บท
ตั้งค่า

8 เกาะเอื้องดาว

มือที่เริ่มเหี่ยวย่นค่อย ๆ เช็ดตามตัวของหญิงสาวตรงหน้าแผ่วเบา ผิวขาวเนียนละเอียดน่าทะนุถนอมทำเธอไม่กล้าออกแรงมากนัก

กลัวว่าจะเกิดรอยช้ำ เพิ่มขึ้นอีก แค่รอยแผลถลอกที่ขาและที่แขนก็อดใจหายไม่ได้แล้ว ผิวขาว ๆ แบบนี้ไม่ควรจะมีรอยเลยแม้แต่น้อย เพราะพอเกิดรอยแผลนิดหน่อยมันก็เห็นได้ชัดเจน ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่มันจะหายไป นึกแล้วก็เสียดาย หากไม่กลับมาเรียบเนียนดังเดิมคงจะเศร้าใจนัก

แพรขนตางอนของคนที่หมดสติไปถึงสองวันค่อย ๆ ขยับขึ้นลง พร้อมกับริมฝีบาง

“รู้สึกตัวแล้วหรอ มาป้าช่วย” หญิงวัยกลางคนที่เริ่มเข้าสู่วัยชราแล้วค่อย ๆ ช่วยพิมพกานต์ให้ลุงขึ้นนั่งพิงผนังกระท่อม

“ข ขอบคุณค่ะ” หลังจากได้ลุกขึ้นนั่งแล้ว พิมพกานต์ก็กวาดสายตาไปรอบบริเวณ ที่ที่อยู่ตอนนี้เหมือนกันเป็นกระท่อมกึ่งเก่ากึ่งใหม่หลังหนึ่ง ซึ่งเธอก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่นัก เพราะเธอไม่เคยมาอยู่ในสถานที่แบบนี้มาก่อน หลังคาทำจากหญ้าคา ตัวผนังเป็นไม้ไผ่สานเข้าหากัน หน้าต่างเองก็ด้วย

“มองหาอะไรอยู่หรอจ้ะ” สายหยุดถาม

"ขอโทษนะคะ ที่นี่ที่ไหนหรอคะ" ปากก็ถามไปแต่สายตายังคงมองสำรวจสถานที่ที่ตัวเองอยู่ไม่หยุด

"เกาะเอื้องดาวจ้ะ"

"เกาะเอื้องดาวหรอคะ…แล้วทำไมข้าวถึงมาอยู่ที่นี่ได้...ข้าวจำได้ว่าตอนนั้นข้าว…ข้าวกำลังจะข้ามถนนแล้วจากนั้น…จากนั้น"

"ป้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าหนูมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หนูไม่สบายไอหมอกมันเลยให้ป้ามาดูแลหนู หนูหลับไปสองวันเลยนะ รู้ตัวรึเปล่า"

"ส สองวัน! สองวันเลยหรอคะ"

"ใช่จ้ะ วันแรกหนูไข้ขึ้นสูงมาก วันที่สองก็มีเพ้อ ๆ วันที่สามหนูฟื้นนั่นแหละถึงอาการดีขึ้น ส่วนแผลที่ขาหมั่นทายาบ่อย ๆ ก็น่าจะไม่ทิ้งรอยไว้มาก" สายหยุดเอ่ยบอกหญิงสาวตรงหน้า

"ขอบคุณนะคะ...ถ้าไม่เป็นการรบกวนจนเกินไป ข้าวขอยืมโทรศัพท์ได้ไหมคะ..." พิมพกานต์พยายามรวบรวมสติที่มีอยู่ ก่อนจะเอ่ยขอโทรศัพท์กับคุณป้าที่ดูใจดีตรงหน้า

"ได้สิ แต่ป้าเอาโทรศัพท์เก็บไว้ที่บ้านใหญ่ ถ้ายังไงป้าจะเอามาให้นะ อ้อแล้วถ้าจะโทรก็ต้องไปแถวบ้านใหญ่ด้วย ไม่ก็เดินออกไปจากที่นี่สักสามนาที ก็จะมีสัญญาณ" เพราะกระท่อมหลังน้อยที่เธอและหญิงสาวอยู่นั้นค่อนข้างจะห่างจากบ้านพักคนงานคนอื่นมาพอสมควร ถึงจะอยู่ในโซนบ้านพักเหมือนกันก็เถอะ เพราะที่นี่เป็นกระท่อมเดี่ยวแยกตัวออกมาทำให้ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันนัก รวมถึงสัญญาณมือถือที่เข้าไม่ถึงด้วย ไม่รู้ว่าคุณธีร์คิดอะไรอยู่ถึงให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ มาอยู่ในที่แบบนี้

“ขอบคุณนะคะ” พูดจบก็ส่งยิ้มหวานเต็มใบหน้าให้

“งั้นหนูรอป้าอยู่นี่ก่อนนะ เดี๋ยวป้าไปหยิบมาให้” ว่าจบก็ตั้งท่าจะเดินออกไปเอาให้ตามที่พูด แต่เสียงหวานของหญิงสาวตรงหน้าก็เอ่ยรั้งเธอไว้เสียก่อน

“ข้าวขอไปด้วยได้ไหมคะ เอ่อ… หนูขอไปด้วยได้ไหมคะ หนูไม่อยากอยู่คนเดียว…” การอยู่คนเดียวเป็นสิ่งเธอไม่ชอบมันเลย ไม่ชอบเลยสักนิด เพราะมีอดีตที่ฝังใจทำให้เธอไม่ชอบการอยู่คนเดียว ตอนที่แม่บัวของเธอตาย เธอทำใจอยู่นานกว่าจะกล้าอยู่บ้านคนเดียวได้อย่างทุกวันนี้ แต่นี่ต่างที่ต่างทาง มีคุณป้าใจดีให้รู้จักแล้ว พอป้าหันหลังจะเดินจากไป มันก็เหมือนมีภาพในอดีตตอนเธอถูกทิ้งไว้ในที่ที่เธอไม่รู้จัก ซ้อนทับเข้ามา

“ได้สิ”

“ขอบคุณค่ะ” พอได้รับอนุญาตแล้วก็ค่อย ๆ ขยับตัวลุกขึ้นทันที แม้จะมีเจ็บ ๆ อยู่บ้างแต่เธอก็พออดทนไหว

“หนูชื่อข้าวสินะ” เดินมาได้สักพักสายหยุดก็ถามขึ้น

“ค่ะ หนูชื่อข้าวหอมคุณป้าจะเรียกหนูว่าข้าวเฉย ๆ ก็ได้”

“แทนตัวเองว่าข้าวเหมือนตอนแรกก็ได้จ้ะ ป้าว่ามันน่ารักดีนะ” ว่าจบก็ส่งยิ้มให้ เธอชอบหญิงสาวคนนี้เหลือเกิน เหมือนกับว่าถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็นเลยก็ว่าได้ กิริยามารยาทงดงาม อ่อนโยน หน้าตาก็สะสวย หากให้เธอเดาหญิงสาวคนนี้ก็ต้องมีจิตใจที่ดีด้วยอย่างแน่นอน เธอสัมผัสมันได้

“ได้ค่ะ คุณป้าล่ะคะ ข้าวหอมยังไม่รู้จักชื่อของคุณป้าเลย”

“ป้าชื่อสายหยุด จะเรียกป้าสายเหมือนคนอื่น ๆ ก็ได้ ป้าเป็นหัวหน้าแม่บ้านของคุณธีร์เจ้าของเกาะนี้น่ะ มีปัญหาอะไรก็มาหาป้าได้ตลอดเลยนะ”

“เอ้อ ส่วนตรงนั้นเป็นบ้านพักคนงานนะ มีทั้งชายและหญิงบางคนเขาก็อยู่แบบครอบครัว ถ้าใครโสดก็จะอยู่คนเดียว” เมื่อเดินมาได้สักพักสายหยุดก็เอ่ยบอก เธอรู้มาจากหมอกว่าหนูข้าวหอมคนนี้จะมาทำงานที่นี่ แม้จะเสียดายในรูปร่างหน้าตา แต่เธอก็ทำอะไรไม่ได้

“ส่วนที่ทำงานของหนูข้าวจะอยู่อีกฝั่งนะ”

“คะ?” จากที่กำลังฟังคุณป้าตรงหน้าอธิบายเพลิน ๆ เสียงหวานก็ร้องท้วงขึ้นมาทันที ที่ทำงาน ที่ทำงานอะไรกัน

“ก็ไอ่หมอกมันบอกป้าว่าหนูข้าวจะมาทำงานที่นี่ หนูไม่ได้จะมาเป็นคนงานหรอกหรอ”

“ข้าวว่าคงมีการเข้าใจผิดแล้วล่ะค่ะ ข้าวไม่ได้มาทำงานที่นี่ค่ะ ข้าวอยู่ที่กรุงเทพ บ้านข้าวอยู่ที่นั่น..แล้วข้าวก็เรียนที่นั่นด้วยค่ะ”

