42 ภูผา
หลังจากจบค่ำคืนอันเร่าร้อนลง ก็ดูเหมือนอะไร ๆ จะดีขึ้น
พิมพกานต์ใช้ชีวิตอยู่ในบ้านหลังใหญ่ หน้าที่เธอมีแค่ทำอาหารให้เขาทานเท่านั้น ส่วนตอนเย็นก็ร่วมบรรเลงเพลงรักไปกับเขา ส่วนเรื่องคำพูดร้าย ๆ ของเขานั้นเธอแทบจะไม่ได้ยินมันเลย...
ไม่สิ เขาไม่ค่อยพูดกับเธอเลยด้วยซ้ำ กลับกลายเป็นความเฉยชาที่เข้ามาแทนที่ เขาทานข้าวเสร็จเขาก็ไปทำงาน กลับมาเขาก็ทานข้าว
ตกดึกเราก็มีเซ็กส์กัน มันวน ๆ อยู่อย่างนั้น
แต่บางครั้งเขาก็หายไปหลายวัน เห็นป้ามะลิบอกว่าเขานั้นไปทำงานที่เกาะ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่เคยบอกมันกับเธอเลยสักครั้งว่าเขาจะไปไหนมาไหน มีแต่เธอที่คอยรอ คอยเป็นห่วงว่าเขาจะกลับบ้านปลอดภัยไหมอยู่ฝ่ายเดียว อย่างที่รู้กันว่างานที่เกาะของเขา ที่เขาทำนั้นแต่ละอย่างมีแต่งานอันตราย ๆ ทั้งนั้น ถึงอย่างนั้นเธอก็พูดอะไรไม่ได้ เพราะมันคืองานของเขา ได้แต่ดูอยู่ห่าง ๆ อย่างห่วง ๆ หวังว่าเขาจะปลอดภัยก็เท่านั้น
และก็มีอีกเรื่องที่คอยแวะเวียนมากวนใจเธออยู่เสมอก็คือผู้หญิงที่หน้าตาเหมือนเธอ เหมือนราวกับคนคนเดียวกัน รูปที่เขาให้เธอดูวันนั้น เธอไม่เคยลืมมันได้เลย ภาพมันยังคงฉายชัดอยู่ในหัว แต่ทว่าเธอกลับไม่สามารถหาคำตอบได้เลย ว่าจริง ๆ ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกันแน่ แต่ที่เธอมั่นใจ ไม่ใช่เธออย่างแน่นอน
ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยกล้าที่จะพูดเรื่องนี้กับเขา เธอกลัวว่าจะไปเผลอปลุกซาตานร้ายในตัวเขาเข้า ถึงตอนนี้เขาจะไม่ได้ร้าย แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะไม่กลับมาร้ายได้อีก และเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็ได้แต่กลืนความสงสัยนั้นลงท้อง หวังว่าสักวันความจริงจะปรากฏ ให้เธอหลุดพ้นจากข้อกล่าวหา และเขากลับมาเป็นพี่ธีร์คนเดิมของเธอ
"พี่ธีร์ไม่รับสายหรอคะ" เสียงหวานเอ่ยถามคนสนิทของพ่อของลูก วันนี้เป็นวันครบกำหนดคลอดแล้ว อีกไม่ถึงชั่วโมงเธอก็จะเข้าห้องคลอดแล้ว แต่ทว่ายังไม่เห็นเขาเลยแม้แต่น้อย
"ครับ สงสัยคงจะขับรถอยู่ คุณข้าวรอหน่อยนะครับ"
"ค่ะ" น้ำเสียงที่ตอบรับนั้นฟังดูเศร้าสร้อย รู้ได้ในทันทีว่าผู้พูดนั้นรู้สึกอย่างไร มะลิที่นั่งมองเหตุการณ์อยู่เงียบ ๆ ทนไม่ไหว ต้องเข้ามาเอ่ยปลอบ
“เดี๋ยวคุณธีร์ก็มา ไม่ต้องกลัวนะลูก ไม่ต้องกลัว” มือเหี่ยวย่นลูบหัวหญิงสาวตรงหน้าเบา ๆ
“ข้าวกลัวค่ะป้ามะลิ ข้าวกลัว...” เธอไม่เคยท้องมาก่อน นี่เป็นครั้งแรก... อีกทั้งคนที่เธอต้องการกำลังใจมากที่สุด ก็ไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน ทั้งที่รับปากแล้วว่าหากเธอคลอดเขาจะมา เธอถามเขาอยู่บ่อยครั้ง จนมั่นใจว่าคงจะไม่ถูกเขาหลอกให้ดีใจเก้อ แต่ไหนเลยตอนนี้เขายังไม่แม้จะโผล่หน้ามา ซ้ำยังไม่รับสายโทรศัพท์อีก
“ไม่ต้องกลัวนะคะ หมอที่โรงพยาบาลนี้เก่ง อีกอย่างคุณหมอไอริสที่ทำคลอดหนูข้าวป้าก็รู้จัก ป้ามั่นใจว่าหนูข้าวกับคุณหนูภูผาของป้าจะปลอดภัยอย่างแน่นอนค่ะ”
“ค่ะ” ว่าจบก็พยักหน้ารับ ก่อนจะนับเวลารอพ่อของลูกต่อไป แต่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังไม่มา หมอกที่โทรไปหาก็ไม่มีสัญญาณตอบรับอีกเช่นเคย ทำให้เธอต้องเข้าห้องคลอดไปคนเดียว...ผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากไปคนเดียว
หลังจากคุณหมอให้สัญญาณว่าจะทำการบล็อกหลังแล้ว น้ำตาก็เอ่อคลอขึ้นมา สุดท้ายแล้วเขาก็โกหก หลอกให้เธอเจ็บอีกครั้ง แต่เธอก็ไม่เคยจะจำ หรือจะเตรียมใจรับความผิดหวังและความเจ็บปวด เพราะเธอไว้ใจเขามาก...เป็นอย่างที่เขาเคยบอกว่าหากไม่อยากเจ็บอย่ารักเขา อย่าใจอ่อนให้เขา...แต่จะให้ทำยังไงได้ ก็เธอรักเขาไปแล้ว...รักอย่างไม่คิดจะเพื่อใจ
และแล้วเวลาที่ยาวนานและยากลำบากก็จบลง ทารกเพศชายได้ออกมาลืมตาดูโลกกว้าง หลังจากขดตัวอยู่ในท้องคุณแม่คนสวยเกือบเก้าเดือน เสียงร้องไห้จ้าดังไปทั่วบริเวณ ก่อนที่พยาบาลจะนำเด็กชายตัวน้อยมาให้คุณแม่ได้ยลโฉมหลังจากทำความสะอาดตัวให้เสร็จ
“ภูผา...ลูก” หลังจากได้เห็นใบหน้าเล็ก ๆ ตัวแดง ๆ ของลูกชายแล้ว น้ำตาก็หยดแหมะอาบแก้มนวลในทันที ลูก ลูกของเธอ ลูกชายของเธอ...’ แม่บัวคะ แม่บัวมีหลานแล้วนะคะ...หลานชายของแม่บัวชื่อน้องภูผาค่ะ...’
“แอ๊ แอ๊ แอ๊” เด็กชายยังคงส่งเสียงร้องลั่นไปทั่วห้องคลอด พาให้หมอและพยาบาลต่างก็อมยิ้ม รวมถึงคุณแม่คนสวยด้วย
“คลอดแล้วหมอก หนูข้าวคลอดแล้ว ดูสิคุณหนูน้อยร้องไห้ซะดังเชียว” หญิงชราว่าอย่างยิ้ม ๆ รอยยิ้มเต็มใบหน้าอย่างเปี่ยมสุข ก่อนจะรีบยกโทรศัพท์ขึ้นโทรไปแจ้งข่าวดีกับรุ่นน้องอย่างสายหยุด
“ครับป้า” หมอกเองก็ยิ้มออกมาเช่นกัน...ในที่สุดนายหัวของเขาก็มีครอบครัวอย่างคนอื่นเขาแล้ว นายหัวของเขาจะได้ไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยวอีกแล้ว พอคิดแบบนี้ก็รีบต่อสายหานายหัวเพื่อแจ้งข่าวดีทันที
แต่ทว่ามันก็ยังเหมือนเดิน...หมายเลขที่ท่านเรียกไม่สามารถติดต่อได้
“ข้าวหอมล่ะ ข้าวหอมอยู่ไหน” เสียงเข้มที่ดังขึ้นอยู่ข้างหลัง
ทำให้หมอกต้องรีบหันไปมอง ก่อนจะพบว่านายหัวเขากำลังยืนหอบหายใจอยู่
“เธออยู่ในห้องคลอดครับ...” ยังไม่ทันที่จะพูดจบ ประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกพร้อมกับร่างบางของคุณแม่ลูกหนึ่งที่บนเตียงถูกเข็นออกมา เห็นแบบนั้นชลธีก็รีบเดินเร็ว ๆ เข้าไปหาทันที
“พี่ธีร์...” น้ำเสียงแหพร่าเอ่ยเรียกพ่อของลูก สติที่เหลืออยู่น้อยนิดทำให้เธอพอจะมองเห็นเขาอยู่บ้าง ก่อนจะส่งยิ้มบาง ๆ ให้เขา
“ข้าวหอม!” ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร คนตัวเล็กก็หมดสติไปเสียก่อน ทำให้เขาได้แต่เดินตามรถเข็นเธอไปยังห้องพักพิเศษเท่านั้น
เพราะรถติดทำให้การเดินทางที่คำนวณไว้คลาดเคลื่อนไปถึงสองชั่วโมง ซ้ำตอนขับใกล้ถึงโรงพยาบาลมันก็ยังติดอีก ทำให้เขาตัดสินใจจอดรถไว้ข้างทาง ก่อนจะวิ่งมาแทน...แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ไม่ทันอยู่ดี
“อีกนานเลยกว่าคุณข้าวเธอจะฟื้น ธีร์อยากไปดูลูกรึเปล่า” เสียงใสของคุณหมอคนสวยผู้เข้ามาใหม่พูดขึ้น ทำให้ชายหนุ่มที่ยืนเหม่อไม่ได้สติอยู่ปลายเตียงรู้สึกตัว
“ไอว่าไงนะ”
“ไอจะชวนธีร์ไปดูน้องภูผา ธีร์จะไปด้วยกันรึเปล่า”
“อืม ไปสิ” ว่าจบอดีตคู่รักก็เดินเคียงคู่กันไป ทิ้งให้ใครอีกคนที่อ่อนแรงเพราะการคลอดลูกอยู่ในห้องคนเดียว เพราะป้ามะลิและหมอกนั้น ต่างก็พากันออกไปคุยโทรศัพท์
“เหมือนธีร์เลยเนอะ ว่าไหม” ไอริสว่าขึ้นเมื่อเดินมาถึงห้องกระจกที่น้องภูผานั้นอยู่ แต่กลับไร้เสียงตอบรับจากชายหนุ่มข้างกาย
ด้านคนที่ถูกถามหลังจากเห็นหน้าลูกชายแล้ว ก็ได้แต่จมอยู่ในความคิดตัวเอง หากตอนนั้นเขายอมมีใครสักคน ยอมมีครอบครัว ยอมมีลูกอย่างที่พี่ชายของเขาบอก...เขาจะยังเสียพี่ชายไปไหมนะ
‘พี่ขุนนั่นลูกของผม ลูกของผม...น้องภูผา’ นัยน์ตาคมค่อย ๆ แดงขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อนึกถึงพี่ชาย อย่างที่รู้กันว่าคนในครอบครัวของเขานั้นจากไปตั้งแต่เขายังเด็ก ทำให้ความทรงจำส่วนใหญ่นับจากนั้นมามีเพียงพี่ชายของเขาเท่านั้น ที่ร่วมอยู่ด้วยในทุกช่วงเวลาของการเติบโต เรามีกันแค่สองคน พี่ขุนจึงเป็นเหมือนทุกอย่างในชีวิตเขา ทั้งพ่อทั้งแม่ ทั้งเพื่อนและพี่ชาย
แต่สุดท้ายแล้ว ก็มีใครบางคนมาพรากเอาสิ่งเหล่านั้นไปจากเขา...
นัยน์ตาคมที่แดงก่ำเพราะความเศร้าโศกค่อย ๆ แข็งกร้าวขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อนึกถึงใครบางคน
“ธีร์ ธีร์ ได้ยินที่ไอพูดรึเปล่า” ไอริสเอ่ยเรียกคนรักซ้ำ เมื่อเห็นชลธีเอาแต่เหม่อ เหมือนกับว่าเขาจมอยู่ในความคิด และตอนนี้ดวงตาเขาก็ดูน่ากลัวเอามาก ๆ ทำให้เธอไม่กล้าที่จะสบตาเลย
“ไอว่าไงนะ” คนพึ่งได้สติตอบรับ
“ไอบอกว่าน้องภูผาหน้าตาเหมือนธีร์เลย ธีร์คิดแบบเดียวกันรึเปล่า”
“ไม่รู้สิ คงต้องถามป้ามะลิ” หากจะให้ชัวร์ก็คงต้องถามป้ามะลิ เพราะป้ามะลิเป็นคนเลี้ยงเขามาตั้งแต่เด็ก แต่ถึงอย่างนั้นคิ้วเข้ม ๆ ที่พาดเฉียงอยู่บนหน้า ก็ทำให้เขาคิดแบบเดียวกันกับคนรักเก่า ว่าลูกนั้นเหมือนเขา...
“งั้นไว้ไอแวะไปกินข้าวที่บ้าน ไอค่อยถามก็แล้วกัน” ไอริสว่าขึ้น ตั้งแต่วันนั้นที่ได้รับคำชวนเธอก็มักจะแวะเวียนไปกินข้าวที่นั่นบ่อย ๆ จนรับรู้เรื่องราวบางอย่าง
‘ฉันล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ แม่สาย ว่าทำไมคุณธีร์ถึงได้ให้หนูข้าวหอมทำงานแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่หนูข้าวหอมยังตั้งท้องอยู่แท้ ๆ’
‘ไม่รู้ว่าคุณธีร์คิดอะไรอยู่’
‘วะ ว่ายังไงนะ อะ อุ้มบุญหรอ...’
...
“คุณหนูภูผาของยายกลับมาแล้ว” มะลิรีบเดินเข้ามาหาชลธีในทันที ที่ชายหนุ่มนั้นอุ้มลูกลงมาจากรถ โดยมีพิมพกานต์เดินตามลงมาติด ๆ
“ผมฝากป้ามะลิจัดห้องคนใช้เพิ่มอีกหนึ่งห้องด้วยนะครับ” ชลธีที่อุ้มลูกชายตัวน้อยเข้ามาในบริเวณบ้านพูดขึ้น และสิ่งที่เขาพูดก็ทำให้มะลิต้องแปลกใจ บ้านก็ไม่ได้มีคุณ ๆ ให้ดูแลเยอะแยะมากมาย แค่นี้คนใช้ก็แทบจะนั่งกินเงินเดือนกันอยู่แล้ว และยิ่งช่วงที่คุณธีร์อยู่เกาะแทบจะนอนกินเงินเดือนกันเลยก็ว่าได้ แล้วนี่คุณธีร์จะรับคนใช้เพิ่มอีกอย่างงั้นหรอ
เมื่อสงสัยก็เอ่ยถามในทันที
“คุณธีร์จะรับคนใช้เพิ่มอีกหรอคะ”
“เปล่าครับ ข้าวหอมเธอจะไปอยู่ที่นั่น” ชลธีว่าเสียงเรียบ ก่อนจะเดินขึ้นบ้านไปพร้อมกับลูกชาย และสิ่งที่เขาพูดมันก็เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจของพิมพกานต์ ขาเรียวที่กำลังจะก้าวตามเขาเพื่อไปดูลูกแข็งข้างอยู่อย่างนั้น ค คนใช้งั้นหรอ ...หมายความว่ายังไงกัน มันคงไม่ใช่แผนที่เขาใช้แก้แค้นเธอเรื่องนั้นหรอกใช่ไหม... เธอไม่ได้รังเกียจอะไรกับการที่จะเป็นคนใช้ แต่ถ้าเธออยู่ห้องที่เขาบอกให้ป้ามะลิจัดให้ แล้วลูกล่ะ ลูกจะได้นอนอยู่กับเธอด้วยรึเปล่า
เพราะตลอดเวลาที่เธอพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น เธอแทบไม่ได้เข้าใกล้ลูกเลยหากเขาอยู่ด้วย นอกจากให้นมลูกเท่านั้นที่เธอได้ทำ เพราะหลังจากลูกกินนมเสร็จและหลับคาอกเธอ เขาก็แย่งเอาลูกไปอุ้ม เอาลูกลงนอนเอง ไม่ให้เธอได้ทำเลยสักครั้ง...
แต่หากเขาไม่อยู่ หากเขาไปทำงานเธอก็จะพอได้ทำบ้าง แต่เมื่อเขากลับมาทุกอย่างมันก็จะอยู่ในการควบคุมของเขาทั้งหมด สิ่งนี้มันทำให้เธอกังวล เพราะหากเธอลงมานอนอยู่ห้องที่เขาจัดให้แล้ว เธอจะมีสิทธิ์ได้นอนกอดลูกรึเปล่า...
“หนูข้าว...หนูโอเครึเปล่า” มะลิเอ่ยทำหญิงสาวที่มองตามลูกชายที่ถูกอุ้มไป ดวงตากลมสวยมีน้ำตาคลออยู่ ซ้ำใบหน้าสวยหวานยังเศร้าสร้อย เป็นอย่างที่สายหยุดบอกเธอไว้ไม่มีผิด ว่าระหว่างคุณธีร์กับหนูข้าวหอมนั้น มีเรื่องไม่ชอบมาพากลบางอย่าง...ซึ่งเธอกับสายหยุดเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าเรื่องอะไร
พิมพกานต์ส่ายหน้าไปมาน้อย ๆ ก่อนจะพูดขึ้น
“ข้าวโอเคค่ะ” ซึ่งสิ่งที่พูดกับสิ่งที่แสดงออกนั้นสวนทางกันอย่างชัดเจน ทำให้มะลิอดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ ตอนที่หนูข้าวหอมพักฟื้นอยู่ที่โรงพยาบาลนั้น เธอเกิดป่วยขึ้นมาพอดีทำให้ไม่รู้ว่าที่นั่นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นบ้าง...แต่เห็นท่าทีของคุณธีร์กับหนูข้าวหอมแบบนี้แล้ว มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่
“ข้าวขอไปเตรียมอาหารเย็นก่อนนะคะ” ว่าจบก็เดินก้มหัวผ่านหน้าป้ามะลิไปทางครัวทันที ในตอนนี้เธอขอไปทำหน้าที่ของตัวเองก่อน เพราะจากสิ่งที่เขาพูดมาก็มีความหมายในตัวชัดเจนแล้ว ว่าเธอต้องทำงานด้วยไม่ใช่อยู่เลี้ยงลูกอยากเดียว เลี้ยงลูกที่เธอเองก็ไม่แน่ใจว่าจะมีสิทธิ์ได้ใกล้ชิดมากน้อยเพียงใด
อีกอย่างในตอนนี้ นอกจากพ่อของลูกที่รอกินข้าวและอาจโวยวายหากเธอไม่ทำแล้ว ก็ยังมีเธอเองที่ต้องทำอาหารที่มีประโยชน์ให้ตัวเองทาน เพื่อจะได้มีน้ำนมให้ลูก ลูกชายที่กินเก่งเหลือเกิน เอาเข้าเต้าทีไรก็ดูดนมเธอจนเกลี้ยง น้ำนมแทบจะไหลไม่ทัน เพราะเจ้าตัวเล็กนั้นดูดเก่ง จนตอนนี้อายุเพียงหนึ่งสัปดาห์ก็อ้วนจ้ำม่ำแล้ว
“อ้ะ” เพราะมัวแต่เหม่อคิดนั่นคิดนี้ไปเรื่อย ทำให้มือที่กำลังหั่นผักโดนมีดบาดในที่สุด แต่ยังไม่ทันจะได้ทำแผล ก็มีเสียงเด็กในบ้านเรียกเข้าซะก่อน
“คุณข้าวหอมคะ คุณธีร์เรียกค่ะ”
“เรียกข้าวหรอคะ”
“ใช่ค่ะ”
“ข้าวขอทำกับข้าวต่ออีกหน่อยได้ไหมคะ ใกล้จะเสร็จแล้ว”
“รีบไปตอนนี้เลยดีกว่าค่ะ คุณหนูร้องไห้ใหญ่แล้ว และคุณธีร์เองก็...” ดูจะโมโหด้วย ยังไม่ทันที่จะพูดประโยคหลังจบ ข้าวหอมก็เดินเร็ว ๆ ขึ้นบ้านไปเสียแล้ว ทำให้เธอไม่ได้บอกเรื่องสำคัญให้ข้าวหอมได้เตรียมใจ
“ภะ ภูผาลูก” เสียงหอบหายใจเอ่ยเรียกลูกชายที่กำลังแผดเสียงร้องไห้อยู่ แต่กลับถูกพ่อของลูกกระชากข้อแขนเข้าไปประชิดตัว พร้อมกับตวาดใส่
“เป็นแม่ประสาอะไร! ลูกร้องไห้หิวนมขนาดนี้มัวทำบ้าอะไรอยู่!!”
