39 ปลอบ
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลสถานที่แรกที่ชลธีไปแน่นอนว่าต้องเป็นห้องพักพิเศษของแม่ของลูกเขา
“เธอเป็นยังไงบ้าง”
“...” คุณหมอคนสวยไม่ตอบอะไร เพียงแต่เพยิดหน้าไปในห้องเท่านั้น ในห้องที่มีหญิงสาวในชุดคลุมสีผ้าอ่อนนั่งไกวขาอยู่ปลายเตียง มือบางคอยยกขึ้นลูบไล้หน้าท้องนูนขอตัวเองเบา ๆ
“ข้าวหอม” ทันทีที่เปิดประตูเข้าไป ชลธีก็โผเข้ากอดคนตัวเล็กทันที และสิ่งที่เขาทำมันก็ทำให้เธอร้องไห้ออกมา
“ไม่เป็นไรแล้วนะ ไม่เป็นไรแล้ว...” เสียงทุ้มเอ่ยปลอบ แต่คนที่โดนกอดกลับเอาแต่ร้องไห้อย่างเดียวไม่พูดอะไรกับเขาเลยแม้แต่น้อย ยิ่งทำให้เขารู้สึกไม่ดี ก่อนจะพูดประโยคหนึ่งขึ้นมา ประโยคที่สัญญากับลูกเอาไว้แล้วว่าหากแม่ของลูกฟื้นขึ้นมาเขาจะพูดมัน
“ฉันขอโทษ...ขอโทษ” เสียงทุ้มเอ่ยบอก พร้อมกลับคอยลูบหลังเธอไปด้วย แต่ก็เหมือนเดิม เธอไม่ตอบเขา และเอาแต่ร้องไห้ หรือแม้แต่ยกแขนขึ้นกอดเขาตอบเธอก็ไม่ทำ...จนคุณหมอสาวที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่เดินเข้ามาหา
“พอก่อนธีร์ ให้เวลาเธอหน่อย”
“แต่...”
“ธีร์” เสียงคุณหมอสาวกดต่ำลงเล็กน้อย ก่อนจะพูดต่อ
“เชื่อไอ ให้เวลาคุณข้าวหอมเธอหน่อย”
สุดท้ายแล้วชลธีก็ต้องยอมผละออกที่อย่างนั้น แต่เขาก็ยังไม่ไปไหน ก่อนจะเอ่ยถามอดีตแฟนสาวให้แน่ใจ
“ร่างกายเธอปกติดี ใช่ไหม”
“อื้ม...แต่สภาพจิตใจ คงต้องดูกันไปก่อน”
“ขอบคุณนะ”
“มันเป็นหน้าที่ของไออยู่แล้ว...”
ครืดด ยังไม่ทันที่จะพูดจบเสียงโทรศัพท์ของชลธีก็ดังขึ้น ก่อนจะเขาจะกดรับสาย
“ครับป้ามะลิ”
“ตอนนี้เธอรู้สึกตัวแล้วครับ”
“ไม่เป็นไรครับ”
“อยู่ครับ”
“ไว้ผมจะบอกเธอให้นะครับ”
“ครับ”
“ครับ”
“มีอะไรรึเปล่า” หลังจากที่ชลธีวางสายเสร็จ คุณหมอสาวก็ถามขึ้นเมื่อเห็นว่าระหว่างที่คุยโทรศัพท์นั้นเขามองมาที่เธอ
“ป้ามะลิ ชวนไอไปกินข้าวที่บ้านน่ะ”
“ได้สิ...ไว้ถ้าว่างไอจะไปนะ”
“อืม”
ด้านหญิงสาวที่เอาที่นั่งเหม่ออยู่นั้น ก็เปลี่ยนอิริยาบถมาเป็นนอนบ้าง เมื่อชลธีเห็นเธอทำท่าจะขยับตัว เขาจึงเข้าไปช่วยทันที ก่อนจะถูกมือบางปัดออก
“ให้ฉันช่วยนะ” แต่มีหรือที่คนอย่างขาจะสนใจ มือหนาช่วยประคองตัวเธอลงเตียงอีกครั้ง ก่อนจะยกผ้าห่มขึ้นคลุมให้ คุณหมอสาวที่เห็นแบบนั้นก็เดินออกจากห้องไปทันที
วันคืนหมุนผ่านอย่างรวดเร็วจนมาถึงวันที่พิมพกานต์ได้ออกจากโรงพยาบาล เมื่อคุณหมอบอกว่าทุกอย่างของเธอนั้นปกติดีแล้ว รวมถึงสภาพจิตใจด้วย...และที่สภาพจิตใจดีขึ้นนั้นจะยกความดีความชอบให้ใครไม่ได้เลยนอกจากเฟื่องฟ้าที่ขยันโทรหา ขยันคุยเล่นทั้งกับเธอและหลาน...รวมถึงป้ามะลิด้วย ที่ขยันทำอาหารอร่อย ๆ มาเยี่ยมคนท้อง
ส่วนชลธีนั้น เขาทำได้แค่ดูอยู่ห่าง ๆ อย่าแสนห่วง เพราะเธอไม่ต้อนรับเขาเลย เขาไปหาก็เอาแต่เงียบ ต่างจากคนอื่นที่มาเยี่ยมที่เธอพูดคุยด้วย แม้เธอจะไม่ได้ยิ้มแย้มมากนัก แต่รอยยิ้มที่เธอยิ้มให้คนอื่นก็เป็นรอยยิ้มที่มาจากใจ ยิ้มถึงดวงตา ต่างจากเขาที่ไม่ยิ้ม ไม่พูด ไม่มองหน้า...
“มากันแล้วหรอคะ” มะลิพูดขึ้น หลังจากที่คุณหนูของเธอนั้นลงมาจากรถแล้ว
“สวัสดีค่ะ” เป็นพิมพกานต์ที่ยกมือขึ้นไหว้อย่างอ่อนน้อม อยู่โรงพยาบาลเธอได้กินของอร่อย ๆ อาหารไม่จำเจ ของดีมีประโยชน์ก็เพราะคุณป้าตรงหน้านี้ ถึงจะแปลกใจที่เขาไม่พาเธอกลับเกาะ แต่เป็นบ้านหลังใหญ่นี่แทน เธอก็ไม่ได้ถามอะไร เพียงแต่อยู่อย่างเงียบ ๆ ตามที่เขาต้องการเท่านั้น เขาให้ทำอะไรก็ทำ เขาอยากจะแก้แค้นโดยการทำเธอเจ็บ จากเรื่องที่เขาเข้าใจว่าเธอฆ่าพี่ชายและพี่สะใภ้ของเขานั้น เธอก็จะยอมให้เขาทำ
แต่สิ่งเดียวที่เธอจะไม่ยอมคือลูก...หากเขาจะทำร้ายลูกด้วยเธอไม่ยอมแน่ เธอไม่รู้หรอกนะว่าที่เขาเคยบอกเธอว่าอยากมีลูกนั้นเป็นหนึ่งในแผนด้วยหรือเปล่า หากเขาไม่รักลูกไม่ต้องการลูก เธอไม่ว่า ขอแค่เขาอย่าทำร้ายลูกของเธอก็พอ ชีวิตที่แสนอาภัพของเธอให้มันเจ็บที่เธอคนเดียว อย่ามีใครมาเจ็บเพราะเธออีกเลย
“มาค่ะ ๆ วันนี้ป้าให้เด็กทำกับข้าวไว้เยอะเลย” พูดพร้อมกับจูงมือคนท้องให้เดินตามเข้าไป อย่างไม่สนใจคุณหนูของตนเลยแม้แต่น้อย
“ขอบคุณนะคะ”
“พี่ธีร์จะให้ข้าวนอนที่ไหนคะ” หลังจากที่ทานข้าวเสร็จแล้ว และชลธีก็มาพิมพกานต์มาเดินเล่น เมื่อฟ้าเริ่มมืดพิมพกานต์จึงพูดขึ้น นับเป็นประโยคแรกในรอบเกือบเดือนเลยก็ว่าได้ที่เธอพูดกับเขา
“...” เมื่อชลธีไม่ตอบพิมพกานต์เองก็เลือกที่จะเงียบเช่นกัน เขาพาเธอมาเดินเล่นโดยที่ไม่ยอมพูดอะไรด้วย พอใกล้มืดเธอเห็นว่าเขาไม่พูดถึงที่หลับนอน ก็เลยยอมเอ่ยปากถามเขา ทั้ง ๆ ที่ไม่อยากจะคุยกับเขาเลยแม้แต่น้อย เพราะยังเจ็บกับเรื่องในวันนั้นอยู่ แต่จะให้ทำไงได้ละ
เมื่อเดินทางจากโรงพยาบาลมาที่นี่มันทำให้เธอรู้สึกล้า ๆ อีกอย่างเธอก็อยากนอนพักผ่อนเอาแรงด้วย
เพื่อเตรียมรับอารมณ์ที่หลากหลายของเขา แม้หลายวันตอนอยู่โรงพยาบาล เขาจะดูเย็น สงบ คล้ายกับพี่ธีร์คนก่อนของเธอ...ถึงอย่างนั้นก็ไม่เหมือนสักทีเดียวเพราะพี่ธีร์ของเธอนั้นอบอุ่น และแสนดีกว่านี้มาก... แต่ถึงเขาจะดี ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะไม่กลับมาอารมณ์ร้ายใส่เธออีก ไม่มีอะไรการันตีได้เลยว่าเขาจะไม่ทำมัน
“ข้าวรู้สึกเพลีย ๆ ค่ะ อยากพักผ่อน” สุดท้ายแล้วเธอก็ต้องยอมพูดกับเขาอีกครั้ง เมื่อเห็นเขาเอาแต่ยืนเงียบเป็นเจ้าชายน้ำแข็ง
“นอนกับฉันที่ห้องใหญ่แล้วกัน” ชลธีว่าเสียงเรียบ ก่อนจะช้อนตัวคนตัวเล็กขึ้นอุ้ม
“วร้าย! มาอุ้มข้าวทำไมคะ ปล่อยข้าวลงนะ”
“เธอบอกเหนื่อยหนิ” ชลธีว่าเพียงเท่านั้น ก็จะอุ้มคนท้องเดินเร็ว ๆ เข้าบ้านไป ก่อนรอยยิ้มมุมปากจะปรากฏขึ้นบนใบหน้า ในที่สุดเธอก็ยอมพูดกับเขาสักที หึ
“แต่ข้าวยังพอเดินไหวค่ะ”
“ถ้าเกิดหน้ามืดแล้วล้มมาจะทำยังไง”
“ไม่เป็นห่วงตัวเองก็เป็นห่วงลูกบ้าง” ชลธีว่าเสียงดุ เมื่อเธอยังคงต่อต้าน ทั้ง ๆ ที่เขาพาเดินมาจนจะถึงห้องอยู่แล้ว
“...” สุดท้ายแล้วก็ต้องยอมเงียบ ปล่อยให้เขาอุ้มไปไหนมาไหนตามอำเภอใจ เพราะกลัวว่าจะทำให้เขาโมโห แล้วปล่อยตัวเธอลง ซึ่งตอนนี้กำลังอยู่ที่บันได
“พี่ธีร์จะพาข้าวไปไหนคะ” เมื่อเข้ามาในห้องแล้ว เขาพาเธอเดินผ่านเตียงนอนไปอย่างหน้าตาเฉย พิมพกานต์จึงว่าขึ้น ทั้งที่อดทนไม่พูดกับเขามาเกือบเดือน กลับออกจากโรงพยาบาลไม่ถึงวันเธอก็พูดกับเขาเกือบจะสิบประโยคแล้ว ทำไมนะ ทำไม ทำไมเธอถึงต้องใจอ่อนให้กับเขาอยู่ตลอดเลย...
“อาบน้ำ” คนอุ้มตอบหน้าตาย ทว่ามันกลับทำให้คนถูกอุ้มตาโต
“อะ อาบน้ำหรอคะ”
“ใช่ มีปัญหาอะไร” ชลธีว่าเสียงเรียบ เมื่อเห็นว่าคนในอ้อมแขนตัวสั่น ๆ ก่อนจะปรับเสียงให้อ่อนลง เมื่อคิดบางอย่างขึ้นมาได้
“ไม่ต้องกลัว...” เสียงทุ้มดังขึ้น เขาหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเหตุการณ์ในวันนั้น เพราะกลัวว่ามันจะไปสะกิดแผลในใจเธอเขา แผลที่เขาเป็นคนทำ...และไอ้สารเลวนั่น เมื่อมันทำกับคนของเขาขนาดนี้ ก็คงไม่ต้องนับว่ามันเป็นเพื่อนอีกต่อไปแล้ว
“คะ?”
“จะนอนทั้งที่ไม่อาบน้ำแบบนี้ ฉันกลัวว่าเธอจะไม่สบายตัว”
“ถ้ารู้สึกเจ็บ หรือรู้สึกไม่ดีบอกฉันนะ” ชลธีว่าเสียงอ่อนโยน ก่อนจะว่างร่างบางไว้บนอ่างล้างหน้าแผ่วเบา มือหนาค่อย ๆ ปลดเสื้อผ้าของคนตัวเล็กออก โดยที่สายตาคมของเขายังจรดจ้องดวงตากลมสวยของเธอไม่ละไปไหน เธอเองก็เหมือนต้องมนต์สะกดเขาอีกครั้ง เมื่อถูกเขาจ้องตาแบบนี้ จะมีสติอีกครั้งก็ตอนที่สัมผัสได้ถึงสายน้ำอุ่น ๆ
กลิ่นครีมอาบน้ำที่หอมอ่อน ๆ ทำให้คนท้องรู้สึกผ่อนคลายไม่น้อย และยิ่งรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้นไปอีก เมื่อพ่อของลูกคอยถูเนื้อขัดตัวในอย่างอ่อนโยน โดยที่เขาไม่แอบทำอย่างอื่นอย่างที่ชอบทำเลยแม้แต่น้อย
ด้านคนที่ถูกนึกถึงได้แต่กัดฟันข่มอารมณ์เอาไว้ ทั้ง ๆ ที่มีเนื้อกวางหวานหอมมาวางอยู่ตรงหน้าแต่เสือร้ายอย่างเขาที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังต้องข่มอารมณ์ ด้วยกลัวจะทำให้เธอหวาดกลัว หรือกระทบจิตใจเธอเข้า เพราะเหตุการณ์ในวันนั้นเขาไม่รู้ว่าไอเมศมันทำอะไรกับเธอบ้าง แต่เขามั่นใจเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ว่ามันไม่ได้ครอบครองเธอแน่นอน นอกจากรอยแดงที่มันสร้างไว้ เพื่อให้เยาะเย้ยและให้เขาโกรธ
แต่ถึงมันจะทำ...เขาก็ไม่เคยที่จะนึกรังเกียจเธอเลย เธอเป็นเหยื่อ ทำไมเหยื่อจะต้องเป็นคนที่ถูกทิ้งให้โดนรังเกียจล่ะ
“ไม่เจ็บใช่ไหม” ชลธีว่าขึ้นอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ขณะกำลังถูหลังให้เธออยู่
“ไม่ค่ะ” พิมพกานต์ตอบรับพร้อมกับส่ายหน้าไปมาน้อย ๆ นอกจากจะไม่เจ็บแล้วยังรู้สึกดีอีกด้วย...ความรู้สึกมันเหมือนเมื่อก่อนเลย เมื่อก่อนตอนที่เขายังเป็นพี่ธีร์ที่แสนดีของเธออยู่ พี่ธีร์ที่คอยทำนู่นทำนี่เพื่อเอาใจเธอ
หลังจากได้รับคำตอบว่าไม่เจ็บแทบคนที่นั่งอยู่ด้านหน้าก็ค่อย ๆ เอนศีรษะมาอิงซบเขาอีก ชลธีก็ค่อย ๆ ยกยิ้มอย่างพอใจ รอยบาดแผลในครั้งนี้เขาจะเป็นคนรักษามันให้เธอเอง
ผ้าขนหนูผืนหนาค่อย ๆ ถูกนำมาเช็ดตัวให้คนตัวเล็กในอ้อมแขน ที่ได้แต่ยืนหน้าแดงให้เขาเช็ดตัวให้อยู่อย่างนั้น หลังจากอาบน้ำล้างตัวเสร็จ เขาก็พาเธอขึ้นจากอ้าง ก่อนจะขยับตัวไปหยิบผ้าเช็ดตัวมาเช็ดให้เธอ และมือของเขาคอยโอบประคองเอวบางของเธอไว้ไม่ยอมปล่อยให้เธอห่างตัวเลยแม้แต่น้อย โดยที่ตัวเขานั้นมีผ้าขนหนูพันเอวสอบไว้อยู่
และหลังจากเช็ดตัวเสร็จแล้วแทนที่เขาจะหาเสื้อผ้ามาใส่ให้เธอ เขากลับช้อนตัวเธอขึ้นอุ้มพาเดินไปที่เตียงแทน
“พี่ธีร์...” หลังจากถูกวางลงบนเตียงกว้าง ทั้ง ๆ ที่ร่างกายเปลือยเปล่า พิมพกานต์ก็เอ่ยเรียกคนตรงหน้าเสียงแผ่ว ใจสั่นระรัว เมื่อภาพเหตุการณ์ในวันนั้นฉายซ้ำเข้ามาในหัว
“ข้าวกลัว...” เธอว่าบอกเขา พร้อมกับน้ำตาที่เริ่มคลอหน่วย
“ไม่ต้องกลัวนะ” ชลธีเอ่ยปลอบคนตัวเล็ก พร้อมกับยกมือขึ้นลูบศีรษะเธอเบา ๆ
“เขาพยายามจะทำร้ายข้าว ทำร้ายลูก” เพราะเขาอ่อนลงให้มาก มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนเขาเป็นพี่ธีร์คนเก่าของเธอ... มันเลยทำให้อ่อนไหว ลืมความขุ่นเคืองที่มีต่อเขา กล้าที่พูดกับเขา และหวังให้เขาปลอบใจ
ในตอนนั้นเพราะเสียงที่ดังขึ้นข้างนอก ทำให้เหตุการณ์ทุกอย่างในตอนนั้นมันจบลงไปก่อน จบลงไปพร้อมกับการปรากฏตัวของเขา...
จูบ
“ตรงนี้รึเปล่าที่มันทำ” ริมฝีปากหนาจุมพิตเบา ๆ ที่หน้าผากมนก่อนจะพูดขึ้น และเมื่อใต้ร่างส่ายหน้า เขาจึงเลื่อนมาจูบที่แก้มนวลเบา ๆ แก้มนวลข้างนี้ ข้างที่เคยบวมแดงเพราะถูกไอสารเลวมันตบ
“ตรงนี้ล่ะ” และเมื่อเขาจูบลงที่แก้มเธอก็พยักหน้ารับเบา ๆ พร้อมกับความรู้สึกคุ้นเคยในสัมผัสที่เขากำลังทำอยู่
จูบ จูบ จูบ
ชลธีไล่จูบไปตามตัวคนใต้ร่างเรื่อย ๆ เขาไล่มาตั้งแต่แก้ม คอ ลาดไหล่ เนินอก ขา แขน หรือแม้แต่เท้าเรียวของเธอเขาก็ยังจุมพิตมัน ซ้ำแทบจะทุกครั้งเขาจะคอยเอ่ยถามเธอเสมอ
“ตรงนี้...” สัมผัสอ่อนโยนที่เขามอบให้ทำให้พิมพกานต์รู้สึกดีไม่น้อย โดยเฉพาะยามเขาจุมพิตที่หน้าท้อง เจ้าตัวเล็กก็จะออกแรงถีบเบา ๆ เหมือนรับรู้ว่าพ่อนั้นกำลังปลอบใจตนอยู่ และยิ่งถูกเขาจูบไปตามตัวมากขึ้นเรื่อย ๆ เธอก็ยิ่งรู้สึกคุ้นเคยกับสัมผัสของเขามากขึ้นมันเหมือนกับว่าเธอเคยได้รับสัมผัสอ่อนโยนและอบอุ่นแบบนี้มาก่อน ทว่าเธอจำมันไม่ได้เลยว่ามันเกิดขึ้นตอนไหน ไม่สิมันไม่เคยเกิดขึ้นเลยต่างหาก เป็นเธอที่คิดไปเอง... จะเป็นไปได้ยังไงที่เขามาจูบเธอทั้งตัวเพื่อปลอบแบบนี้
“พี่ทำให้เรากลัวรึเปล่า” ชลธีว่าเสียงอ่อนหลังจากจูบคนใต้ร่างไปทั้งตัว ดวงตาคมจ้องลึกไปยังดวงตากลมใสที่วูบไหวตรงหน้า เพราะการกระทำของเขา ‘หึ สุดท้ายแล้วเธอก็ไม่สามารถเกลียดฉันได้หรอก เพราะชีวิตเธอมันถูกกำหนดไว้แล้ว ว่าต้องรักไปฉันจนวันตาย’
“ไม่ค่ะ” อีกแล้วการแทนตัวแบบนี้ของเขา... มันทำให้เธอหวั่นไหวอีกแล้ว
“แล้วเรารู้สึกดีขึ้นแล้วใช่ไหม ยังกลัวอยู่รึเปล่า” ชลธีถามขึ้นอีกครั้ง ก่อนจะได้การส่ายหน้าแดง ๆ ไปมาของคนใต้ร่างเป็นคำตอบ
“งั้นก็นอนกันเถอะ”
“คะ?” เขาทำมาถึงขนาดนี้ แล้วเขาก็บอกให้เธอนอน เขาคือพี่ธีร์ หรือคุณธีร์ที่เธอรู้จักรึเปล่า หรือเขามีอีกบุคลิกที่ซ่อนอยู่อีก มันเป็นไปไม่ได้ ที่เขาจะหยุดทุกอย่างลง เธอไม่อยากจะเชื่อเลย แถมแอบเหล่สายตามองต่ำไอนั่นของเขามันยังชี้ผ่านผ้าขนหนูมาทั้งทายเธออยู่เลย
“หรืออยากทำอย่างอื่น?” คนเจ้าเล่ห์ว่าขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ‘เขากลับมาแล้วสินะ เธอคิดผิดซะที่ไหนกัน มันไม่มีทางที่คนอย่างเขาจะปล่อยผ่านคืนนี้ไปเฉย ๆ' แต่อย่างนั้นก็มีบางอย่างที่เธออยากจะลองพิสูจน์
“ถ้าข้าวบอกว่าอยากนอนแล้ว พี่ธีร์จะหยุดรึเปล่าคะ” เธอเอ่ยถามเสียงอ่อน พร้อมกับมองลึกลงไปในดวงตาของเขา แต่มองได้ไม่ถึงสิบวิเขาก็ขยับตัวลุกขึ้นออกจากเตียง แล้วเดินจากไป ทำเอาเธอรู้สึกงุนงงกับการกระทำของเขาไม่น้อย ไม่สิ เธอไม่เคยเข้าใจสิ่งที่เขาทำเลยต่างหาก... ก่อนจะมองตามเขาด้วยสีหน้าเศร้าและสายตาผิดหวัง