พิมพกานต์อธิบาย

“ป้าก็ว่า หน้าตาสะสวยผิวพรรณดีแบบหนูไม่ได้จะมาทำงานตากแดดตากลมที่นี่” สายหยุดว่าติดตลก

“งานตากแดดตากลมข้าวก็ทำได้ค่ะคุณป้า” เห็นคุณป้าพูดมาแบบนี้พิมพกานต์ก็ตอบกลับไปพร้อมกับอมยิ้มน้อย ๆ งานแบบไหนเธอไม่เคยเกี่ยงขอแค่เป็นงานที่สุจริต สามารถหาเงินรักษาแม่บัวของเธอได้ เธอไม่เคยเกี่ยงเลย... แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่ค่อยได้ทำงานตากแดด เพราะแม่บัวขอไว้ ถ้ามันจำเป็นจริง ๆ แม่บัวถึงจะอนุญาตให้ทำ คิดแล้วก็อดน้ำตาคลอคิดถึงบุคคลที่รัก ที่จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับไม่ได้

“อีกอย่างหน้าตาข้าวก็ธรรมดา ๆ ค่ะ ไม่ได้พิเศษอะไร คุณป้าพูดแบบนี้ข้าวก็เขินแย่สิคะ”

“ป้าพูดความจริงนะ ไม่เชื่อรอถามนังเฟื่องมันดูก็ได้ แล้วก็ไม่ต้องเรียกป้าว่าคุณเคิณอะไรหรอกนะ เรียกป้าสายก็พอ”

“นั่นไง พูดถึงมันก็เดินมาพอดีเลย”

“ไม่เป็นค่ะป้าสาย ข้าวเชื่อแล้วค่ะ”

“อ้าวป้า มากับใครน่ะ ใช่คนงานใหม่รึเปล่า”

“ไม่ใช่ ๆ นี่หนูข้าว” พอสายหยุดแนะนำตัวเองให้อีกฝ่ายได้รู้จัก ข้าวหอมก็ส่งยิ้มให้

“ฉันเฟื่องฟ้านะ เรียกเฟื่องเฉย ๆ ก็ได้”

“ฉันชื่อข้าวหอมค่ะ จะเรียกข้าวเฉย ๆ ก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ”

“จ้ะ ไม่ต้องพูดเพราะขนาดนั้นก็ได้ ฉันเขิน ๆ ยังไงก็ไม่รู้”

“ขอโทษด้วยนะคะ พอดีข้าวติดแบบนี้”

“แล้วข้าวมาทำอะไรที่นี่หรอ”

“ข้าวก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แต่ตอนนี้ข้าวอยากกลับบ้าน” อยู่ต่างที่ต่างทางไร้คนรู้จักแบบนี้อดีตเด็กกำพร้าที่ถูกทิ้งอย่างเธอไม่ชอบมันเลย ถึงจะอยู่คนเดียว แต่บ้านที่เคยอยู่กับแม่บัวมันก็อบอุ่น มีเพื่อนบ้านรักที่น่ารักอย่างที่อัญ มีคนรับส่งที่ทำตัวดีกับเธอเสมออย่างพี่แจ๊ส

“เหมือนจะมีเรื่องเข้าใจผิดกัน หนูข้าวเลยจะมายืมโทรศัพท์ป้า ตอนนี้เองมีโทรศัพท์ติดตัวรึเปล่าให้หนูข้าวเธอยืมให้”

“มีจ้ะป้า” ว่าจบก็ล้วงเอาโทรศัพท์ในกระเป๋ายืนให้ข้าวหอม

“ขอบคุณนะคะ” หลังจากรับโทรศัพท์มาแล้ว พิมพกานต์ก็ตั้งใจต่อสายหาพี่อัญพี่สาวข้างบ้านทันทีแต่ทว่าเหมือนเธอจะหลงลืมอะไรไปบางอย่าง... เธอจำเบอร์ของพี่อัญไม่ได้ เบอร์เดียวที่เธอจำได้และท่องจนขึ้นใจคือเบอร์ของแม่บัวของเธอ...

โทรศัพท์ถูกยื่นคืนให้อีกฝ่าย ดวงตากลมสวยไหวสั่นน้อย ๆ เมื่อหมดหนทางติดต่อคนที่รู้จัก

“อ่าวไม่ใช้ติดต่อแล้วหรอหนูข้าว” สายหยุดเอ่ยทัก เมื่อเห็นว่าหญิงสาวนั้นรับโทรศัพท์ ทำท่าเหมือนจะกด แต่ก็ชะงักแล้วก็ยื่นคืนให้เฟื่องฟ้า

“ข้าวจำเบอร์ไม่น่ะค่ะ...”

“แล้วข้าวจะทำยังไงต่อล่ะ มีอะไรให้เฟื่องช่วยบอกได้นะ” เฟื่องฟ้าเสนอตัว ผู้หญิงตรงหน้าเธอกิริยามารยาทดี อ่อนหวาน ไม่ถือตัว ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่เธอจะถูกชะตาและให้ความช่วยเหลือ

“ขอบคุณนะคะ...ป้าสายคะ ป้าสายบอกว่าที่นี่เป็นเกาะใช่ไหมคะ...เอ่อแล้วถ้าจะขึ้นฝั่งล่ะคะ”

“จะมีเรือขึ้นฝั่งเดือนล่ะครั้งจ้ะถ้าเรา ๆ จะนั่งไป ส่วนเรือสินค้าไปฝั่งจะแยกต่างหากเรานั่งไปไม่ได้...อ้อแล้วก็มีเรือส่วนตัวของนายหัว เวลานายหัวจะไปทำธุระที่ฝั่ง อันนั้นออกตามใจนายหัว ถ้าหนูข้าวจะขึ้นฝั่งคงต้องรอไปอีกเกือบเดือนเลย เพราะว่าเรือขึ้นฝั่งออกไปแล้วเมื่อสองวันก่อน...”

“หรอคะ...แล้วเรือของนายหัวล่ะคะ” พิมพกานต์ถามอย่างมีความหวัง โลกคงไม่ใจร้ายกับเธอขนาดนั้นหรอกใช่ไหม

“ถ้าเรือของนายหัวคงจะเป็นไปได้ยากจ้ะ นายหัวหวงความเป็นส่วนตัวเอามาก ๆ อีกอย่างนอกจากไอหมอกแล้วก็ไม่เคยมีใครได้ใช้เรือของนายหัวเลย” เฟื่องฟ้าพูดเสริมป้าสายหยุด แต่พอเห็นสีหน้าผิดหวังของข้าวหอมแล้วเธอก็อดสงสารไม่ได้

“ป้าสายคะ...ป้าสายบอกว่าคนชื่อหมอกบอกว่าข้าวจะมาทำงานที่นี่ใช่ไหมคะ” พิมพกานต์ถามต่ออย่างไม่ยอมแพ้ มันต้องมีเรื่องเข้าใจผิดครั้งใหญ่แน่ ๆ แล้วคนที่ชื่อหมอกเมื่อกี้เฟื่องก็เป็นคนบอกเธอเองว่าได้ใช้เรือของนายหัวอะไรนั่น ไม่แน่ว่าเธออาจจะได้ออกไปจากที่นี่ก็ได้

“ใช่จ้ะ มีอะไรรึเปล่า”

“ข้าวอยากเจอเขาค่ะ”

“ได้สิ แต่ว่าต้องรอตอนเย็นนะ ตอนนี้ไอหมอกมันคงทำงานอยู่กับคุณธีร์”

“งั้นระหว่างรอ หนูข้าวก็เข้าไปบ้านใหญ่กับป้าก่อนก็ได้ กลับไปรอที่กระท่อมคนเดียวคงจะเหงาแย่”

“ขอบคุณนะคะ” แม้จะผิดหวังที่ไม่มีเรือขึ้นฝั่งเพื่อจะกลับบ้าน แต่อย่างน้อยตอนนี้ก็ยังพอมีความหวังอยู่บ้าง จากที่ความเป็นไปได้นั้นเป็นศูนย์ ถึงจะไม่ได้กลับไปในวันนี้หรือพรุ่งนี้ แต่เธอขอแค่ได้กลับบ้านเร็ว ๆ เธอไม่สามารถรอเป็นเดือนได้ เพราะถึงจะไม่มีคนที่บ้านคอยเธอกลับ

แต่ก็ยังมีเรื่องเรียนที่เธอเป็นห่วง การหายไปเป็นเดือนไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่นัก อีกอย่างอีกไม่กี่เดือนเธอก็จะจบแล้ว... เธอไม่อยากให้มันเป็นอย่างในอดีต เธออยากทำตามความฝันของตัวเองต่อ เธออยากให้แม่บัวภูมิใจในตัวเธอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel