37 ปกป้อง (เนื้อหามีความรุนแรง)
***คำเตือน เนื้อหาในบางช่วงมีความรุนแรง มีการทำร้ายร่างกายกันอย่างเหี้ยมโหด มีการบรรยายถึงเลือดและของมีคม***
*** จะเริ่มความรุนแรงนะคะ
ตรงไหนที่ไม่รุนแรงแล้ว ไรท์จะใส่ ### ไว้ให้เริ่มอ่านได้นะคะ
ปัง!
มือหนาของจิรเมธที่จับปืนไว้มั่น ตั้งใจจะเหนี่ยวใส่สีข้างของพิมพกานต์ กลับต้องปล่อยปืนให้ร่วงหล่นลงสู่พื้น เมื่ออยู่ ๆ ก็มีลูกตะกั่วฝังเขาที่แขนของเขา ก่อนที่เขาจะส่งเสียงร้องเจ็บปวด พร้อมกับสลัดตัวพิมพกานต์ออกไป มากุมต้นแขนที่ถูกยิงของตัวเองแทน
“อร๊าก”
ผลัก ร่างบางอันอ่อนแรงที่ถูกสลัดออก ชลธีก็ถลาเข้าไปรับเธอสู่อ้อมกอดเขาทันที ก่อนจะประเคนฝ่าเท้าถีบเข้าที่กลางอกของจิรเมธอย่างจัง จนอีกฝ่ายถลาติดกำแพง
หลังจากจัดการจิรเมธเสร็จแล้ว ชลธีก็ถอดเสื้อเชิ้ตตัวเองออกก่อนจะนำมาคลุมให้คนตัวเล็กที่ตัวสั่นอยู่ในอ้อมกอดของตน
“ไม่ต้อง กูจัดการเอง” เสียงเข้มเอ่ยห้ามลูกน้องคนสนิทที่กำลังโดดเข้ามาทางหน้าต่าง ก่อนที่ตัวเองจะโอบประคองร่างบางให้ติดตัวไปด้วย ในตอนนี้เขาไม่กล้าที่จะปล่อยให้เธอยืนด้วยซ้ำ ท่าทางของเธอหากเขาปล่อยก็คงจะล้มลงไปกองกับพื้นอย่างไม่ต้องสงสัย
***
***
“กูเคยบอกมึงแล้วใช่ไหมว่าอย่ามาที่อีก” ผลั้วะ ฝ่าเท้าหนักเตะเข้าที่คางของอดีตเพื่อนรักอย่างจัง จนคางของจิรเมธนั้นแตกเพียงเท้าเดียวที่เขาเตะไป ก่อนที่เขาจะเตะเข้าที่ตัวของมันไปอีกหลายที จนจิรเมธนั้นแทบกระอักเลือก
“อั๊ก”
“กูให้โอกาสมึง! แต่มึงก็ยังไม่ยอมหยุด” เท้าหนักเหยียบเข้าที่กลางอกของจิรเมธที่นั่งพิงผนังห้องด้วยสภาพสะบักสะบอม ใบหน้าหล่อเหลาอาบไปด้วยเลือด ซ้ำที่แขนก็ยังเลือดไหลไม่หยุดจากการถูกยิงอีก
“หึ ถ้ากูลากมึงไปลง อั๊ก นรกด้วยกันไม่ได้ กูก็ไม่มีวันหยุด” แม้จะถูกกดอกอยู่ แต่จิรเมธก็พยายามที่จะพูด แววตาคมมองจ้องอดีตเพื่อนรักตรงหน้านิ่ง ไม่มีเลยสักครั้งสินะที่เขาจะชนะมันได้
“ถุ้ย ลงนรก! จ้างให้น้ำหน้าอย่างมึงก็เอาชีวิตคนอย่างกูไม่ได้”
“เอาสิ ไหน ๆ มึงก็จะให้กูเป็นผีเฝ้าที่นี่แล้ว มึงก็รีบ ๆ ฆ่ากูให้ตาย ก่อนที่กูจะฟื้นคืนชีพกลับมาเล่นงานมึงอีก” จิรเมธว่าขึ้น
“หึ ตายมึงได้ตายแน่” ชลธีว่าเสียงเรียบ
“แต่ตายตอนนี้มันยังเร็วไป” ว่าจบก็ดึงมีดพกที่ตัวเองพกติดตัวอยู่แทบจะตลอดออกมา กอดจะแกะปลอกมีดออกด้วยมือข้างเดียว เพราะอีกข้างเขาโอบกอดคนตัวเล็กไว้อยู่ ที่ป่านนี้แล้วตัวเธอก็ยังไม่หยุดสั่น ใบหน้าหวานซุกซบเข้าหาอกแกร่งของเขาแน่น อย่างไม่ยอมที่จะผละออกให้เขาได้เห็นหน้าเธอเลยแม้แต่น้อย
เพราะโอบกอดคนตัวเล็กอยู่ ทำให้จะก้มจะย่อตัวไปจัดการจิรเมธนั้นไม่ค่อยถนัด ชลธีจึงพยักหน้าบอกลูกน้องคนสนิทซึ่งก็คือหมอก ให้จับตัวมันขึ้นมา
“มือนี่ใช่ไหมที่มึงแตะต้องเธอ” ว่าจบก็ปักมีดลงบนต้นแขนของจิรเมธก่อนกรีดลงเป็นทางยาวจนถึงฝ่ามือ
“มือนี่ใช่ไหมที่มึงใช้ตบเมียกู!” กับกดมีลงบนต้นแขนอีกข้างเพื่อทำแบบเดียวกัน ซึ่งข้างนี้นั้นมีกระสุนฝังอยู่แล้ว ทำให้เสียงร้องเจ็บปวดของจิรเมธนั้นดังขึ้นมากกว่าเดิม
“อร้ากกกก”
“กูบอกแล้วใช่ไหม ว่าอย่ามายุ่งกับของ ๆ กู” สายตานิ่งเรียบของชลธีมองมีดที่เต็มไปด้วยเลือดของจิรเมธ พร้อมพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น จนขนาดว่าหมอกเองที่ได้อะไรผิดก็ยังรู้สึกเสียวสันหลังวูบ
“ไม่ว่าจะเกาะกู ลูกน้องกู ถ้ำกู ฟาร์มมุกกู ลูกเมียของกู”
“ยังไงก็เป็นของของ กู คนของกู ใครหน้าไหนก็ห้ามยุ่ง ถ้ากูไม่ได้รับอนุญาต” ว่าพร้อมกับกดมีดปลายลงบนอกข้างขวาของจิรเมธค่อย ๆ กรีดลงไปเป็นทางยาว กรีดแบบเฉือน ๆ ไม่ได้ปักลึกลงไปอย่างที่แขน
“อร้าก”
“ผลของการยุ่งกับของของ กูมึงก็เคยรู้แล้วว่ามันเป็นยัง ทำไมมึงถึงไม่หยุด” ปลายมีดที่กรีดอยู่หยุดไปด้วย ก่อนจะลากยาวลงมาเรื่อย ๆ จนมาถึงเอว
“อยากได้เมียกู?” ฟึบ สายตาคมที่แฝงได้ด้วยความดุดันน่ากลัว จ้องมองอดีตเพื่อนรัก ก่อนจะทำบางอย่าง อย่างไม่ลังเล ชลธีในตอนนี้ก็เหมือนซาตานร้ายเต็มตัว ซึ่งคนที่ปลุกมันขึ้นมาก็ไม่ใช่ใครที่ไหน คนที่ร้องโหยหวนเพราะความเจ็บปวดอยู่ตอนนี้นั่นเอง
“อร้ากกกกกกก” ทันทีที่อวัยวะบางอย่างถูกตัดออกไป เสียงร้องของจิรเมธก็ดังลั่นไปทั่วบริเวณทันที ขนาดลูกน้องทั้งสองของเขาที่ถูกชลธีซ้อมจนน่วมยังรู้สึกตัวขึ้นมา ก่อนจะทำเป็นไม่ได้สติอีกครั้ง เมื่อตื่นมาเจอกับภาพความโหดร้ายตรงหน้า กิตติศัพท์ของชลธีนั้นสมคำล่ำลือจริง ๆ ใครต่อใครต่างก็บอกว่าถ้าไม่คิดว่าตัวเองแน่จริง อย่าคิดจะไปต่อกรกับคนอย่างชลธี ตอนนี้พวกเขานั้นรู้ซึ้งแล้ว ว่าการคิดร้ายต่อชลธีนั้นคือการเอาชีวิตมาทิ้งดี ๆ นี่เอง แม้ว่าจะวางแผนมาดีแค่ไหนก็ตาม แค่เสือก็คือเสืออยู่วันยังค่ำ ไม่มีทางที่จะพลาดท่าให้สุนัขจิ้งจอกที่ทะนงตนอย่างพวกเขาได้
“นี่คือผลที่มึงมายุ่งกับเมียกู! คิดจะทำร้ายลูกกู!!” ใบมีดคมกริบที่เต็มไปด้วยเลือด ตบเข้าที่ใบหน้าของเจ้าของเลือดเบา ๆ ก่อนจะเลื่อนมาเช็ดที่เสื้อของเจ้าของเลือดต่อ
###
###
“นัดเดียว จุดตาย” หลังจากทำความสะอาดมีดและจัดเก็บเรียบร้อยดีแล้ว ก็หันไปสั่งลูกน้องเสียงเรียบเย็น ก่อนจะช้อนตัวคนในอ้อมกอดที่หมดสติไปตั้งแต่ตอนไหนไม่ทราบ ขึ้นอุ้ม แล้วเดินจากไปทันที เพื่อปล่อยให้ลูกน้องจัดการต่อ
ที่เขาสั่งแบบนี้ถือว่ายังมีเศษเสี้ยวที่เห็นแก่ความเป็นเพื่อนที่เคยใช้ชีวิตร่วมกันในวัยเด็ก หนึ่งนัดก็ลาโลกไม่ต้องอยู่อย่างทรมานอีกต่อไป เขาไม่ได้อยากทำแบบนี้เลยสักนิด หลายต่อหลายครั้งที่เขาปล่อยมันไป มันก็กลับมาทำร้ายเขาอีกเสมอ แต่ครั้งนี้มันเกินจะให้อภัยจริง ๆ เมื่อมันมาแตะต้องเธอ! ทั้งยังคิดที่จะทำร้ายลูกของเขาอีก แค่นี้มันยังน้อยไปด้วยซ้ำ...
คิดถึงรอยแดงตามผิวกายขาวเนียนอมชมพู ที่มีรอยแดงจากการกระทำของมันก็พาให้โกรธจนเลือดขึ้นหน้า อยากกลับไปจัดการมันซ้ำอีก แต่ทว่าพอก้มลงมองหญิงสาวในอ้อมกอด ที่เนื้อตัวสั่นเทา แก้มแดงช้ำแล้ว ก็คิดว่าควรพาเธอไปจากที่นี่ก่อนจะดีกว่า
...
“กลับมาแล้วหรอคะ...วร้ายทำไม” ทันทีที่เห็นนายหัวของตนเดินเข้ามาในระยะสายตา สายหยุดก็เดินเข้าไปหาทันที ก่อนจะต้องร้องตกใจกับสภาพนายหัวและหนูข้าวหอมของตน
“ช่วยเตรียมอุปกรณ์ทำแผลให้ผมด้วยครับ” ว่าจบก็เดินผ่านป้าสายหยุดเข้าบ้านไปทันที ก่อนพาคนตัวเล็กตรงไปยังห้องนอนใหญ่ของตัวเอง แต่ทว่ายังไม่ทันที่จะเปิดประตูเข้าไป เขาก็เปลี่ยนเป้าหมายเป็นอีกห้องแทน
ร่างบางที่ไม่ได้สติถูกวางลงบนเตียงกว้างอย่างเบามือ เขาพยายามทำมันอย่างเบามือที่สุดราวกับว่าหากเผลอทำรุนแรงเธอจะบุบสลายไป ก่อนจะดึงผ้านวมมาห่มให้เธอ ซึ่งเขาก็ทำมันอย่างอ่อนโยนเช่นกัน
ดวงตาคู่คมที่ต้องมองคนตัวเล็กที่นอนไม่ได้สติอยู่ไหวสั่นน้อย ๆ ก่อนจะเผลอพูดบางอย่างออกมา
“พี่ขอโทษนะ...”
“คุณธีร์คะ ของที่ขอได้แล้วค่ะ”
“...” เมื่อนายหัวหนุ่มยังเงียบ เอาแต่จ้องมองหนูข้าวหอมของเธอไม่ละสายตาไปไหน สายหยุดจึงพูดขึ้นอีกครั้ง
“ให้ป้าช่วยทำแผลให้หนูข้าวหอมไหมคะ” สายหยุดเอง เธอก็มองสำรวจข้าวหอมเช่นกัน ก่อนจะพบว่าที่ใบหน้านั้นมีรอยแดงใหญ่ประทับอยู่ เพราะแก่แล้วทำให้เธอมองไม่ถนัดนักว่ามันเป็นรอยอะไร ส่วนที่ตัวเธอก็ไม่มีโอกาสได้เห็นเพราะผ้านวมผืนหนาคลุมอยู่
“ไม่เป็นไรครับ ผมจัดการเอง” ชลธีว่าเสียงเรียบ โดยไม่ยอมละสายตาไปจากพิมพกานต์แม้แต่น้อย
“คุณธีร์ก็มีแผลเหมือนกัน...ให้ป้าช่วยนะคะ” ตัวนายหัวหนุ่มเอง เธอก็มองสำรวจเช่นกัน ตามตัวมีรอยฟกช้ำอยู่หลายชุด ที่หน้าเองก็ด้วย แถมที่แขนยังเหมือนมีเลือดไหลซิบอยู่ แต่สีหน้าของนายหัวหนุ่มนั้นยังคงเรียบนิ่ง ไม่แสดงออกมาว่าตัวเองนั้นเจ็บเลยสักนิด ทั้ง ๆ ที่บาดแผลเต็มตัวขนาดนี้
‘โธ่คุณหนู ถ้ามันเจ็บมันปวด ก็พูดระบายออกมา ก็แสดงออกมาสิคะ อย่าเก็บมันไว้คนเดียวอีกเลย’ ประโยคนี้สายหยุดได้แต่พูดมันขึ้นในใจ...ตั้งแต่คุณ ๆ เสียไป ชลธีก็เป็นแบบนี้เสมอ มีอะไรก็มักจะเก็บไว้คนเดียว ไม่ว่าสุขหรือเศร้า เขาก็จะเก็บมันไว้ในส่วนลึกของใจ ไม่แสดงออกมาให้ใครได้เห็น ไม่ว่าจะทางสีหน้าหรือแววตาก็ตาม
“ป้าออกไปก่อนครับ ที่เหลือผมจะจัดการเอง”
“ค่ะ งั้นป้าไปก่อนนะคะ ถ้ามีอะไรเรียกป้านะคะ”
“ครับ”
หลังจากป้าสายหยุดปิดประตูลงแล้ว ชลธีก็เดินไปล็อกประตูทันที ก่อนที่เขาจะเดินหาผ้าและกะละมังชุบน้ำมาเตรียมไว้เพื่อดูแลคนตัวเล็ก โดยไม่สนใจตัวเองที่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่น้อย
ผ้านวมผืนหนาถูกยกออก ตามมาด้วยเสื้อเชิ้ตของเขาที่ใช้คลุมร่างบางไว้ รอยแดงตามตัวของคนตัวเล็กที่ปรากฏแก่สายแต่ ทำให้ชลธีได้แต่กัดฟันกรอดอย่างข่มอารมณ์ ไม่ให้ตามไปฆ่าจิรเมธซ้ำอีก ผ้าขนหนูขาวสะอาดผืนเล็กที่ถูกชุบน้ำและบิดหมาด ค่อย ๆ ถูกเช็ดไปตามเนื้อตัวของหญิงสาวตรงหน้า และหากตรงไหนมีรอยแดงเขาก็จะพยายามเบามือมากที่สุดจากที่เบาอยู่แล้ว เขาทำทุกอย่างด้วยความอ่อนโยนและใส่ใจ หลงลืมสิ่งที่ตัวเองนั้นโกรธแค้นเธอไปเมื่อก่อนหน้าจนหมดสิ้น
ใต้ร่มผ้าที่ไม่ปรากฏรอยแดงมากนักทำให้ความโกรธและโมโหตัวเองของชลธีลดลงบ้าง เมื่อคิดว่าเขาไปช่วยเธอไว้ทัน ไม่ได้ถูกจิรเมธทำร้ายไปมากกว่านี้ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รู้สึกโมโหตัวเองอยู่ดีที่ปกป้องเธอไว้ไม่ได้ ซ้ำยังพูดจาทำร้ายจิตใจเธออีก...แต่ที่เขาทำไปก็เพื่อปกป้องเธอทั้งนั้น หากเขาตอบไปว่าเขาทั้งรักทั้งหวงเธอ ดีไม่ดีไอเมศก็คงฆ่าเธออย่างไม่ลังเลตั้งแต่ตอนนั้น ไม่สิเขาแค่ห่วงเธอเท่านั้น เขาไม่ได้รักเธอ...
และด้วยระยะที่ห่างกันระหว่างเขากับเธอบวกความแข็งแรงของมันในตอนนั้น เขาไม่มีทางที่จะช่วยเธอไว้ได้แน่ ไม่ว่าเขาจะเก่งมาจากไหนก็ตาม เพราะงั้นวิธีที่เขาเลือกทำจึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดสำหรับสถานการณ์ในตอนนั้น เขารู้ว่าถ้าปืนดังขึ้นมาไอหมอกที่พักอยู่แถวนั้นมันต้องได้ยิน และมันจะมาได้ทันเวลา เพราะทำงานกับไอหมอกมานานทำให้เขาค่อนข้างรู้นิสัยใจคอของมันเป็นอย่างดีและรู้ด้วยว่ามันเป็นคนฉลาดมีทางที่มันจะบุกเดี่ยวเข้ามาอย่างไม่รู้สถานการณ์
และทุกอย่างมันก็ลงล็อกตามที่เขาคิดไว้อย่างพอดิบพอดี เมื่อไอหมอกมาตามนัดและดักสุ่มรออยู่แล้วที่หน้าต่าง หลังจากเขาจัดการลูกน้องของไอจิรเมธเสร็จ เขาเพียงรอเวลาและโอกาสที่จะจัดการไอเมศเท่านั้น ซึ่งผลมันก็เป็นอย่างที่ทุกคนเห็น...
หลังจากที่เขาทำการเช็ดตัวในเธอแล้วเสร็จ รวมถึงรอยเลือดของแผลที่มุมปาก ชลธีก็หายออกไปจากห้อง ก่อนจะกลับเข้ามาอีกครั้ง พร้อมกับเจลประคบเย็นในมือ เพื่อเตรียมประคบให้ใบหน้านวลใส ตอนนี้บวมช้ำเพราะถูกอดีตเพื่อรักของเขาทำร้าย
เจลประคบเย็นค่อย ๆ วางลงบนใบหน้าสวยหวาน พร้อมกับมือหนาของเขาจะช่วยจับไว้ให้ เขาวางมือช่วยจับเจลประคบเย็นให้เธออยู่อย่างนั้น อย่างไม่รู้สึกเมื่อย
“อื้อ” เมื่อความเย็นเข้าปะทะใบหน้า ทำให้คนไม่ได้สติพอจะรู้สึกตัวน้อย ๆ ถึงกระนั้นเธอก็เลือกที่จะหลับลงต่อ เพราะไม่อยากรับรู้อะไร
“...” เห็นคนตัวเล็กมีปฏิกิริยาโต้ตอบ มุมปากหนาก็ยกยิ้มเบา ๆ ก่อนจะใช้มืออีกข้างที่ว่างคอยเกลี่ยไรผมให้เธอ บางครั้งเขาก็เผลอไปลูบไล้ใบหนาของเธออย่างลืมตัว
และหลังจากประคบเย็นให้เธอเสร็จแล้ว ชลธีก็เก็บอุปกรณ์เข้าที่ให้เรียบร้อย ก่อนจะกลับมาเช็ดตัวให้คนตัวเธออีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้มันต่างไปจากเมื่อครู่ที่เขาทำ...
สัมผัสอ่อนโยนจากริมฝีปากหนาค่อย ๆ ทาบทับบนรอยแดงตามตัวเธอแผ่วเบา ราวกับว่าเขากำลังปลอบเธออยู่ พร้อมกับเช็ดตัวเธอไปด้วย ไม่ว่าจะมีรอยแดงที่ไหนเขาก็จูบมันอย่างอ่อนโยนที่นั่น
“พี่ขอโทษนะ ที่ทำให้เขาต้องมาเจออะไรแบบนี้ จูบ พี่ขอโทษ” ริมฝีปากหนาไล่จูบเบา ๆ ไปตาแก้มนวลที่ยังคงหลงเหลือรอยน้ำตาอยู่ และยิ่งเป็นบริเวณแก้มที่บวมแดงแล้วเขายิ่งจูบมันเบาและอ่อนโยนเป็นพิเศษ ก่อนจะไล่จูบไปยังเปลือกตาบางที่ปิดสนิทอยู่ ไล่ต่ำลงมายังริมฝีปากบาง ก่อนจะจบด้วยหน้าท้องนูนน้อย ๆ ที่มีอีกชีวิตอาศัยอยู่ อีกชีวิตที่เขาเกือบจะปกป้องไว้ไม่ได้...
“พ่อขอโทษนะ” นัยน์ตาคมแดงก่ำขึ้นมาทันที เมื่อคิดไปว่าหากตัวเองไม่สามารถปกป้องชีวิตของลูกน้อยไว้ได้... เขาจะใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร ที่ผ่านมาสิ่งที่เขาสูญเสียไปเขาก็แทบรับมันไม่ไหวแล้ว...ถ้ายังต้องเสียลูกไปอีก สู้ควักเอาหัวใจเขาไปเลยยังจะดีกว่า...
หลังจากจัดการอาบน้ำชำระร่างกายพร้อมกับทำแผลให้ตัวเองเสร็จแล้ว ชลธีก็กลับมาหาคนตัวเล็กที่นอนเปลือยเปล่าภายใต้ผ้านวมผืนหนาอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะค่อย ๆ สวมชุดนอนให้เธออย่างเบามือ...ชุดนอนของผู้หญิง และเมื่อใส่ชุดให้เธอเรียบร้อยดีแล้ว เขาก็สอดตัวเข้าไปใต้ผ้านวมผืนเดียวกันกับเธอ ก่อนจะขยับตัวเข้าไปกอดเธอ แทนการดึงเธอเข้ามากอดอย่างที่เคยทำ พร้อมกับกดจูบเบา ๆ บนกลุ่มผมนุ่ม
“ขอบคุณนะที่ไม่ทิ้งพี่ไปอีกคน...”
