บท
ตั้งค่า

43 คำอนุญาต

“เป็นแม่ประสาอะไร! ลูกร้องไห้หิวนมขนาดนี้มัวทำบ้าอะไรอยู่!!” ชายหนุ่มตวาดใส่หญิงสาวตรงเสียงดังซ้ำเสียงที่ดังของเขาทำให้เด็กชายตัวน้อยแผดเสียงร้องดังขึ้นไปอีก

“แอ๊ แอ๊ แอ๊”

“ข ข้าวขอโทษ” เสียงหวานสั่นเอ่ยบอกเขาไป พร้อมกับเงยหน้ามองเขาทั้งน้ำตาที่คลอเบ้า ก่อนจะถูกเขาผลักออกอย่างไม่ใส่ใจ

ผลัก ร่างบางเซถลาเข้าไปหาเปลลูกน้อย ๆ เพราะแรงผลักจากพ่อของลูก

“ทำหน้าที่แม่ซะ” ชลธีว่าเสียงเรียบเย็น พร้อมกับสายตาที่จ้องเขม้นพิมพกานต์อย่างเอาเรื่อง

ได้ยินเขาว่าแบบนี้น้ำตาที่คลออยู่ก็ร่วงแหมะอาบแก้มนวลทันที ก่อนที่เธอจะรีบปัดมันออกแล้วรีบช้อนลูกชายขึ้นอุ้ม มากอดประคองอย่างทะนุถนอม

“พี่ธีร์ออกไปก่อนได้ไหมคะ ข้าวจะให้นมลูก” เธอเอ่ยบอกเขาเสียงเบา ๆ พร้อมกับอุ้มลูกโยกไปมาเบา ๆ เพื่อปลอบให้หยุดร้อง

“ไม่”

“แต่...” เสียงที่จะค้านต้องกลืนลงคอทันทีเมื่อเขาพูดแทรกขึ้น

“ถ้าเธอยังลีลาไม่เลิก ฉันไปหาแม่นมมาให้นมลูก เธอว่าดีไหมข้าวหอม” ว่าพร้อมกับสายตาแน่วแน่ ที่บ่งบอกได้ว่าหากเธอไม่ทำเขาเอาจริง

“ให้ค่ะ ข้าวให้แล้ว” ว่าจบก็หันหลังหนีเขาทันที ก่อนจะเลิกเสื้อขึ้น หลังจากเหล่ตามองแล้วว่าเขายังยืนอยู่ที่เดิม พิมพกานต์จึงเลิกบราเซียขึ้นด้วย และทันทีที่เต้าอวบของแม่ปรากฏแกสายตา เด็กชายตัวน้อยก็อ้าปากงับดูดจ๊วบ ๆ ทันที จนคุณแม่คนสวยต้องนิ้วหน้าด้วยความเจ็บ จากแรงดูดของลูก

“จ๊วบ จ๊วบ”

“กินเก่งจังเลย” ยืนให้นมลูกนานก็เริ่มเมื่อย ทำให้พิมพกานต์ขยับตัวไปนั่งลงบนเตียงแทน ก่อนมือบางจะยกขึ้นเขี่ยแก้มลูกชายไปมาเบา ๆ หลงลืมพ่อของลูกที่อยู่ในห้องด้วยเสียงสนิท ในตอนนี้ในโลกของเธอ เหมือนมีแค่เธอกับลูกเท่านั้น...

พอถูกคุณแม่ชมเท้าเล็ก ๆ ที่มีกำไลทองติดกระดิ่งอยู่ก็ขยับไปมา ทำให้เกิดเสียง และเสียงนั่นมันก็ทำให้คุณพ่อที่ยืนอยู่เงียบ ๆ เดินเข้ามาหา ก่อนจะนั่งลงตรงหน้าแม่ของลูก

แต่พิมพกานต์ก็ยังไม่ทันได้สังเกตว่าชลธีมานั่งตอนไหน เพราะเธอเอาแต่มองหน้าลูกที่กำลังดูดนมอย่างเอร็ดอร่อย ยิ้มจนตาเป็นสระอิ ชลธีที่เห็นความน่ารักของลูกก็อดใจไม่ไหวเช่นกัน มือหนาเอื้อมไปเขี่ยแก้มกลม ๆ ของลูกน้อยอย่างอ่อนโยน

“พะ พี่ธีร์”

“ก็ให้นมลูกไปสิ ฉันจะเล่นกับลูก”

“ค่ะ” เพราะกลัวเขาจะพูดมันออกมาอีก ก็ได้แต่ปล่อยเลยตามเลย เปลือยอกให้นมลูกต่อหน้าเขาอยู่แบบนั้น เพราะเธอกลัวว่าหากเขาไม่พอใจแล้วจะหาแม่นมให้ลูกจริง ๆ ซึ่งแบบถ้าเป็นแบบนั้นก็ยิ่งทำให้เธอได้มีโอกาสใกล้ชิดลูกน้อยลงไปอีก

ด้านเด็กชายที่ถูกทั้งพ่อเล่นด้วย ทั้งกินนมแม่ไปด้วย ก็เริ่มสิ้นฤทธิ์ เปลือกตาหนักขึ้นเรื่อย ๆ จนให้ที่สุดก็เคลิ้มหลับไป

“หลับซะแล้ว” พิมพกานต์ว่าอย่างยิ้ม ๆ ก็จะขยับตัวลุกขึ้นยืน โดยมีชลธีคอยมองอยู่เงียบ ๆ

เด็กชายตัวน้อยถูกวางไว้ในเปลอย่างแผ่วเบา ก่อนที่ฝ่ามือบางของคุณแม่นั้นจะตบที่ก้นให้เบา ๆ เมื่อเจ้าตัวเล็กทำท่าจะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง

“นอนนะคะ เดี๋ยวแม่ไปทำงานก่อน” มือบางยกขึ้นลูบหัวน้อย ๆ ของลูกชายแผ่วเบา แม้อยากอยู่กับลูกให้นานกว่านี้ แต่ก็กลัวว่าพ่อของลูกจะว่าเอา เพราะอาหารเย็นของเขาก็ยังทำไม่เสร็จ ก่อนจะตัดสินใจก้มลงจุ๊บที่หน้าผากลูกเพื่อลาไปทำงาน แต่ริมฝีปากยังไม่ทันจะได้สัมผัส เสียงเข้มของพ่อของลูกก็ดังขัดขึ้นซะก่อน

“จะทำอะไร”

เสียงเข้มที่ดังขึ้นทำให้เธอชะงักอยู่ครู่เดียวเท่านั้น ก่อนจะโน้มตัวลงจุ๊บที่หน้าผากลูกให้สำเร็จ เขาจะด่าจะว่ายังไงเธอก็พร้อมรับ แต่ขอให้เธอได้กอดได้หอมลูกบ้าง

“ข้าวแค่จะหอมลูก” เธอเอ่ยตอบเขาเสียงเบา พร้อมกับบีบมือตัวเองแน่น เธอไม่ชอบที่ตัวเองอ่อนแอแบบนี้เลย

“ฉันอนุญาต?” ชลธีว่าขึ้น ก่อนจะเดินเข้ามาหาคนตัวเล็กที่ยืนก้มหน้าบีบมือตัวเองอยู่

“แต่ภูผาก็เป็นลูกข้าวเหมือนกันนะคะ” เสียงหวานดังขึ้นมาเล็กน้อย พร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองเขาไปด้วย

“เหอะ ลูกเธองั้นหรอ?”

“ลูกชายฉันแค่อาศัยท้องเธอมาเกิดเท่านั้น”

“พะ พี่ธีร์” ในตอนนี้เธอแทบหาเสียงตัวเองไม่เจอ หลังจากได้ยินสิ่งที่เขาพูด...อ อาศัยท้องเธอมาเกิดงั้นหรอ

“ฆาตกรอย่างเธอ ไม่เหมาะจะเป็นแม่ใครทั้งนั้น ฉันให้เธอได้ให้นมลูกมันก็มากพอแล้ว”

“เพราะงั้นอย่าคิดจะเอาตัวสกปรก ๆ ของเธอ มาเข้าใกล้ลูกชายฉันอีก”

“ถ้าเธอยังอยากเห็นหน้าลูกอยู่...อย่าหาว่าฉันไม่เตือน”

“แต่ข้าวไม่ได้เป็นคนทำนะคะ ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ขะ...อึก” ยังไม่ทันที่จะพูดจบ มือหนาของเขาก็บีบเข้าที่คอของเธอในทันที อย่างไม่ทันได้ตั้งตัว ก่อนที่เขาจะเพิ่มแรงบีบมากขึ้นเรื่อย ๆ อีกทั้งสายตาเขาในตอนนี้ก็ดูน่ากลัวเอามาก ๆ เหมือนเขาพร้อมจะฆ่าเธอในทันที หากเธอยังไม่หยุดพูด

“แค่ก พะ พี่ธีร์ ขะ ข้าว หายใจ มะ ไม่ แค่ก ออก” ใบหน้าสวยเริ่มแดงขึ้นเรื่อย ๆ ตามแรงบีบของเขา มือบางก็ยกขึ้นทุบแขนของเขาไม่หยุด แต่เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะปล่อยเธอไปเลย ดวงตากลมใสที่เอ่อคลอไปด้วยน้ำตามองชายหนุ่มตรงหน้าด้วยสายตาตัดพ้อ ก่อนจะหันมองลูกน้อยที่นอนหลับไม่รู้เรื่องบนเปลเป็นครั้งสุดท้าย เมื่อคิดว่าตัวเองคงจะต้องลาจากโลกนี้ไปแล้ว

“นี่แค่เตือนเท่านั้น” ชลธีว่าเสียงเรียบ ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

พรึบ และทันทีที่เขาปล่อย ร่างบางก็ทรุดตัวลงนั่งกับพื้นทันที ก่อนน้ำตาจะไหลเป็นสาย อย่างไม่มีทีท่าว่าจุดหยุด

“ฮึก ฮือ” ในใจเธอตอนนี้มันเจ็บไปหมด แถมตัวก็ยังสั่นเพราะความกลัว เมื่อกี้เขาเกือบจะฆ่าเธอแล้วด้วยซ้ำ เธอเกือบจะ...เกือบจะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าลูก เกือบจะไม่ได้ให้นมลูกอีกแล้ว...เป็นเหมือนกับคำขู่ของเขา...ว่าเขาไม่เพียงพูดมันเฉย ๆ เขาเอาจริง และตอนนี้เธอก็รู้ซึ้งแล้ว

...

“โธ่เว้ย!!”

ปึก ปึก หมัดหนัก ๆ ชกที่ผนังห้องเต็มแรง มือนี้ มือนี้ที่เขาใช้ทำร้ายเธอ ปึก ไม่รู้ว่าการทำให้เธอเจ็บ ทำไมเขาต้องมารู้สึกเจ็บเองด้วย

ทั้ง ๆ ที่มันไม่ควรมีความรู้สึกแบบนี้เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ

ปึก! ความหนักของหมัดทำให้หลังมือหนาของชลธีนั้นแตก พร้อมกับของเหลวสีแดงข้นที่ไหลออกมาไม่หยุด ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ยอมยั้งมือในการปลดปล่อยอารมณ์ใส่ผนังห้องเลยแม้แต่น้อย

ปึก ปึก ปึก

“โธ่เว้ย!!!!!!” เสียงเข้มตวาดลั่นไปทั่วบริเวณ หวังจะให้ความรู้สึกเจ็บปวดในใจนั้นคลายลง แต่มันก็ไม่ช่วยอะไรเลยแม้แต่น้อย

เขาแค่อยากให้เธอรู้สึกอย่างที่เขารู้สึก รู้สึกถึงความสูญเสีย อย่างที่เขาเคยเป็น เพราะเธอตัวคนเดียว การที่เขาพรากลูกไปจากเธอนั้น มันเป็นหนึ่งในแผนการทั้งหมดที่เขาคิดออก หนึ่งในแผนการที่จะทำให้เธอรู้สึกอย่างที่เขารู้สึก เพราะฆาตกรอย่างเธอการตายไปเฉย ๆ นั้นมันง่ายไป มันไม่สาสมกับที่เธอทำกับพี่ชายและพี่สะใภ้เขาอย่างโหดร้าย

แต่สิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้มันกลับทำให้เขารู้สึกเจ็บขึ้นมาซะเอง ความรู้สึกเจ็บปวดที่มาพร้อมกับความรู้สึกผิด...

ชายหนุ่มร่างสูงทิ้งตัวลงนั่งกับพื้น แผ่นหลังกว้างพิงผนังห้องเอาไว้ ก่อนที่มือหน้าของเขาจะยกขึ้นจับผมตัวเองเอาไว้พร้อมกับยีเบา ๆ

ในตอนที่มองหน้าลูกมันทำให้เขาอดที่จะรู้สึกผิดไม่ได้ รู้สึกผิดที่ตัดขาดไม่ให้ลูกได้รับไออุ่นจากแม่...ตัดไม่ให้ลูกได้ใกล้ชิดแม่นอกจากดื่มนมจากอกแม่...แน่นอนว่าลูกของเขา เขาก็รักของเขาอยู่แล้ว

แต่การให้ลูกมีแม่เป็นฆาตกรทำร้ายคนอื่นอย่างเลือดเย็น อย่างข้าวหอม...เขายอมให้ลูกขาดความอบอุ่นจากแม่เสียดีกว่า เขาจะใช้ความรักของเขาที่มีทดแทนให้ลูกเอง ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่ามันจะเพียงพอรึเปล่า...แต่เพื่อลูกแล้วเขาจะพยายามอย่างถึงที่สุด

“พ่อขอโทษ...” ชลธีตัดสินใจเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง

ที่ตอนนี้ไร้เงาของแม่ของลูก มือหนายกขึ้นลูบหัวลูกชายเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขอโทษซ้ำอีก

“พ่อขอโทษ” ขอโทษที่ต้องทำแบบนี้ ขอโทษที่ใช้ภูผาเป็นเครื่องมือในการทำร้ายแม่ พ่อขอโทษ ประโยคหลังนั้นเขาต่อมันขึ้นมาในใจ...เพราะเขาไม่สามารถพูดมันออกมาได้....

...

“อาหารส่วนของคุณธีร์เสร็จแล้ว ข้าวฝากจัดขึ้นโต๊ะให้คุณธีร์ทีนะ” พิมพกานต์เอ่ยบอกเด็กในบ้าน ในตอนนี้เธอไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้าเขาเลยจริง ๆ เธอมีกะจิตกะใจมาทำอาหารให้เขาทาน ก็ถือว่าดีมากแล้ว

“แล้วคุณไม่กินหรอคะ” เด็กสาวเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง คนที่หน้าซีด ๆ ตรงหน้า ซ้ำที่คอยังมีรอยแดงใหญ่ ‘ไม่ได้การแล้วอย่างนี้ต้องรายงานให้ป้ามะลิรู้ ว่ามีคนทำร้ายแม่ของคุณหนูน้อย’

“ข้าวกินไปบ้างแล้วค่ะ ยังไงข้าวขอตัวก่อนนะคะ” ว่าจบก็เดินเลี่ยงออกมาทันที และสถานีต่อไปก็คือห้องนอนใหม่ของเธอ ห้องนอนใหม่ที่เขาให้คนจัดให้...แทนการอยู่ห้องกว้างที่เขาและลูกนอนอยู่

หลังจากเข้ามาในห้องก็ปิดประตูลงกลอนทันที ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งพิงผนังประตูกอดเข่าร้องไห้อยู่อย่างนั้นไม่ยอมลุกไปไหน ในตอนนี้เธออยู่คนเดียว ไม่มีเหตุผลที่เธอจะต้องกักเก็บน้ำตาแห่งความเสียใจไว้อีกต่อไป แม้ว่าตอนที่อยู่กับลูกเมื่อครู่เธอจะร้องไห้ออกมามากแล้ว..แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับการร้องไห้คนเดียวอยู่ตอนนี้

ก๊อก ๆ

“คุณข้าวคะ คุณข้าวอยู่รึเปล่า” เสียงเคาะประตูที่ดังขึ้น ทำให้พิมพกานต์รีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาออกอย่างลวก ๆ กลัวว่าคนมาเรียกจะมีธุระเรื่องลูกชายตัวน้อยของเธอ ที่มักตื่นขึ้นมาร้องไห้หิวนมอยู่บ่อย ๆ

“มีอะไรรึเปล่าคะ”

“คะ คุณข้าว” สภาพของคนตรงหน้า ทำให้สาวใช้ลืมคำพูดไปหมดสิ้น กว่าจะได้สติก็ตอนเพื่อนสาวใช้ด้วยกันเข้ามาเรียก

“เจอคุณข้าวรึเปล่า”

“มีอะไรหรอคะ” พิมพกานต์เลือกที่จะเดินเข้าไปถามสาวใช้ที่มาใหม่แทน

“คือว่า คือว่า...” พอเห็นสภาพของข้าวหอมแล้ว เธอเองก็ไม่กล้าพูดมันออกไปเหมือนกัน สภาพใบหน้าสวยหวานที่ซีดเซียว ซ้ำใต้ยังดูบวม ๆ บ่งบอกได้ว่าข้าวหอมนั้นผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก ไหนจะรอยแดงใหญ่ที่คออีก

“เกิดเรื่องอะไรกับน้องภูผารึเปล่าคะ” ในตอนนี้สิ่งที่เธอสนใจ

มีเพียงแค่เรื่องลูกเท่านั้น

“มะ ไม่ใช่ค่ะ คือว่า...”

เคร้ง!!

ยังไม่ทันที่สาวใช้จะพูดจบเสียงของตกแตกก็ดังขึ้น ทำให้ข้าวหอมรีบวิ่งไปตามเสียงทันที ด้วยความเป็นห่วงลูกชายเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว วิ่งอย่างไม่สนใจสภาพอันอ่อนแรงของตัวเองเลยแม้แต่น้อย

“มาแล้วหรอ” ทันทีที่เธอเข้ามาถึงสถานที่เกิดเหตุ เสียงเรียบเย็นของชลธีก็ดังขึ้น

“ยืนเซ่ออยู่ทำไม มาทำแผลให้ฉันสิ!!” เสียงเข้มตวาดลั่น เมื่อเธอเอาแต่ยืนนิ่ง ไม่ยอมเดินเข้ามาหา มือเขาที่มันต้องแตก ต้องเจ็บแบบนี้ มันเป็นเพราะเธอไม่ใช่หรือไง

“ที่ฉันพูดไม่ได้ยินหรือไงวะ!” ว่าจบก็เดินเร็ว ๆ เข้าไปหาหญิงสาวที่เอาแต่ยืนนิ่งอยู่ทันที ก่อนจะใช้มือข้างที่ไม่เจ็บ ความเข้าที่ข้อมือเล็กของเธอ แล้วออกแรงดึงให้เธอเดินตามมา

“อ้ะ ปล่อยก่อนค่ะ ขะ ข้าวเจ็บ”

“ก็ท้าไม่มัวแต่ยืนโง่อยู่ ก็คงไม่ต้องเจ็บแบบนี้” ผลัก หลังจากเดินมาถึงโซฟาแล้วเขาก็ผลักเธอให้ลงนั่งทันที ก็จะหย่อนตัวนั่งลงข้าง ๆ พร้อมกับเลื่อนกล่องปฐมพยาบาลไปตรงหน้าเธอ

“นับหนึ่ง” น้ำเสียงกดต่ำพูดขึ้นอีกครั้ง เมื่อเธอยังเอาแต่นั่งตัวสั่น ไม่ยอมทำแผลให้

“ข้าวทำแล้วค่ะ” หลังจากสติกลับเข้ามาอยู่กลับตัว หลังจากที่มันหนีหายเพราะเสียงตวาดของเขา เธอก็ลงมือทำแผลตามคำสั่งของเขาทันที หลังจากพิจารณาดูบาดแผลบนมือของเขาเรียบร้อยแล้ว

อันที่จริงเธอไม่ค่อยเก่งเรื่องพวกนี้ เป็นเขาเองที่สอน ไม่สิเป็นพี่ธีร์แสนดีของเธอต่างหากที่สอน...

‘จำไว้นะครับ ถ้าพี่มีแผลแบบนี้ให้ใช้อันนี้ล้างแผลให้พี่ก่อน’

‘แต่ถ้าเป็นแผลแบบนี้’ นิ้วเรียวของเขาเลื่อนมาชี้บาดแผลอีกจุด

‘ให้ใช้อันนี้ทา’

‘ทำไมต้องให้ข้าวจำด้วยล่ะคะ’

‘ก็ถ้าพี่บาดเจ็บมา ข้าวจะได้ทำแผลให้พี่ไงครับ’

‘งั้นพี่ธีร์ก็อย่าทำให้ตัวเองเจ็บตัวสิคะ ข้าวจะได้ไม่ต้องทำแผลให้พี่ธีร์’

‘เพราะเราไม่อยากทำแผลให้พี่สินะ พี่เข้าใจแล้ว’

‘ไม่ใช่นะคะ ข้าวแค่อยากให้พี่ธีร์เจ็บตัวต่างหาก’

.

มือหนาที่แตกจนเลือดไหลซิบออกมาไม่หยุด เธอจึงค่อย ๆ ทำมันอย่างเบามือตามความเคยชิน หลงลืมลืมสิ่งเลวร้ายที่เขาทำก่อนหน้า หลงลืมไปเลยว่าหากออกแรงเพิ่มขึ้นจะสามารถทำให้เขาเจ็บเป็นการเอาคืนเขาเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้

“เสร็จแล้ว งั้นข้าวขอตัวก่อนนะคะ” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืนในทันที แม้ตอนทำแผลเธอจะลืมเพราะความเคยชินไปบ้าง แต่ตอนนี้เธอจำได้... จำได้ว่าเมื่อครู่นี้เขาใจร้ายกับเธอมากขนาดไหน และจำได้ว่าตัวเองในตอนนี้ไม่พร้อมที่จะสู้หน้ากับเขา

หมับ

“จะไปไหน”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel