บท
ตั้งค่า

7 ไม่ใช่ความฝัน

"พาเธอไปหาหมอก่อนดีไหมครับ" หมอกพูดขึ้น เพราะนอกจากที่ขาของเธอจะได้รอบบาดเจ็บแล้ว ดูเหมือนหัวของเธอจะแตกด้วย

"ไม่ต้อง"

"แต่ที่หัวเธอ"

"กูบอกว่าไม่!" ดูตาคมตวัดสายตามองหญิงสายที่ถูกวางไว้ที่เบาะหลังเล็กน้อย ก่อนจะตั้งใจขับรถต่อ เจ็บแค่นี้มันไม่ถึงตาย

การเดินทางที่แสนยาวนานก็สิ้นสุดลง เมื่อเดินมาทางมาถึงเกาะส่วนตัวของชลธี หลังจากลงเรือชลธีก็ออกคำสั่งเล็กน้อย ก่อนจะเดินจากไปทันที ทิ้งให้หมอกไว้กับหญิงสาวแสนบอบบางอยู่กับหมอกและเหล่าลูกน้องของเขา อย่างไม่นึกสนใจ

"เองพาใครมาวะไอหมอก"

"คนของคุณธีร์น่ะป้า"

"คนของคุณธีร์แล้วทำไมไม่พาเข้าไปบ้านใหญ่ล่ะ" สายหยุดเอ่ยถาม เมื่อทางที่หมอกจะพาไปมันไม่ใช่บ้านใหญ่ แต่เป็นกระท่อมของคนงาน ถ้าบอกว่าเป็นคนของคุณธีร์ทำไมถึงไม่ได้ดูแลให้ดี พามาที่แบบนี้เธอว่ามันชักจะยังไง ๆ แถมยังปิดหน้าปิดตาเธอไว้อีก จะว่าปิดหน้าปิดตาก็ไม่ถูกเท่าไรนัก เพราะมีเพียงผ้าผืนใหญ่ที่บดบังใบหน้าส่วนล่างของหญิงสาวไว้เท่านั้น

ที่เธอพูดว่าหญิงคงจะไม่ผิดอะไร เพราะสังเกตจากรูปร่าง ผิวพรรณ และหน้าตาที่โผล่พ้นผ้าออกมาแล้วนั้น เรียกได้ว่าสวยมากเลยทีเดียว ดวงตากลมรี ขนตาเป็นแพงอน คิ้วรับกันกับจมูกรั้นอย่างลงตัว ขนาดว่าเธอดูเพียงผิวเผิน พิจารณาคร่าว ๆ ยังรับรู้ได้เลยว่าหากไร้ซึ่งสิ่งใดปกปิด หญิงสาวตรงหน้านี้คงจะสวยหยดเลยทีเดียวเชียว คิดแล้วก็คันมือ อยากจะเดินไปแกะผ้าออกเสียจริง หากไม่ติดว่าลูกน้องของหมอกยืนขวางอยู่

"ถ้าป้าสงสัยอะไรก็ไว้ไปถามคุณธีร์เอาแล้วกัน ผมขอตัวก่อน"

"ไอพวกนี้ ทำตัวแปลก ๆ" ไม่รู้ว่าเธอเอาแต่พิจารณาสาวสวยคนนั้นมากไปหรืออย่างไร จนไม่ได้สนใจใบหน้าสวยหวานที่มีหยาดน้ำตาคลออยู่ แต่พอนึกขึ้นมาได้ก็สายไปเสียแล้วเมื่อหมอก และลูกน้องพาตัวสาวสวยคนนั้นไปยังที่พักคนงานแล้ว

"สวยขนาดนั้นให้ไปนอนรวมกับที่พักคนงานชาย คุณธีร์คิดอะไรอยู่นะ" พอพูดถึงสิ่งที่นายน้อยของตัวเองคิดก็พาให้ปวดหัวมากขึ้นไปอีก เพราะไม่ว่าชลธีรู้สึกนึกคิดอะไรเธอนั้นไม่เคยจะเดาใจได้เลย แม้จะทำงานด้วยสามสิบกว่าปี เลี้ยงดูมาตั้งแต่ตีนเท่าฝาหอยก็ตาม แต่ความคิดความอ่านของนายน้อยของเธอนั้น เธอแทบจะไม่สามารถเข้าถึงได้เลย

ในตอนเด็กนั้นอาจจะมีบ้างที่พอจะเดาทางได้ แต่ตั้งแต่เกิดโศกอนาถกรรมขึ้นเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน นายน้อยของเธอก็เริ่มเก็บตัวและพอเกิดเมื่อสี่ปีที่แล้วนั่นอีก มันเหมือนกับว่าหัวใจของนายน้อยของเธอปิดตายไปแล้ว ปิดกั้นความรู้สึกนึกคิดของตัวเอง ไม่ให้คนนอกได้รับรู้ ใบหน้าเฉยชาไร้ความรู้สึก ราวกับว่ามีเพียงร่างกายที่มีลมหายใจเท่านั้นไร้ชีวิตชีวาและจิตใจ...

"ป้า ๆ มาทางนี้ ช่วยพวกฉันที"

"มีอะไรอีกล่ะ พวกเองไปทำอะไรให้คุณธีร์เขาไม่พอใจอีก" สีหน้าตื่น ๆ พร้อมกับเสียงกระวนกระวายใจ ทำให้สายหยุดนั้นเดาได้ไม่ยากว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น คงจะไม่พ้นทำอะไรไม่ถูกใจชลธีแน่นอน และก็เป็นอย่างที่เธอคิดจริง ๆ

"วันนี้ป้าชื่นป่วยจ้ะป้า พวกฉันเห็นว่าถึงเวลาอาหารแล้วกลัวคุณธีร์จะรอนานก็เลยช่วยกันทำอาหารขึ้นโต๊ะให้คุณธีร์ แต่คุณธีร์แค่นั่งลง

ก็กวาดจานอาหารทุกอย่างที่พวกฉันทำลงพื้นหมดเลยจ้ะ แล้วก็เดินออกไปไม่พูดอะไรเลย"

"ป้าช่วยพวกฉันด้วยนะ ฉันไม่อยากถูกไล่ออก" ทำงานที่นี่

แม้เจ้านายจะอารมณ์ร้อน ไม่ค่อยพูด แต่สวัสดิการนั้นดีเยี่ยม อีกอย่างถึงคุณธีร์จะเป็นอย่างนั้นแต่ก็ไม่เคยคิดทำร้ายลูกน้องหรือคนงานของตัวเองเลย และทุกคนที่นี่ต่างรู้ดีว่าทำไมคุณธีร์ถึงเป็นอย่างนั้น...

"ปล่อยไปเถอะ คุณธีร์เขาไม่ไล่แกออกหรอ แต่มื้อเย็นคงจะงด เดี๋ยวตอนดึกก็คงจะลงมาดื่มนม ไปดูตู้เย็นส่วนตัวของคุณธีร์ว่ามีอะไรขาดรึเปล่า ถ้ามีก็เติมให้เรียบร้อย"

"จ้ะป้า"

"ไปทำงานต่อเถอะ เดี๋ยวป้าจะดูที่ครัวสักหน่อยว่าพรุ่งนี้เช้าจะทำอะไรให้คุณธีร์กินดี"

กลางคืนอันเงียบสงบ เสียงคลื่นกระทบหาดดังคลอเบา ๆ กับร่างสูงที่ยืนรับลมอยู่ริมระเบียง ดวงตาคมเหม่อมองไปยังผืนน้ำกว้างขวางตรงหน้า ก่อนจะตวัดมองไปยังกระท่อมหลังน้อยที่อยู่ห่างไกลผู้คนด้วยสายตาขุ่นมัว

"ฮึก มะ แม่บัวข้าวหอมหนาว" เสียงหวานสั่นน้อย ๆ ด้วยพิษไข้ และการอักเสบของแผลที่ขาเนื่องจากไม่ได้รับการดูแลที่ดี

"ข้าวหอมเจ็บ ฮือ ๆ" หยดน้ำตารินไหลเป็นสายเมื่อความเจ็บปวดมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเธอนั้นเริ่มรู้สึกตัว แค่พยายามขยับตัวลุกขึ้นหนัก ความเจ็บปวดก็แล่นเข้าสู่กลางใจ เปลือกตาบางอันหนักอึ้งค่อย ๆ ลืมขึ้นช้า ๆ ด้วยความอยากลำบาก ก่อนจะพบกับความมืดมิดรอบตัว มีเพียงแสงจันทร์สลัว ๆ ที่ลอดผ่านหน้าต่างมาเท่านั้นที่ทำให้เธอพอมองเห็นอะไรได้บ้าง

"ที่บ้านหรอ..." เธอฝันไปงั้นหรอ ทำไมมันถึงได้เหมือนจริงอย่างนี้ล่ะ ด้วยเพราะคิดว่าอยู่บ้านของตนพิมพกานต์จึงพยายามพยุงตัวขึ้น อาศัยความเคยชินลุกขึ้นไปเปิดไฟ แต่เพียงแค่ขยับตัวเท่านั้นขาเรียวก็อ่อนแรงล้มพับไปกองกับพื้นไม้แข็ง ๆ ด้านล่าง ฝ่ามือบางจับเจ้าที่ข้อเท้าของตนเพื่อสำรวจทันที ก่อนจะลูบไล้มาถึงขา

"ผ้าพันแผล...มะ ไม่ใช่ความฝัน โอ้ย.." มือบางยกขึ้นกุมขมับในทันทีเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อตอนบ่าย หลังจากเลิกเรียนเธอตั้งใจจะเดินไปขึ้นรถประจำทางตามปกติ แต่อยู่ ๆ ก็มีรถมาเชี่ยวเธอก่อน หลังจากนั้นก็จำอะไรไม่ได้อีกเลย ยิ่งคิดก็ยิ่งปวดหัว

เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้ ขยับตัวไปไหนก็เจ็บที่ขา พิมพกานต์จึงตัดสินใจล้มตัวลงนอนกับพื้นไม้แข็ง ๆ ก่อนจะยกแขนขึ้นกอดตัวเองเพื่อคลายความหนาว

"พรุ่งนี้เช้าทุกอย่างคงจะดีขึ้น" เสียงหวานแหบพร่าเอ่ยให้กำลังใจตัวเอง ก่อนเปลือกตาบางจะปิดลง เมื่อไม่สามารถฝืนความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นได้

ผลัก หลังจากที่พิมพกานต์หลับไปได้ไม่นาน ประตูไม้เก่า ๆ ของกระท่อมที่เธอพักอาศัยอยู่ก็ถูกเปิดออก พร้อมกับการปรากฏตัวของชายหนุ่มร่างสูง แสงจันทร์ที่สาดส่องลอดผ่านหน้าต่างไม้เข้ามาทำให้ชลธีสามารถมองเห็นร่างบางที่นอนกอดตัวเองเนื้อตัวสั่นเทาอยู่ที่พื้น ก่อนจะเดินผ่านเธอไปเปิดช่องหน้าต่างให้ลมเข้ามาได้มากขึ้น

"แค่นี้มันยังน้อยไป กับสิ่งที่เธอทำกับครอบครัวของฉัน" มือหนาบีบเข้าที่ต้นขอของคนตัวเล็กก่อนจะออกแรงบีบด้วยความโกรธแค้นที่มีขึ้นในใจ

"แค่ก ๆ" เสียงสำลักของคนขาดอากาศหายใจ ทำให้ชลธีได้สติ ก่อนที่ชายหนุ่มจะคลายมือออก ไอร้อนที่แผ่ออกมาจากร่างบางตรงหน้าทำให้ริมฝีปากหนาเหยียดยิ้มอย่างพอใจ เขาเพียงหยัดตัวลุกขึ้นยืนเท่านั้น ดวงตาคมที่ใช้มองเธอเต็มไปด้วยความโกรธแค้น

"ไม่ฆ่าเธอให้ตายตอนนี้ เธอควรจะขอบใจฉันนะ" ชลธีว่าเสียงเรียบ ก่อนจะเดินออกไปอย่างไม่สนใจคนที่นอนกอดตัวเองหนาวสั่น

ตัวร้อนราวกับไฟเพราะพิษไข้เลยแม้แต่น้อย...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel