บท
ตั้งค่า

33 ฝันร้ายของอาทิตย์

“พ่อครับ! ผมขอโทษ เป็นเพราะผม...” เด็กชายวัยสิบขวบเอ่ยขอโทษผู้เป็นพ่อด้วยความรู้สึกผิด ดวงตาคมของเขานั้นแดงก่ำ

“อย่าโทษตัวเองเลยนะอาทิตย์ มันไม่ใช่ความผิดของลูก”

“แต่เป็นเพราะผม...ถ้าผมไม่เล่นซน ฮึก”

“พ่อรักลูกนะ” ผู้เป็นพ่อเพียงส่ายหน้าปฏิเสธคำพูดของลูกชายเท่านั้น ก่อนจะบอกรักลูกชายพร้อมกับส่งยิ้มให้

“ฮึก ผมก็รักพ่อครับ”

“พวกเราเองก็รักลูกนะอาทิตย์” เสียงหวานใสของผู้เป็นแม่ที่ไม่ว่าได้ยินครั้งไหนเขาก็ไม่เคยที่จะจำมันไม่ได้ ว่าเป็นเสียงของใคร เด็กชายรีบหันไปตามเสียงทันที ก่อนจะพบกับคนในครอบครัวที่ยืนส่งยิ้มให้เขาอยู่ รวมถึงคุณแม่คนสวยของเขาด้วย

ขายาว ๆ รีบวิ่งเข้าไปหวังจะกอดผู้เป็นแม่ที่ยืนอ้าแขนรอรับเขา พร้อมรอยยิ้มแสนอบอุ่นอยู่ แต่ทว่ายิ่งเดินเข้าไปเรื่อย ๆ ทุกคนก็ค่อย ๆ เลือนรางหายไป หันหลังกลับไปมองพ่อ พ่อก็เพียงโบกมือและส่งยิ้มให้เขาเท่านั้นก่อนจะหายไป และพอหันกลับมาอีกที ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่ คุณปู่ คุณย่า หรือคุณอา...ทุกคนก็หายไปเช่นกัน

“แม่ครับ ฮือ ๆ อย่าทิ้งผมไป คุณปู่ คุณอา...”

.

“แม่ครับ! เฮือก!!!” ใบหน้าคมเข้มเต็มไปด้วยเหงื่อ พร้อมกับเสียงหายใจหอบถี่ของเขาปลุกให้คนท้องตื่นขึ้นมาด้วย ก่อนจะต้องตกใจกับสภาพของเขา

“พี่ธีร์...” เห็นเขาทำมือเหมือนกำลังลูบหน้า ทั้งแผ่นหลังกว้างของเขาที่ดูสั่น ๆ เหมือนกับเขากำลังร้องไห้ยังไงอย่างงั้น ทำให้มือบางเลื่อนไปแตะที่บ่าของเขาอย่างอัตโนมัติ เพราะตอนนี้เขานั่งหันหลังให้เธออยู่ทำให้ไม่รู้แน่ชัดว่าเขาร้องไห้จริง ๆ หรือเปล่า แต่ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไร มือเธอก็แตะอยู่ที่บ่าของเขาแล้ว

“พี่ธีร์ร้องไห้หรอคะ” เห็นเขายังนิ่ง พิมพกานต์จึงเอ่ยถามเขาเสียงเบา พร้อมกับขยับตัวเข้าไปใกล้เขามากขึ้น และมันก็ทำให้เธอได้ยินเสียงสะอื้นของเขาที่มันดังขึ้นเบา ๆ เหมือนกับว่าตอนนี้เขาพยายามที่จะหยุดมันอยู่ มือบางที่วางอยู่บนบ่าของเขาค่อย ๆ เลื่อนลง ก่อนจะอ้อมไปโอบกอดเขาแทน

“อย่าผลักข้าวออกเลยนะคะ” เธอเอ่ยบอกเขาเสียงเบา เพราะมือเธอกอดเขา เขาก็ทำท่าจะแกะมือเธอออก พร้อมกับสลัดตัวเธอออกทันที

“พี่ธีร์ฝันร้ายหรอคะ”

“อืม”

“ไม่เป็นไรนะคะมันก็แค่ฝัน...”

“ไม่ มันคือเรื่องจริง เพราะฉันทุกคนต้องตายก็เพราะฉัน” น้ำเสียงที่แสดงถึงความเจ็บปวดและรู้สึกผิดอย่างชัดเจน ทำให้คนที่กอดเขาอยู่รู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย พร้อมกับเรื่องบางอย่างที่เข้ามาในความคิด ไม่ใช่ว่าเขาจะฝันร้ายเกี่ยวกับอุบัติเหตุนั่นหรอกใช่ไหม อุบัติเหตุที่มีเพียงเขาและพี่ชายที่รอด

เมื่อคิดว่ามีความเป็นไปได้สูงที่มันจะเป็นอย่างนั้น ริมฝีปากจึงกดจูบเบา ๆ บนแผ่นหลังกว้างของเขาทันที พร้อมกับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น เขาคงจะเจ็บปวดมากสินะ

เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้เลย...ไม่เคยเลยสักครั้งที่เธอจะเห็นเขาร้องไห้ ต่อหน้าเธอเขาจะเป็นพี่ธีร์ที่อ่อนโยน หรือไม่ก็เป็นคุณธีร์ที่ใจร้าย แต่ทั้งสองคนนี้ก็ไม่เคยแสดงความอ่อนแอให้เธอเลย มีแต่ความเข้มแข็งเท่านั้นที่เธอสัมผัสมันได้จากเขา

“ฉันทำให้ทุกคนต้องตาย...” เขาว่าเสียงเบา พร้อมกับหันมองที่มือของตัวเอง ถ้าวันนั้นเขาไม่เล่นซน...ก็คงจะไม่เกิดอุบัติเหตุขึ้น

“อาทิตย์กลับไปนั่งกับคุณปู่ก่อนครับ พ่อขับรถอยู่”

“ผมปวดเข้าห้องน้ำครับ” ว่าจบก็ขยับเข้าไปใกล้เบาะคนขับมากขึ้น โดยที่คนอื่น ๆ นั้นนั่งพูดคุยกันอยู่ บ้างก็หลับเพราะเหนื่อยจากการเดินทางที่ยาวนาน เพราะจากกรุงเทพมาที่ตั้งของเกาะเอื้องดาวใช้เวลาพอสมควร หากไม่นั่งเครื่องมาแน่นอนว่าต้องมีล้ากันบ้าง เช่นเดียวกับคุณแม่คนสวยที่นั่งหลับอยู่เบาะนั่งข้างคนขับ

“อีกสิบนาทีเราก็ถึงท่าเรือแล้ว อดทนหน่อยนะครับ”

“ก็ได้ครับ” เด็กชายภรัณยูตอบรับ แต่ทว่าเขามองไปข้างทางแล้วมันกลับไม่ใช่อย่างที่ผู้เป็นพ่อพูด ถ้าอยู่ตรงจุดนี้ไม่ใช่สิบนาทีแน่ อย่างน้อย ๆ ก็สิบห้านาทีถึงจะถึงท่าเรือ แต่พอรับรู้ได้ถึงความเร็วรถที่เพิ่มขึ้น เขาก็เข้าใจในทันทีว่าพ่อคงจะขับรถเร็วขึ้น เพื่อให้เขาได้เข้าห้องน้ำ

“มาหาย่ามาลูก” หญิงวัยชราเอ่ยบอกหลานชายคนเล็ก ส่วนหลานชายคนโตนั้นกำลังนั่งกด ๆ โทรศัพท์อยู่

“ครับ” คุณย่าเรียกก็ตอบรับทันทีก่อนจะเดินเข้าไปหา หลังจากผู้เป็นพ่อนั้นทำตามคำขอของตนแล้ว พ่อเขาก็เป็นแบบนี้ อบอุ่นใจดี และตามใจเขาเสมอมา ไม่ว่าเขาจะขออะไร หรืออยากได้อะไรพ่อก็จะหามาให้เขา

แต่เพราะฝนตก...ถนนจึงค่อนข้างลื่น ไม่เหมาะแก่การขับรถเร็ว ทั้งทางยังคดเคี้ยว จากรถที่ทรงตัวดีมาตลอดเริ่มบังคับไม่อยู่ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุในที่สุด...อุบัติเหตุที่เขาและพี่ชายรอดมาได้อย่างปาฏิหาริย์ แม้อาการจะสาหัสมากก็ตาม เพราะแบบนั้นเขาจึงโทษตัวเองมาตลอด หากเขาไม่บอกพ่อว่าปวดเข้าห้องน้ำ พ่อคงไม่ต้องเพิ่มความเร็วรถในวันที่ฝนตกหนัก เพื่อให้เขาได้เข้าห้องน้ำ และทุกคนก็จะไม่ตาย...

.

“ฉันทำให้ทุกคนต้องตาย...”

“มันไม่ใช่ความผิดของพี่ธีร์ อย่าโทษตัวเองเลยนะคะ” เห็นเขาเอาแต่พูดโทษตัวเอง พิมพกานต์จึงอยากพูดปลอบเขาบ้าง นอกจากกอดเขาอย่างเดียวแบบนี้ แต่ทว่าความหวังดีของเธอกลับได้รับการตอบแทนอย่างใจร้ายจากเขากลับมา...

ผลัก

“อย่ามาพูดปลอบใจฉัน ฉันไม่ต้องการ!”

“อ้ะ” พิมพกานต์ร้องเสียงหลงทันที หลังจากถูกเขาผลัก จากที่กอดเขาอยู่ก็ต้องรีบปล่อยแล้วหันมากุมหน้าท้องของตัวเองไว้อย่างปกป้อง

“เธอไม่รู้อะไรเลย ไม่เลยสักนิด ว่าเรื่องในวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง”

“มันเป็นความผิดของฉันข้าวหอม เธอได้ยินไหมว่ามันเป็นความผิดของฉัน!!” เสียงเข้มตวาดลั่น ใส่คนตัวเล็กที่นั่งตัวสั่น เพราะความกลัว หลังจากถูกเขาตะคอกใส่และผลักไปเมื่อก่อนหน้า

ตุบ ตุบ ตุบ

“โถ่เว้ย!!!” เมื่อไม่สามารถทำอะไรได้ กำปั้นหนัก ๆ ของชลธีก็ชกเข้าใส่ผนังห้องทันที แม้จะเป็นผนังไม้ แต่ด้วยแรงที่มาก ทำให้หลังมือของเขานั้นเลือดซิบในทันที ก่อนจะค่อย ๆ ไหลออกมาเมื่อเขาไม่ยอมหยุดมัน

“พี่ธีร์...” พิมพกานต์เอ่ยเรียกเขาเสียงเบา เมื่อตั้งสติได้บ้างแล้ว หลังจากคิดทบทวนถึงเรื่องต่าง ๆ ที่ป้าสายและเฟื่องเคยเล่าให้ฟังทำให้เธอเข้าใจในทันที ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง และเข้าใจด้วยเช่นกันว่าตอนนี้เขารู้สึกเจ็บปวดมากแค่ไหน แม้จะไม่มีเสียงร้องไห้ดังออกมา แต่น้ำตากลับไหลเป็นสาย ซ้ำนัยน์ตาคมยังแดงก่ำ ถึงแสงสว่างจะมีไม่มาก แต่เพราะความใส่ใจที่มีต่อเขา ทำให้เธอสังเกตเห็นมัน

“พี่ธีร์พอเถอะนะคะ” คงไม่ใช่แค่ใจเขาเจ็บแล้วในตอนนี้ มือเขาเองก็ด้วย ขนาดผนังไม้ยังพังยุบเป็นร้อยกำปั้นของเขา แล้วประสาอะไรกับมือที่แดงเพราะอาบไปด้วยเลือด

“...”

ตุบ ตุบ ตุบ

เหมือนว่าสิ่งที่เธอพูดนั้นไม่เข้าหูเขาเลย เขายังเอาแต่ชกใส่ผนังห้องไม่หยุด

“อย่าทำร้ายตัวเองเลยนะคะ” ว่าพร้อมกับขยับตัวเข้าไปใกล้ ๆ เขา แม้ว่าจะกลัวถูกลูกหลง แต่ความเป็นห่วงว่าเขาจะเจ็บนั้นมีมากกว่า

ตุบ ตุบ

“...”

หมับ เมื่อทนเห็นเขาทำร้ายตัวเองไม่ไหวอีกต่อไป เธอก็รวบรวมเอาความกล้าและแรงทั้งหมดที่มีจับแขนที่เขากำลังออกแรงชกกำแพงไว้

“อยากตายรึไง!!” ชลธีตวาดใส่คนตัวเล็กอย่างเดือดดาล ถ้าเมื่อกี้เขายั้งมือไม่ทัน เธอได้ติดไปตามมือเขาแน่ และสิ่งที่เกิดขึ้นต่อจากนั้นคือตัวเธอถลาเข้าใส่กำแพงเต็มแรง ซึ่งมันไม่ดีต่อคนท้องเลยสักนิด

“พี่ธีร์นั่นแหละค่ะ อยากตายรึไงคะ! ถึงได้มาชกกำแพงเอาเป็นเอาตายแบบนี้ ไม่เห็นหรอคะว่ามือตัวเองตอนนี้มันแตกจนเลือดไหลไม่หยุดแล้ว”

“ฉันจะเป็นจะตาย เธอมายุ่งอะไรด้วย”

“มีสิทธิ์อะไรมาว่าฉัน!!”

“ข้าวแค่รัก ข้าวแค่เป็นห่วงพี่ธีร์มันผิดมากเลยหรอคะ ฮึก”

“ข้าวแค่ไม่อยากให้พี่ธีร์ทำร้ายตัวเอง ไม่อยากให้พี่ธีร์เจ็บตัวมันผิดมากเลยใช่ไหมคะ”

“ใช่มันผิด ผิดมาก ผิดที่เธอเอาชีวิตของพี่ขุนไป เธอเอาชีวิตพี่ชายเพียงคนเดียวของฉันไป” ว่าจบก็สะบัดมือเธอที่เกาะอยู่ออก ก่อนจะฮุกหมัดเข้าผนังห้องอีกครั้ง

ตุบ!

“พอได้แล้วค่ะ หยุดได้แล้ว หยุดทำร้ายตัวเองได้แล้ว” แม้จะถูกเขาว่าแต่เธอก็ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะห้ามเขา จะไม่ให้เธอห้ามได้อย่างไร เขาชกผนังจนที่นอนสีขาวสะอาดนั้นเต็มไปด้วยรอยเลือดของเขา ในบริเวณที่เขาปล่อยหมัด

“ถ้าอยากระบายก็มาลงที่ข้าวนะคะ อย่าไปลงที่ผนังเลย...” ว่าจบก็ถอดเสื้อยืดตัวใหญ่ของเขาที่สวมไว้อยู่ออก ก่อนจะเดินคลานเข่าเข้าไปหาเข้า มือบางยกขึ้นแนบแก้มของเขาไว้ ก่อนจะออกแรงให้เขาหันหน้ามาหา ซึ่งมันก็ได้ผล เมื่อเขาหยุดการกระทำลง พร้อมกับจ้องหน้าเธอนิ่งด้วยสายตาอ่านไม่ออก

“ข้าวขอร้อง หยุดเถอะนะคะ ข้าวไม่อยากให้พี่ธีร์เจ็บมากไปกว่านี้แล้ว...” จูบ ว่าจบก็โน้มตัวลงจูบปากเขาทันที ก่อนจะขยับตัวมานั่งคร่อมตักเขาเอาไว้

“คิดดีแล้วหรอที่ทำแบบนี้” ชลธีว่าเสียงเรียบ หลังจากเธอผละจูบออก ซึ่งคำตอบที่ได้คือการพยักหน้าของเธอ ก่อนที่เธอจะเอื้อมมือไปสัมผัสกับลูกชายของเขาที่ตอนนี้มันอยู่ระหว่างหน้าขาของเธอ เพราะเธอนั่งคร่อมตักเขาอยู่

“ค่ะ ข้าวคิดดีแล้ว”

“หึ งั้นก็เตรียมรับผลจากความคิดดีของตัวเองก็แล้วกัน!!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel