหรอครับ” ชายหนุ่มว่าอย่างยิ้ม ๆ
“ข้าวกลัวคุณธีร์จะทานไม่ได้น่ะค่ะ คุณธีร์อุตส่าห์ลำบากช่วยข้าว แต่ข้าวตอบแทนอะไรคุณธีร์ไม่ได้เลย”
“ใครว่าล่ะครับ รอยยิ้มของคุณไงครับ แค่คุณยิ้มให้ผมก็ถือว่าตอบแทนผมได้มากแล้ว...ไข่เจียวอร่อย ๆ นี่ก็เหมือนกันครับ”
“คุณธีร์...”
“ทานกันเถอะครับ เดี๋ยวจะเย็นหมดซะก่อน”
หลังจากนั้นเขาและเธอกันทานอาหารด้วยกันต่ออย่างเงียบ ๆ ไม่มีใครพูดอะไรออกมา เพราะต่างคนต่างอยู่ในความคิดของตัวเอง พอทานเสร็จชายหนุ่มก็อาสาเอาจานไปเก็บก่อนจะกลับมาดูเท้าที่แพลงให้เธอต่อ โดยที่ในตอนนี้เธอนอนอยู่บนที่ฟูกนอน ส่วนขานั้นพาดไว้บนตักแกร่งของเขา เพราะเขาบอกให้เธอนอนลงจะได้ยกขาสูง ๆ สะดวก
“คุณพึ่งมาอยู่ที่นี่หรอ ทำไมผมไม่เคยเห็นคุณมาก่อนเลย” หลังจากดูข้อเท้าให้เธอเสร็จเลย ชายหนุ่มจึงเอ่ยถาม
“ค่ะ ข้าวพึ่งมาอยู่ได้สามสี่วัน เอ่ออย่าเรียกข้าวว่าคุณเลยนะคะมันรู้สึกแปลก ๆ ยังไงไม่รู้ เรียกข้าวเฉย ๆ ก็ได้ค่ะ”
“แต่คุณก็ยังเรียกผมว่าคุณธีร์เลยนี่ครับ”
“ก็ข้าวไม่รู้ว่าต้องเรียกคุณว่าอะไรดีนี่คะ”
“คุณน่าจะอายุน้อยกว่าผม...งั้นเรียกผมว่าพี่ธีร์ก็ได้ครับ”
“พ พี่ธีร์หรอคะ” แม้มันจะรู้สึกอบอุ่นหัวใจ แต่มันก็มีความรู้สึกแปลก ๆ แทรกเข้ามาด้วย ไหนจะสายตาที่เขามองมาอีก เขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่นะ เธออ่านสายตาเขาไม่ออกเลย
“ครับ พี่ธีร์ ถ้าข้าวยอมเรียกพี่ว่าพี่ธีร์ พี่ก็จะเรียกข้าวว่าข้าว...ตกลงไหมครับ” พูดจบก็ส่งยิ้มให้เธอ ยิ้มที่ทำให้เธอไม่สามารถปฏิเสธอะไรได้นอกจากพยักหน้าตอบรับไป
“ก็ได้ค่ะ...พี่ธีร์”
“เก่งมากครับ”
“พี่ธีร์! ข้าวไม่ใช่เด็กแล้วนะคะ”
“ฮ่า ๆ พี่ล้อเล่นครับ ว่าแต่ข้าวล่ะมาทำอะไรที่นี่ มาทำงานที่นี่หรอครับ” เขาถามต่อ
“จะว่าอย่างนั้นก็ได้ค่ะ อันที่จริงข้าวก็ไม่รู้เหมือนกันว่าข้าวมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง รู้ตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่แล้ว...คงจะมีเรื่องเข้าใจผิดกัน ส่วนคนที่พาข้าวมาเขาก็บอกให้ข้าวทำงานที่นี่ไปก่อน” เธอไม่รู้ว่าทำไมถึงเล่าเรื่องนี้เขาฟัง เธอรู้เพียงว่าเธอรู้สึกสบายใจที่บอกมันกับเขา
“แสดงว่าอีกไม่นานข้าวก็ต้องไปจากสินะ” เขาว่าเสียงเศร้า
“ใช่ค่ะ มีอะไรรึเปล่าคะ” เห็นเขาทำเสียงเศร้าเหมือนกับเสียใจที่เธอจะไป จึงอดไม่ได้ที่จะถาม
“เปล่าหรอกครับ...พี่แค่รู้สึกดีที่มีข้าวอยู่ใกล้ ๆ”
“พี่ธีร์...”
“จะว่าอะไรไหมครับ ถ้าพี่ขอจีบข้าว” พูดจบก็ส่งสายตาสื่อความหมายให้หญิงสาวตรงหน้าในทันที
“เอ่อ ข้าวคือข้าว...” พอเขาพูดออกมาตรง ๆ แบบนี้เธอก็ทำตัวไม่ถูกในทันที...แม้ที่ผ่านมาจะมีหลายคนแวะเวียนเข้ามาจีบแต่เธอก็ไม่เคยจะสนใจ เพราะพวกเขาเหล่านั้นไม่ใช่ผู้ชายแบบที่เธอชอบ แต่กับพี่ธีร์คนนี้... เธอมีความรู้สึกพิเศษต่อเขาตั้งแต่ที่เขาช่วยเธอจากกลุ่มอันธพาลเมื่อหลายปีก่อนแล้ว...เธอจำเขาได้ไม่เคยลืมเลยล่ะ แต่เขาคงจะจำเธอไม่ได้...
“ถ้าข้าวไม่สบายใจก็ไม่เป็นไรครับพี่ข้าวใจ ใครอยากจะคบกับคนงานบ้าน ๆ จน ๆ รูปไม่หล่อแบบพี่กัน...” ชายหนุ่มพูดเสียงเศร้า
"ไม่ใช่อย่างนั้นนะคะ ข้าวไม่ได้รังเกียจอะไรพี่ธีร์เลย...ข้าวแค่ ข้าว ข้าวทำตัวไม่ถูกค่ะ” พูดจบก็ยกมือขึ้นปิดหน้าในทันที เธอเขินเขาจะบ้าตายอยู่แล้ว...อีกอย่างใครจะไปกล้าตอบว่าให้จีบกับคนที่เจอกันไม่ถึงวันกันเล่า ถึงแม้ว่าจะเคยเจอเขามาแล้วเมื่อหลายปีก่อนก็เถอะ
“หึ” ริมฝีปากหนายกขึ้นน้อย ๆ อย่างพึงพอใจ ก่อนจะขยับตัวเข้าไปใกล้คนตัวเล็กที่นั่งปิดหน้าอยู่
“ถ้าข้าวไปตอบ พี่จะถือว่าข้าวตกลงแล้วนะ”
“...”
“เขินพี่หรอครับ” มือหน้าค่อย ๆ จับเรียวแขนที่เธอออก ก่อนจะเชยคางมนให้เธอเงยหน้าสบตาเขา ซึ่งปฏิกิริยาตอบโต้ของเธอก็ทำเอาเขาพอใจไม่ได้ ใบหน้าสวยหวานแดงก่ำพยักหน้าน้อย ๆ ทำให้เขาอดที่จะเอ็นดูไม่ได้ ก่อนจะสลัดความคิดนั้นออกไป
“พักผ่อนนะ เดี๋ยวพี่จะนอนเปลเฝ้าเราอยู่ข้างนอก” เขายอมคลายมือออกก่อนจะพูดบอกเธอ
“คะ?” นอนข้างนอก...เขาไม่กลับบ้านหรืออย่างไรกัน
“ข้าวบอกว่าพึ่งมาอยู่ที่นี่ไม่ใช่หรอ... ตอนดึก ๆ อยู่คนเดียวพี่กลัวข้าวจะกลัวอีกอย่างที่นี่ก็ไกลบ้านพักคนงานคนอื่นด้วย ถ้าเกิดว่า...มีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้นข้าวจะขอความช่วยเหลือจากใคร ขาก็เจ็บด้วย พี่เป็นห่วง”
“พี่ธีร์...ขอบคุณนะคะ”
“ครับงั้นเข้านอนนะ” มือหนายกขึ้นยีหัวคนตัวเล็กเบา ๆ ก่อนจะหยัดตัวลุกขึ้น เตรียมเดินออกไปข้างนอกเพื่อนอนเฝ้าเธอตามที่บอก
“ฝันดีนะคะ”
“ครับ ฝันดีครับ ฝันถึงพี่ด้วยนะ” เขาว่าอย่างยิ้ม ๆ ก่อนจะเดินออก ทำเอาคนที่ถูกบอกฝันดีได้แต่มุดหน้าเข้ากับหมอนอย่างเขินอาย
