4 รักนิรันด์
"ไปหงุดหงิดอะไรมาคะ" กานต์สิริเอ่ยถามสามีที่เดินหน้าบูดมาแต่ไกล
"เปล่าครับ แค่โมโหไอธีร์มันนิดหน่อย"
"เรื่องลูกหรอคะ"
"ครับ"
"กิ่ง หรือขุนจะหาผู้หญิงดี ๆ สักคนที่ยินยอมพร้อมใจ แล้วจับไอธีร์ขังไว้กับเขาสักเดือน แบบนี้ไม่ท้องก็ให้มันรู้ไป" ชลธารว่าขึ้น เพราะอยู่ ๆ ความคิดนี้ก็แวบเข้ามาในหัวเขา ถึงมันจะไม่ใช่ความคิดที่ดีก็เถอะ แต่ก็เป็นหนทางที่จะทำให้ไอ้น้องชายตัวดีของเขายอมมีเมีย
"อย่าคิดอะไรพิเรนทร์ ๆ แบบนี้ออกมาอีกนะคะ ถ้าถึงเวลาธีร์ก็คงมีเองนั่นแหละค่ะ"
"แต่ว่านี่มันก็นานแล้วนะ ขุนจะสามห้าแล้ว ไอธีร์ก็จะสามสิบปีนี้" เขาว่าเสียงเครียด
"กิ่งขอโทษนะคะ เพราะกิ่ง..." ได้เห็นสีหน้าเครียด ๆ ของเขาแบบนี้มันก็อดไม่ได้เลยที่จะโทษตัวเอง
"ไม่ มันไม่ใช่ความผิดกิ่ง...กิ่งอย่าโทษตัวเองเลยนะ เรายังพอมีโอกาส ถึงโอกาสมันจะน้อยยังไง"
"แต่ขุนเชื่อว่าสักวันเขาต้องมาอยู่กับเรา" มือหนายกขึ้นลูบหน้าท้องของภรรยาคนสวยแผ่วเบา เมื่อเห็นว่าเธอเศร้า เขาก็ไม่ได้เรื่อง เอาอะไรแบบนี้มาพูดให้เธอฟังได้ยังไงกัน แค่นี้เธอก็เอาแต่โทษตัวเองที่ไม่สามารถมีลูกกับเขาได้แล้ว
"ขุนคะ กิ่งรู้ว่ากิ่งไม่ควรพูดมันออกมา แต่ว่า... เราหย่ากันเถอะนะคะ"
"ทะ ทำไมล่ะกิ่ง...ทำไมถึงได้พูดแบบนี้" ชลธารแทบจะหาเสียงตัวเองไม่เจอเมื่ออยู่ ๆ เมียรักเขาก็พูดแบบนี้ หรือว่าจะเป็นเพราะเรื่องลูก
"กิ่งอยากให้ขุนพบกับรักครั้งใหม่ ผู้หญิงที่พร้อมจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบไปกับขุน มีลูกเยอะ ๆ แบบที่ขุนอยากมี ... ฮึก มันเป็นสิ่งที่กิ่งไม่มีวันให้ขุนได้" หยดน้ำตารินไหลอาบแก้มนวลทันทีที่พูดจบ เธอรู้ว่าการพูดแบบนี้มันจะเป็นการทำร้ายจิตใจของเขา แต่เธอเองก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน เจ็บที่ไม่สามารถให้สิ่งที่เขาต้องการได้ ... สิ่งที่เขาต้องการและคอยพร่ำเพ้อบอกกับเธอตลอด
"ถ้าเราแต่งงานกันแล้ว ขุนขอมีลูกสักห้าหกคนได้ไหม"
"คนบ้า กิ่งไม่ใช่แม่พันธุ์นะ" ฝ่ามือฟาดไปที่แขนแกร่งของเขาที่กอดเธอจากด้านหลัง ในตอนนี้ที่เธอและเขายืนอยู่ริมระเบียง เพื่อดูพระอาทิตย์ตกด้วยกัน
"กิ่งก็รู้ว่าขุนเหลือไอธีร์เป็นครอบครัวแค่คนเดียว ขุนอยากมีเด็กเล็ก ๆ วิ่งเล่นรอบบ้าน แล้วก็มีลูกมีหลานสืบต่อเป็นครอบครัวใหญ่ ครอบครัวใหญ่แบบที่ขุนเคยมี..." แววตาคมหม่นแสงลงเล็กน้อยยามพูดถึงเรื่องครอบครัว จนเธอต้องหันตัวกลับไปหาเขา ก่อนจะยกแขนขึ้นกอดตอบเขา
"ค่ะ สี่คนก็สี่คน"
"ไม่เอาสี่คน เอาห้าคนดีกว่า"
"ค่าห้าคนก็ห้าคน แต่ว่าขุนจะทำไหวรึเปล่า คิก ๆ"
"กิ่งนั่นแหละจะไหวรึเปล่า" ว่าจบก็ช้อนตัวคนรักขึ้นอุ้ม ก่อนจะเดินดุ่ม ๆ ไปยังเตียงนอนทันที
"วร้าย"
"ขุนหาผู้หญิงคนอื่น ที่พร้อมจะสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์แบบกับขุน "
"ไม่กิ่ง ไม่พูดแบบนั้นนะครับ ถึงเราจะไม่มีลูก ขอแค่มีกิ่งครอบครัวของขุนก็สมบูรณ์แล้ว ถ้าไม่มีกิ่งแล้วขุนจะอยู่ยังไง กิ่งอย่าพูดแบบนี้อีกเลยนะ ขุนทนฟังไม่ไหว" นัยน์ตาคมแดงก่ำ ทอดมองหญิงสาวคนรักด้วยความเจ็บปวด เป็นเขาเองที่ผิด ที่ชอบพูดแบบนั้นกับเธอ และก็ผิดที่เอาเรื่องไอธีร์มาเล่าให้เธอฟังเพราะเขาเห็นว่ามันคือความหวังเดียวที่จะสามารถมีทายาทมาสืบทอดกิจการทุกอย่างไปได้ เพราะมันยังเป็นหนุ่มโสดสามารถหาเมียได้ แต่เขา... เขาแต่งงานแล้ว และก็รักภรรยามาก ๆ เขาไม่สามารถหักหลังเธอไปมีคนอื่นได้
"เรารับเลี้ยงเด็กดีไหมคะ" กิ่งว่าขึ้นหลังจากเขาและเธอปลอบใจซึ่งกันและกันเสร็จแล้ว และวันนี้เธอและสามี มีนัดพูดคุยปรึกษาคุณหมอเรื่องการทำเด็กหลอดแก้ว และตอนนี้ก็กำลังเดินทางกลับ แต่ก็ไม่ได้กลับบ้านแต่อย่างใด เขาจะพาเธอไปเกาะส่วนตัวของครอบครัว ที่มีน้องชายเขาดูแลอยู่
"คุณหมายถึงรับเลี้ยงเด็กกำพร้าใช่รึเปล่า"ระหว่างขับรถชลธารก็หันมาพูดตอบภรรยา เรื่องนี้เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลย
"ค่ะ ถ้าครั้งนี้มันไม่สำเร็จ...กิ่งว่าจะพูดเรื่องนี้กับขุน"
"ถึงจะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ ขุนก็ว่ามันไม่เสียหายอะไรนะครับ" หลังจากขบคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วชลธารจึงเอ่ยตอบภรรยาไป
"หมายความว่ายังไงคะ กิ่งไม่เข้าใจ"
"ก็...เรื่องรับเลี้ยงเด็กขุนตกลงครับ ไหน ๆ เราก็อยากมีลูกกันแล้ว และเราก็มีความพร้อม จะรับเลี้ยงเด็กสักคนก็ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว อีกอย่าง...ลูก ๆ ของเราจะได้มีพี่น้องด้วย ดูสิเกิดมาปึบก็มีพี่เลย น่าอิจฉาจะตาย"
"ขุนคิดแบบนั้นหรอคะ"
"ครับ กิ่งมีปัญหาอะไรรึเปล่า"
"ไม่ค่ะ กิ่งไม่มีปัญหาอะไร แต่ว่า...ถ้ารับเลี้ยงเด็กกันจริง ๆ ขุนสัญญากับกิ่งได้ไหมคะ ว่าจะให้ความรักความอบอุ่นกับเค้าเท่ากับลูก ๆ ของเรา"
"ได้สิครับ เรื่องนี้ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว คบกันมาเป็นสิบปีกิ่งคิดว่าขุนเป็นคนยังไงเนี่ย"
"อื้ม...ขอคิดก่อนนะคะ เป็นคนยังไงกันน้าาาา" รอยยิ้มหวานส่งให้สารถีหนุ่ม พร้อมกับสายตาหยอกล้อเขา
"กิ่งครับ"
"คิก ๆ คนหื่นค่ะ หื่นมาก ๆ ด้วย"
"แล้วชอบไหมหื้มม" มือหนาดึงเอามือของภรรยามากุม ก่อนจะจุมพิตเบา ๆ ถ้าไม่ติดว่าต้องขับรถอยู่บนถนนทางขึ้นเขาและลาดชัน เขาคงจะหาโรงแรมพักสักคืนแล้วจับเธอกินแล้ว ให้ตายเถอะ
"คนบ้า!"
"แล้วนอกจากหื่นล่ะครับ ขุนยังมีดีอะไรอีก" เขาถามภรรยาที่ตอนนี้ใบหน้าแดงไปถึงหูอย่างยิ้ม ๆ
"ก็ขุนเป็นใจเย็นค่ะ สุภาพ ให้เกียรติกิ่ง ซื่อสัตย์ไม่เคยนอกใจกิ่งเลยสักครั้ง แล้วก็..."
"รักกิ่งมาก ๆ ด้วย และจะรักกิ่งคนเดียวตลอดไป" แววตาหวานซึ่งสบตาภรรยา หลังจากพูดความในใจจบ
"ขุน..."
"แล้วกิ่งล่ะ รักขุนรึเปล่า..."
เอี๊ยดดดด โคร้มมมม เพราะมัวแต่มองภรรยาสาวสวย หรืออีกฝ่ายขับรถประมาทก็ไม่ทราบ รถคันหรูที่แล่นมาด้วยความเร็วเพียงแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมงเสียหลักพลิกคว่ำตกลงไปในหุบเขาข้างล่างทันที
รถคันหรูพลิกตกลงไปในหุบเขาตัวลดอัดกระแทกเข้ากับพื้นดินด้านล่าง ถุงลมนิรภัยถูกกางออก แต่ด้วยความสูง และความแรงในการตกลงมา ทำให้แม้แต่ถุงลมนิรภัยก็ไม่อาจจะช่วยชีวิตของสองสามีภรรยาผู้โชคร้ายเอาไว้ได้
กานต์สิริค่อย ๆ รู้สึกตัวขึ้นในเวลาต่อมา หยดน้ำตารินไหลไม่ขาดสาย ยามทอดมองสามีอันเป็นที่รักที่ยังคงหมดสติ ตามตัวเขาเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือด พอหันมองตัวเองเธอก็ไม่ต่างจากเขาเท่าไรนัก เสียงหอบหายใจค่อย ๆ เบาลงเรื่อย ๆ ดวงตากลมมองไปยังมือเขาที่ยังกุมมือของเธอไว้แน่นไม่ยอมปล่อยไปไหน เธอพยายามออกแรงบีบมือเขาเบา ๆ หวังให้เขาได้สติ อย่างน้อยก่อนจะจากกันไกลเธอก็ยังเห็นเขาเป็นครั้งสุดท้าย
"ขะ...ขุน"
แรงบีบมือน้อย ๆ พร้อมกับเสียงแผ่วเบาราวกระซิบที่ดังอยู่ไม่ไกล ทำให้ชลธารเริ่มรู้สึกตัวขึ้นมาบ้างแล้ว ร่างสูงค่อย ๆ ขยับตัว แต่ก็พบกับความเจ็บปวดที่แล่นเข้าสู่โสตประสาทจนเขาต้องกัดฟันไว้แน่น ทำไมมันถึงได้เจ็บแบบนี้ เมื่อกี้มันเกิดอะไรขึ้น
"กะ กิ่ง..." เมื่อเรื่องราวที่เกิดขึ้นฉายชัดเขามาในหัว ชลธารก็ค่อย ๆ หันไปมองภรรยาคนสวยที่มองเขาอยู่ก่อนแล้วทันที แม้จะต้องเจ็บปวดจากการขยับตัวแต่เขาก็ไม่คิดจะหยุดหันไปมองเธอ
หยดน้ำตาไหลรินเป็นสาย อย่างไม่คิดจะแคร์ว่ามันจะประจานความอ่อนแอของตน ดวงตาคู่คมทอดมองภรรยาที่เขารักสุดหัวใจทั้งน้ำตา แม้ว่าถุงลมนิรภัยจะกางออก แต่ตามตัวเธอกลับมีรอยฟกช้ำเต็มไปหมด บางจุดก็มีเลือดสีแดงสดไหลออกมา ไม่ต่างจากเขาเลยแม้แต่น้อย คาดว่าจุดที่พวกเขาตกลงมาคงจะสูงพอควร
หัวใจแกร่งบีบรัดเข้าหากันอย่างเจ็บปวด ที่เห็นคนรักเป็นแบบนั้น ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะเขาที่ไม่ระวัง...
"อึก ขุนขอโทษ" ในขณะที่ขยับปากความเจ็บปวดบริเวณหน้าอกก็เข้าเล่นงานทันที แต่เขาก็ยังจะฝืนพูดมันออกไป
กานต์สิริพยายามส่ายหน้าน้อย ๆ และส่งสายตาเพื่อบอกเขาไปว่าไม่ใช่ความผิดของเขา อย่าโทษตัวเองเลย ก่อนจะพยายามยื่นมืออีกข้างที่ว่างจากการเกาะกุมของเขา ไปสัมผัสไปหน้าคมแผ่วเบา นิ้วเรียวเกลี่ยน้ำตาที่ไหลรินของเขาออกก่อนจะส่งยิ้มให้เขา เห็นแบบนั้นชลธารก็ยื่นมืออีกข้างไปสัมผัสใบหน้าสวยหวานของภรรยาเขาเช่นกัน
"ก กิ่งรักขุนนะ" เสียงหวานอ่อนแรงเอ่ยบอกเขาทั้งน้ำตา ดวงตาคู่สวยยังคงมองจ้องเขาไม่ละสายตาไปไหน เธออยากจะจดจำเขาไว้ในใจ เขาผู้ชายที่เป็นรักแรกและรักเดียวของเธอ
"ฮึก ขุนเองก็รักกิ่งเหมือนกัน" ฝ่ามือหนาลูบไล้ใบหน้าสวยหวานของภรรยาอันเป็นที่รัก ด้วยความอ่อนโยน สายตาแสดงถึงความรักที่มีต่อเธอไม่ปิดบัง
"ถ ถ้าชาติหน้ามีจริง ขอให้ขุนได้รักกิ่งแบบนี้อีก ข ขอให้ขุน อัก ได้เป็นคนที่กิ่งรัก" นิ้วเรียวเลื่อนมาปิดปากหนาของเขาเอาไว้ เมื่อเห็นว่าดูเจ็บปวดทุกครั้งเวลาพยายามที่จะพูดกับเธอ เธอไม่อาจทนเห็นคนรักเจ็บปวดได้ ก่อนจะพยักหน้าน้อย ๆ ตอบเขาไป ในสิ่งที่เขาพยายามจะสื่อ เพราะเธอเองก็อยากจะเกิดมาเป็นคนที่เขารัก และใช้หัวใจดวงเดียวดวงนี้รักเขาอีกครั้งเช่น เพียงแต่ตอนนี้เธอเหนื่อยล้าเหลือเกิน จึงทำได้เพียงแสดงออกทางสีหน้าเท่านั้น
มือหนาเลื่อนลงมาปลดเข็มขัดนิรภัยออก ก่อนจะฝืนร่างกายของตัวเอง พยายามโน้มตัวไปหาหญิงสาวคนรัก ที่นั่งหายใจรวยรินจ้องมองเขาอยู่ ดวงตากลมสวยคลอไปด้วยหยาดน้ำตามองมาที่เขา โดยไม่ยอมหันหนีไปไหน ราวกับว่าไม่อยากให้เขาหลุดออกจากรัศมีการมองเห็นของตัวเองเลยสักวินาทีเดียว
เขาเองก็เช่นกัน เขาเองก็...ไม่อยากที่จะละสายตาไปจากใบหน้าสวยหวานของเธอเลย เขาอยากจะมองแบบนี้ไปตลอด อยากตื่นมาเห็นรอยยิ้มของเธอในทุก ๆ เช้า นอนหลับไปด้วยกันกับเธอ ผ่านค่ำคืนที่แสนหวาน และเร่าร้อนไปด้วยกัน ... แต่ทว่าต่อจากนี้มันคงไม่มีอีกแล้ว ไม่มีแล้วจริง ๆ
ริมฝีปากหยักได้รูปค่อย ๆ ทาบทับลงบนริมฝีปากบางของเธอแผ่วเบา หยดน้ำตาเม็ดโตร่วงลงสู่แก้มนวล ทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้น เขากำลังร้องไห้ แม้จะเห็นแล้วว่าเมื่อครู่นี้เขาจะกำลังร้องไห้อยู่ แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เขาจะร้องไห้หนักมากขึ้นกว่าเดิม และเหมือนกับว่าเขากำลังซ่อนความเจ็บปวดของเขาไว้ในส่วนลึกของจิตใจ เพื่อไม่ให้เธอรู้สึกไม่ดีไปด้วย
กานต์สิริเองก็ตอบรับจูบของสามีเช่นกัน ทั้งคู่จูบกันอยู่เนิ่นนาน เพราะพวกเขาต่างรู้ดีว่านี่คือจูบสุดท้ายของกันและกัน ต่อจากนี้ไปคงไม่มีอีกแล้ว ไม่รู้ว่าโลกหลังความตายนั้นจะเป็นอย่างไร แต่ในโลกแห่งความเป็นจริงตอนนี้ ที่เขาและเธอยังมีลมหายใจอยู่ พวกเขาก็อยากจะจดจำกันและกันให้มากที่สุด ส่งมอบความรักที่ตนมี ให้อีกฝ่ายได้รับรู้มากที่สุด
กลิ่นเหม็นไหม้จาง ๆ ค่อย ๆ แรงขึ้นเรื่อย ๆ ก่อนที่ไฟจะลุกโชนไปทั้งคนรถ และในไม่ช้ามันก็เป็นกองเพลิงขนาดใหญ่ในที่สุด ...
'ผมขุนเขาขอสัญญาว่าจะรักกิ่งตลอดไป'
'ฉันกานต์สิริขอสัญญาว่าจะรักขุนเขาคนนี้ตลอดไป'
'//หากชาติหน้ามีจริงขอให้เราได้กลับมารักกันอีกครั้ง' คำปฏิญาณภายในใจของเธอและเขาก่อนที่ทุกอย่างจะดับสลายไปพร้อมกับเปลวเพลิง และลอยล่องไปพร้อมกับกลุ่มควันก่อนจะจางหายไปในอากาศ...
