บท
ตั้งค่า

5 บังเอิญ

สองปีต่อมา....

ชายหนุ่มรูปร่างสูงโปร่งที่ดื่มแอลกอฮอล์ไปหนักพอสมควร

แต่ทว่าเขาก็ยังพอมีสติหลงเหลืออยู่บ้าง ขายาว ๆ ก้าวได้อย่างมั่นคงเพื่อตรงไปยังรถคันหรูของเขาที่จอดอยู่ ไม่มีโซเซเลยแม้แต่น้อย ลำตัวตั้งตรง ผมยาวที่ตกลงปรกหน้าน้อย ๆ ปิดบังความหล่อเหลาของเขาเอาไว้

"เดินระวังหน่อย" วงแขนแกร่งโอบรัดเอวบางของหญิงสาวคนหนึ่งไว้ โดยไม่แม้แต่มองหน้าเธอด้วยซ้ำ เมื่อเห็นว่าเธอทรงตัวได้แล้วเขาจึงผละออก

"ขอบคุณนะคะ"

"..." เงียบ ไม่มีเสียงตอบรับ ร่างสูงของเขาเดินผ่านหน้าเธอไปเลย

"เดี๋ยวค่ะคุณ" เสียงหวานเอ่ยเรียกเขาแผ่วเบา คงจะมีแค่เขาที่ช่วยเธอได้ในตอนนี้

ได้ยินเสียงเรียก เท้าหนาจึงหยุดชะงัก ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่ วันนี้เขาแค่อยากมาดื่ม แค่ดื่ม ดื่มให้หายเศร้ากับเรื่องเมื่อสองปีก่อน ไม่ได้อยากเอากับใคร

"มีคนตามฉันมา คุณช่วยฉันได้ไหมคะ ถ้าเขามาถามบอกว่าฉันไปทางนั้น..." แต่ยังไม่ทันที่เธอจะพูดจบเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ก็ดังขึ้นมาเสียก่อน ได้ยินแบบนั้นชลธีร์จึงดึงข้อมือเล็ก ๆ ของเธอไว้ก่อนจะผลักไปติดรถคันหรูของเขา

"เงียบ" ได้ยินแบบนั้นพิมพกานต์ก็ยอมทำตามอย่างว่าง่ายแม้จะตกใจในการกระทำของเขาในตอนแรก ด้วยกลัวว่าเขาจะทำไม่ดีใส่ ก่อนจะค่อย ๆ คลายใจเมื่อเขาทำเพียงซุกอยู่นิ่ง ๆ เท่านั้น ไม่ได้ทำอะไรมากกว่านั้น และดูเหมือนว่าเขาจะใช้ตัวของเขาบังเธอไว้ด้วย ใบหน้าสวยเริ่มขึ้นสีแดงด้วยความเขินอาย

ถ้าที่ตรงนี้มันสว่างเธอคงไม่กล้ามองหน้าเขาแน่ โชคดีที่มันเป็นแสงสลัว ๆ เท่านั้น เธอไม่เคยใกล้ชิดผู้ชายมาก ๆ แบบนี้มาก่อน แล้วยิ่งมีคนมาซุกอยู่ที่คอแบบนี้เธอยิ่งไม่เคย กลิ่นแอลกอฮอล์ผสมกับกลิ่นกายของเขาที่ออกมาจากตัวเขาจาง ๆ เริ่มทำให้เธอใจเต้นแรงมากขึ้น จนกลัวว่าเขาจะได้ยินเสียงมัน ///

"น้องคนสวยหายไปไหนแล้ววะ"

"ตรงนั้นมีคนพี่" แต่ทว่า เดินมาถึงก็เห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังนัวเนียกันอยู่ โดยผู้หญิงนั้นถูกดันให้ตัวชิดติดรถคันหรูไว้ จะเดินผ่านไปเฉย ๆ ก็ไม่ได้ เพราะว่าการแต่งตัวของผู้หญิงคนนี้มันคุ้นเอามาก ๆ

"เฮ้ย น้อง!"

"..." ทันทีที่ได้ยินเสียงเรียกชลดีก็หันไปตวัดมองอีกฝ่าย ดวงตามคู่คมจ้องอีกฝ่ายที่มากันถึงสามคนอย่างไม่นึกกลัว จนเป็นพวกคนเหล่านั้น ที่กลัวในสีหน้าและแววตาของเขาจนล่าถอยไปเอง

"ขะ ขอบคุณนะคะ" เมื่อเห็นว่าพวกมันไปแล้ว พิมพกานต์ก็ค่อย ๆ ขยับตัวออกจากวงแขนของเขา ก่อนจะเอ่ยขอบคุณเขาโดยที่ไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมอง เห็นแบบนั้นชลธีก็ไม่ได้ตอบอะไร เขาเดินผ่านหน้าเธอไปก่อนจะเปิดประตูรถเตรียมกลับ และนั่นมันก็ทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมองเขา แม้แสงไฟจะมีเพียงน้อยนิด แต่ทว่าใบหน้าของเขากับตรึงใจ... หากแต่ไม่ได้ชัดเจน แต่เธอคิดว่าเธอคงไม่อาจลืมมัน...

"แค่ก ๆ ทำไมลูกสาวแม่หน้าแดงมาอย่างนั้นล่ะ หืมมม"

"แม่บัว ทำไมยังไม่นอนอีกคะ" ร่างบางของพิมพกานต์รีบถลาเข้าไปหาผู้เป็นแม่ที่นั่งอยู่ทันที ตอนนี้แม่ของเธอเข้าสู่ระยะสุดท้ายของโรคร้ายที่ชื่อว่ามะเร็ง ... ในวันปกติเธอก็จะไปขายข้าวแกงหากไม่มีเรียนในช่วงเช้า หรือถ้าเลิกเรียนเร็วเธอก็จะออกขายในช่วงเย็น

แต่วันนี้มีงานพิเศษเข้ามา พี่สาวข้างบ้านที่พึ่งย้ายมาอยู่ใหม่เมื่อปีที่แล้วทำงานอยู่ที่พับ วันนี้พี่สาวบอกว่าคนขาด เลยชักชวนเธอให้ไปทำงานด้วยกัน งานที่ว่าก็คือเด็กเสิร์ฟ แต่เธอขอทำงานไม่เต็มเวลาเพราะเป็นห่วงแม่ที่ต้องอยู่บ้านคนเดียว แม้ว่าจะไม่ชอบงานนี้แต่ก็ต้องทำ

เพราะทำครั้งหนึ่งก็เท่ากับกำไรที่ขายข้าวแกงถึงสามวัน ลูกค้าที่พบพี่สาวนั้นทิปหนักมาก ๆ เธอมีโอกาสได้ทำบ่อย ๆ

เพราะแม่อยากให้เธอมีเงินเก็บ ... เวลาที่แม่ไม่อยู่แล้ว แม่อยากให้เธอเรียนจบเป็นเชฟอย่างที่ตั้งใจไว้เพื่อสานฝันของตัวเองอีกครั้ง

ซึ่งตอนนี้เธอก็ได้กลับเข้าสู่ระบบการศึกษาอีกครั้งแล้ว ในตอนนี้เธออยู่ชั้นปีที่สอง ซึ่งมันก็ไม่นักเท่าไหร่นัก เพราะครั้งก่อนเธอได้เรียนอยู่ปีสามแล้วจึงลาออก เพราะไม่คิดว่าจะได้เรียนต่ออีก ที่เธอเคยคิดไว้คือค่อยไปสมัครเรียนที่โรงเรียนสอนทำอาหาร เพราะบางสถาบันนั้นมีงานรองรับให้เลยหลังเรียนจบ เพราะงั้นแม่ถึงไม่ยอมเข้ากับรักษาอย่างเต็มรูปแบบ

หากทำอย่างนั้นแม่บอกว่ามันจะใช้เงินจำนวนมากซึ่งแม่ไม่อยากให้ทำอย่างนั้น แม่อยากเห็นเธอเรียนต่อ ในคณะและสาขาที่ชอบ แม่บอกว่าอย่างน้อยก่อนตายแม่ขอให้เห็นเธอใกล้ถึงฝั่งฝันก็ยังดี

ในตอนแรกเธอปฏิเสธ เธอยอมที่จะทำงานหนัก ยอมที่จะทำทุกอย่างเพื่อที่จะให้แม่ได้มีชีวิตอยู่กับเธอนาน ๆ แต่แม่ไม่ยอม... แม่อยากให้เธอทำงานแต่พอดี เก็บเงินไว้ เลิกทำอะไรที่มันลำบากเพราะแม่อีก...

แล้วตั้งใจเรียน เธอค้านหัวชนฝาอยู่นาน แต่ก็แพ้ให้กับแม่ในที่สุด เมื่อแม่ยืนกรานว่าจะไม่เข้ารับการรักษาต่อในขั้นต่อไป จะรับการรักษาตามอาการเท่านั้น

"แม่อยู่รอลูกสาวคนสวยกลับบ้าน"

"ปากหวานจังเลยนะคะ"

"แล้วทีนี้จะบอกแม่ได้รึยังว่าทำไมหน้าแดง"

"ก ก็คง สงสัยก่อนออกจากร้านข้าวกินมะเขือเทศเยอะไปหน่อยมั้งคะ" เธอว่าอย่างยิ้ม ๆ น้ำเสียงตะกุกตะกักอย่างคนมีพิรุธชัดเจน คำตอบของคำถามที่แม่ถามเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน...อาจจะเป็นเขาคนนั้นก็ได้คนที่ช่วยชีวิตเธอไว้ พอคิดถึงเขาใจก็เต้นแรงขึ้นมาอีกแล้ว 'อะไรกัน หรือเธอจะตกหลุมรักเขา? แกต้องบ้าไปแล้วยัยข้าวหอม จะมารักจะมาชอบคนที่พึ่งเจอกันไม่ถึงสิบนาทีเนี่ยนะ' ข้าวหอมเอาแต่เถียงตัวเองในใจ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันน้อย ๆ จนผู้เป็นแม่เอ่ยทัก

"พิรุธข้าวชัดมากรู้รึเปล่า คิ้วขมวดหมดแล้ว"

"คุณแม่!"

"ไปปิ้งรักกับหนุ่มที่ไหนล่ะ บอกแม่ได้รึเปล่า" อรพินท์เอ่ยถามลูกสาวที่อายุยี่สิบสี่ปีจะเข้ายี่สิบห้าในอีกสามเดือนข้างหน้า แต่ไม่มีทีท่าว่าจะมีหนุ่ม ๆ เลย เรื่องนี้ก็ทำเอาเธอคิดหนักอยู่เหมือนกัน ข้าวหอมนั้นกลัวการอยู่คนเดียวและค่อนข้างจะโหยหาความรัก โหยหาครอบครัว เพราะถูกทิ้งตั้งแต่เด็กเรื่องนี้เธอเข้าใจดี เธอกลัวว่าวันหนึ่งเธอจากโลกนี้ไปลูกสาวคนสวยที่ค่อนข้างอ่อนต่อโลกจะไม่มีที่พึ่งพิง กลัวจะถูกคนอื่นเอาเปรียบ

เพราะข้าวหอมนั้นไม่สู้คน อะไรยอมได้เธอมักจะยอมเสมอเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะ ก็ได้แต่หวังว่าก่อนตายลูกสาวจะเจอคนที่ดี คนที่สามารถปกป้องดูแล คอยเคียงข้าง ร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน ไม่ต้องรวยล้นฟ้า ขอเป็นคนธรรมดาที่รักลูกสาวเธอจริงก็พอ... คนเป็นแม่อย่างเธอไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

"ไม่มีค่ะ"

"แบบนี้แม่จะมีโอกาสเห็นหน้าลูกเขยไหมล่ะเนี่ย"

"งั้นแม่บัวก็อยู่กับข้าวหอมนาน ๆ รอดูหน้าลูกเขยคุณแม่ก็แล้วกันนะคะ" ว่าแล้วก็ขยับตัวเข้าไปกอดเอวแม่อย่างออดอ้อน

ด้านชายหนุ่มอีกคน หลังจากที่เขาช่วยหญิงสาวปริศนาเมื่อครู่แล้ว เขาก็ขับรถกลับบ้านในทันที ชีวิตเขาก็มีอยู่เท่านี้ ทำงาน ดื่ม กลับบ้านไปนอน ทำงาน ดื่ม วน ๆ ซ้ำ ๆ ตั้งแต่พี่ชายและพี่สะใภ้เสียชีวิตอุบัติเหตุในครั้งนั้น เขาก็เป็นคนบ้างานและเก็บตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ น้อยคนนักที่จะเข้าหน้าเขาติด

"ทำไมดื่มหนักแบบนี้ล่ะคะคุณหนู" ชบาแม่บ้านคนเก่าคนแก่เอ่ยถาม ก่อนจะเรียกให้คนงานมาช่วยกันประคองคุณหนูของตนขึ้นห้อง

"อย่ามายุ่ง!" มือหนาออกแรงผลักเหล่าคนงานที่เขามาช่วยประคองเขา ก่อนจะเดินขึ้นบ้านไปด้วยตัวเอง ทิ้งให้คนงานและชบามองตามด้วยความเป็นห่วง

"ทำไมโลกถึงได้ใจร้ายกับคุณหนูของป้าขนาดนี้นะ..."

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel