32 ป้อน
หลังจากทุกอย่างแล้วเสร็จก็เดินกลับเข้ามาหาเธออีกครั้ง มุมปากหนายกยิ้มขึ้นมาทันที เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ภาพที่ต่างไปจากสิ่งที่เขาคิดไว้มาก
“ข้าวหอม” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกคนที่นั่งร้องไห้พิงผนังห้องจนหลับคอพับ ก่อนที่ศีรษะน้อย ๆ ของเธอจะเอนลงข้าง ๆ เขาจึงยื่นเอาฝ่ามือหนาไปประคองไว้ไม่ให้เธอล้มลง
“ตื่นได้แล้วข้าวหอม”
“อือ”
“เธอไม่หิวหรือไง” มีแต่เสียงงัวเงียเท่านั้นที่ออกมาจากริมฝีปากบางทำให้ชลธีต้องถามย้ำ และคำตอบที่ได้ก็เป็นเหมือนเดิมก็คือเสียงงึมงำของคนนอนหลับ
“อืออออ”
“เหอะ เมื่อกี้ก็ร้องไห้โวยวายใส่ฉันใหญ่โต ที่ฉันทำเธอไม่ได้กินข้าว”
“ตอนนี้กลับมาหลับใส่ฉัน เธอนี่มัน!” มือหนาอีกข้างที่ว่างยกขึ้นเกลี่ยปอยผมให้คนตรงหน้าแผ่วเบา ก่อนจะลูบไล้แก้มเนียนนุ่มของเธออย่างลืมตัว
แต่พอได้สติเขาก็ชักมันกลับทันที ก่อนจะเลื่อนมาวางที่หน้าท้องนูนน้อย ๆ ของเธอแทน แรงถีบน้อย ๆ ที่ได้รับหลังจากวางมือทำให้ชลธีใจเต้น
“ล ลูก...พี่ขุนลูกผม ผมมีลูกแล้วนะพี่” อยู่ ๆ เสียงก็สั่นขึ้นมาดื้อ ๆ พร้อมกับคิดถึงพี่ชายที่ล่วงลับไปแล้วพี่ชายที่คอยบอกเสมอว่าให้เขามีครอบครัว แม้ตอนนี้เขาจะไม่มีครอบครัว แต่เขาก็มีลูกแล้ว ลูกที่จะเข้ามาเป็นสมาชิกใหม่ในครอบครัวของเขา
“อ้ะ” เพราะแรงถีบที่เพิ่มมากขึ้นทำให้คนที่นอนหลับอยู่นิ่วหน้าด้วยความเจ็บ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ภาพชายหนุ่มเปลือยอกโชว์มันกล้ามตรงหน้าพาให้พิมพกานต์ผงะถอยหลัง
“พะ พี่ธีร์”
“จะตกใจอะไรนักหนา”
“ข้าวคิดว่าพี่ธีร์กลับไปแล้ว” เธอพูดบอกเขาเสียง เพราะนั่งร้องไห้ไม่สนโลกเลยไม่รู้ว่าเขานั้นหายไปไหน เงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็ไม่เห็นเขาแล้ว ก่อนจะก้มหน้าลงร้องไห้อีกครั้ง เมื่อคิดว่าคนใจร้ายอย่างเขาคงจะออกไปแล้ว ไม่มาสนใจเธอที่หิวจนร้องไห้หรอก
“ลูกฉันยังไม่ได้กินข้าว จะให้ฉันกลับได้ไงล่ะ อีกอย่างบ้านหลังนี้ฉันขอสั่งห้ามไม่ให้เธอมาที่นี่อีก...” พูดยังไม่ทันจบเสียงเล็ก ๆ ก็แทรกขึ้นมาก่อน เมื่อคิดว่าเขาจะใจร้ายไล่ที่อยู่เธออีก
“พี่ธีร์จะใจร้ายกับข้าวไปถึงไหนคะ ไม่ให้ข้าวอยู่นี่แล้วจะให้ข้าวไปอยู่ที่ไหนคะ ข้าวต้องออกไปนอนข้างถนนเลยไหมคะ พี่ธีร์ถึงจะพอใจ”
“อีกอย่างตอนนี้ข้าวก็ท้องอยู่ ถ้าพี่ธีร์ไม่เป็นห่วงข้าวอย่างน้อยก็เป็นห่วงลูกบ้างก็ได้ค่ะ ลูกที่พี่ธีร์คอยบอกกับข้าวตลอดว่าอยากมีเขา พอมีพี่ธีร์ก็ทำกับเขาแบบนี้หรอคะ”
“ไปกันใหญ่แล้วข้าวหอม ฉันจะให้เธอไปอยู่ที่บ้าน” เมื่อคนตัวเล็กเอาแต่พูด ๆ ตัดพ้อเขาน้ำตาคลอ อย่างไม่สนใจอะไร ชลธีก็ว่าขึ้นเสียงดุ
“คะ?”
“ฉันให้ป้าสายเตรียมห้องให้แล้ว เธอต้องไปอยู่ที่นั่น”
“แต่ข้าวอยากอยู่ที่นี่ ที่นี่มีความทรงจำดี ๆ มีช่วงเวลาดี ๆ ช่วงเวลาที่ข้าวมีความสุข...ข้าวไม่อยากไปจากที่นี่...” ‘เพราะข้าวไม่รู้ว่าถ้าไปจากที่นี่แล้ว ข้าวจะได้มีความสุขแบบนั้นอยู่ไหม...’ ประโยคหลังนั้นเธอต่อขึ้นในใจ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้รับความสุขแบบนั้นอีก แต่การอยู่ที่นี่ อยู่ในที่ที่เคยมีความสุข มีความทรงจำดี ๆ ก็ถือว่าดีสำหรับเธอมากแล้ว...
ดีกว่าการย้ายไปอยู่สถานที่ไหม นอกจากจะเจ็บปวดแล้ว มองไปทางไหนก็คงไม่มีความทรงจำดี ๆ ให้พอได้เยียวยาใจ
“ไม่ได้ เธอต้องไป”
“ข้าวขออยู่ที่นี่ได้ไหมคะ นะคะ ข้าวขอร้อง” เห็นเขายืนยันหนักแน่นพิมพกานต์ก็เอ่ยขอร้องอ้อนวอนเขาในทันที หวังว่าน้ำตาที่คลออยู่ตอนนี้จะทำให้เขานึกสงสารหรือเห็นใจขึ้นมาบ้าง อย่างน้อย ๆ ที่นี่เขาเองก็เคยอยู่ เคยมีความทรงจำร่วมกัน แม้ไม่รู้ว่าความทรงจำที่เขามีต่อที่นี่มันจะเป็นความทรงจำที่ดีเหมือนเธอสำหรับเขาหรือเปล่า...แต่ก็คงจะไม่สินะ
“ไม่ได้ก็คือไม่ได้ ไม่ต้องร้อง ไม่ต้องอ้อนวอน เพราะฉันไม่ใจอ่อน”
“มากินข้าวได้แล้ว ก่อนที่เธอจะไม่ได้กินมัน”
“พี่ธีร์...” พิมพกานต์เรียกเขาเสียงเบาทันที พร้อมกับสายตาตัดพ้อที่มองเขา นอกจากเขาจะไม่เห็นใจแล้ว เขาก็ยังตัดความหวังเธออย่างใจร้าย
“ข้าวหอมมากินข้าว!” เสียงเข้มกดต่ำ เมื่อเธอเอาแต่มองหน้าเขา ทำหน้าตาเหมือนคนจะร้องไห้ ไม่ยอมกินข้าวสักที
“...”
“ไม่กินก็ไม่ต้องกิน” ว่าจบก็ยกจานข้าวขึ้นมาถือ ก่อนจะตักข้าวเข้าปากคำโต อวดคนตรงหน้า
“อ้าปาก” ช้อนพร้อมกับข้าวและไข่เจียวพอดีคำยื่นอยู่ตรงหน้าของคนตัวเล็กที่เอาแต่นั่งนิ่งหลบสายตาเขาอยู่
“ข้าวหอม” ชลธีว่าเสียงดุ ก่อนจะเริ่มนับ เมื่อเธอยังนิ่งเมินเฉยต่อข้าวไข่เจียวของเขา
“หนึ่ง สอง...” เสียงเข้มของเขาที่กดต่ำลงเรื่อย ๆ ราวกับว่าเขากำลังโมโห ทำให้พิมพกานต์ยอมอ้าปากรับข้าวจากเขาในที่สุด
ซึ่งพอได้กินก็น้ำตาซึมในทันที แม้มันจะไม่ได้อร่อยเว่อร์วังอะไร รสชาติออกจะธรรมดาด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเขาทำ เขาป้อน หรือเพราะว่าเธอหิวมาก ๆ ก็ไม่ทราบ จากน้ำตาที่คลออยู่ก็หยดแหมะลงอาบแก้มทันที
“หยุดร้องได้แล้ว ฉันป้อนข้าวเธอนะ ไม่ได้เอายาพิษให้เธอกินซะหน่อย” ชลธีว่าเสียงเรียบ ก่อนจะตักข้าวพอดีคำส่งให้เธออีก
“ข้าวขอโทษค่ะ ฮึก น้ำตามันไหลออกมาเอง” ว่าแล้วก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อพยายามกั้นน้ำตาเอาไว้
“พอ ๆ อยากร้องก็ร้อง” เห็นท่าทางพยายามห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้อย่างยากลำบากของเธอแล้ว ชลธีก็ว่าขึ้น พร้อมกับแอบอมยิ้ม ไม่รู้สิ หน้าตาแดง ๆ จากการร้องไห้ขี้มูกโป่งของเธอแล้ว มันเหมือนเด็กยังไงก็ไม่รู้ ไม่สิเมียเขาก็น่าเด็กอยู่แล้ว หึ
“มันอร่อยมากเลยหรอ” ไม่ว่าเขาจะป้อนให้เธอกี่ครั้งเธอก็รับไปเคี้ยวตุ้ย ๆ จนหมด ทำให้ชลธีอดสงสัยไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่เขาก็ตักกินเป็นพัก ๆ เหมือนกัน แต่รสชาติก็ธรรมดา ออกจะติดจืดด้วยซ้ำ
“…” พิมพกานต์เพียงพยักหน้าตอบรับเท่านั้น พร้อมกับอมยิ้มน้อย ๆ ตอนนี้เธอหยุดร้องไห้แล้ว และก็มีความรู้สึกอื่นเข้ามาแทนที่ นั่นคือความรู้สึกดี ๆ ที่กำลังก่อตัวขึ้น สิ่งที่เขากำลังทำให้เธอในตอนนี้มันทำให้เธออบอุ่นหัวใจมาก ๆ เลยทีเดียว
เห็นเธอยิ้มเขาก็ยิ้มตาม ก่อนจะพูดขึ้นอีกครั้งเมื่อข้าวในจานใกล้จะหมดลง
“ข้าวจะหมดแล้ว เธอจะกินอีกไหม ฉันจะไปทำมาให้”
“….” เหมือนเคยที่เธอตอบเขาโดยไม่พูด แต่ครั้งนี้เธอเพียงส่ายหน้าตอบเขาไปเท่านั้น
“คำสุดท้ายแล้วนะ” หลังจากป้อนคนตัวเล็กคำสุดท้ายชลธีก็เดินเอาจานไปเก็บทันที ก่อนจะกลับเข้าไปอีกครั้งพร้อมแก้วน้ำในมือ
“ขอบคุณค่ะ” เห็นแก้วน้ำที่เขายื่นมาให้ตรงหน้า พิมพกานต์ก็เอ่ยขอบคุณเขาพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะรับเอาน้ำจากเขามาดื่ม ลืมสิ่งที่เขาทำเมื่อก่อนหน้าจนหมดสิ้น ในตอนนี้มันเหมือนกับว่าเธอย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่เขายังเป็นพี่ธีร์ที่แสนดีของเธออยู่
“อ้ะ”
“เป็นอะไร” เสียงทุ้มร้องถามคนที่นั่งนิ่วหน้าอยู่
“ลูกดิ้นค่ะ” ว่าพร้อมกับที่ฝ่ามือบางยกขึ้นลูบไล้หน้าท้องนูนน้อย ๆ ของตนอย่างอ่อนโยน
“ดิ้นอีกแล้วหรอ” สิ่งที่เธอบอกทำให้ชลธีหลุดพูดบางอย่างออกมาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะรีบแก้
“คะ?”
“ฉันหมายถึง ลูกเริ่มดิ้นแล้วหรอ” เมื่อรู้ตัวว่าเผลอพูดอะไรไปก็รีบแก้ในทันที
“ค่ะ ข้าวพึ่งรู้สึกได้เมื่อสองสามวันก่อน พี่ธีร์อย่างลองสัมผัสดูไหมคะ” พูดพร้อมกับจับมือหนาของเขามาวางทาบที่หน้าท้องของตัวเองอย่างไม่รอคำตอบรับจากเขาเลยแม้แต่น้อย เธออยากให้ลูกได้รับสัมผัสจากพ่อบ้าง เพราะตลอดเวลานับตั้งแต่ตั้งท้องมานั้น มีแต่เธอที่อยู่กับลูก พูดคุยกับลูก พอเขากลับมาเธอหวังจะให้ทำในแบบที่เธอทำ แต่มันก็เป็นอย่างที่ทุกคนเห็น เมื่อเขาเปลี่ยนไป เปลี่ยนไปแทบจะเป็นคนละคนกับพี่ธีร์ที่เธอเคยรู้จัก
“เจ็บหรอ” พอได้วางฝ่ามือไว้บนหน้าท้องของเธอ ก็รับรู้ได้ถึงความเคลื่อนไหวภายใต้หน้าท้องนูน แต่ทว่าพอหันมองหน้าเธออีกครั้งก็เห็นเธอทำหน้าเหยเก เหมือนว่าจะรู้สึกเจ็บ
“ก็นิดนึงค่ะ แต่ก็รู้สึกดีมากกว่า” ยิ่งพี่ธีร์อยู่ด้วยแบบนี้ข้าวแทบไม่รู้สึกเจ็บเลย... ด้วยตากลมไหวสั่นน้อย ๆ เมื่อต่อประโยคหลังในใจจบ
“เหมือนลูกจะชอบนะคะ ดิ้นใหญ่เลย” พิมพกานต์ว่าขึ้น เมื่อเห็นเขาเอาแต่วางมือแนบหน้าท้องของเธอไม่ยอมยกออก แถมลูกก็ขยันดิ้นอีก
“ฉันก็ว่างั้น ไว้ฉันจะหาเวลามาเล่นกับลูกบ่อย ๆ แล้วกัน ลูกคงอยากได้รับสัมผัส รับความอบอุ่นจากพ่อบ้าง”
“ขอบคุณนะคะ” พิมพกานต์ว่าบอกเขา พร้อมกับส่งยิ้มให้ ยิ้มจนถึงตา แค่เขาดูห่วงใย ใส่ใจลูกเธอก็รู้สึกดีมาก ๆ แล้ว แม้ตัวเองจะถูกมองข้ามความรู้สึกไปก็ไม่เป็นไร อย่างน้อย ๆ เขาก็ดูรักลูก ไม่ได้ปล่อยปละละเลยอย่างที่เธอเคยกังวล และการที่เขามาดูลูกเธอเองก็ได้ใกล้ชิดเขาเหมือนกัน มันคงจะพอบรรเทาความเจ็บปวดในใจไปได้บ้าง ไม่มากก็น้อย
“จะยิ้มอะไรนักหนา” เห็นเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็อดรู้สึกคันยุบยิบในใจไม่ได้ ในสมองตีรวนกันไปหมด ว่าสรุปแล้วเขาชอบที่เธอร้องไห้ หรือที่เธอยิ้มแบบนี้กัน มันต้องเป็นอย่างแรกอยู่แล้ว เพราะเขาจะทำให้เธอเจ็บ ไม่ใช่ทำให้เธอยิ้มมีความสุขจนถึงตาแบบนี้
“ข้าวมีความสุข ข้าวก็ยิ้ม ข้าวผิดตรงไหนหรอคะ” พิมพกานต์ตอบเขาอย่างหน้าตาย ก่อนจะฉีกยิ้มจนตาหยีให้เขาไปหนึ่งช็อต
“เอาเป็นว่าฉันจะยอมให้เธอวันหนึ่งก็แล้ว” ชลธีว่าเสียงเรียบ วันนี้ก็คงต้องปล่อยเธอไปก่อน เพราะเขาเองก็เหนื่อยที่จะเล่นบทร้ายแล้วเหมือนกัน ขอพักหายใจหายคอหน่อยก็คงจะไม่เป็นไร
“คะ?”
“ข้างนอกฝนตกหนัก คงจะกลับไปนอนที่บ้านไม่ได้ คืนนี้เราคงต้องนอนที่นี่” ชายหนุ่มร่างกายกำยำที่นั่งเปลือยอกอยู่พูดขึ้น อย่างไม่สนใจคนตัวเล็กที่นั่งทำหน้างงกับคำพูดของเขาเมื่อก่อนหน้าเลยแม้แต่น้อย
“อาจจะหนาวหน่อย...แต่นี่คงจะพอช่วยอะไรได้บาง” ว่าจบก็หยัดตัวลุกขึ้น ก่อนจะเดินไปรื้อหาเอาผ้าห่มออกมาจากกล่องไม้ข้าง ๆ ที่นอน
“ถ้าหนาว...ข้าวขอกอดพี่ธีร์ได้ไหมคะ” น้ำเสียงกล้า ๆ กลัว ๆ เอ่ยบอกเขา แม้ว่าตอนนี้เขาจะใจดีกับเธอขึ้นกว่าแต่ก่อนมานิดหนึ่ง แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าไม่สามารถเดาอารมณ์เขาได้เลย เธอจึงพูดขอเขาเพราะมันดูมีความเป็นไปได้มากที่จะได้นอนกอดเขา...เธออยากนอนกอดเขาเหมือนเมื่อก่อน เธอคิดถึงอ้อมกอดแสนอบอุ่นของเขา อ้อมกอดที่ไม่ว่าจะเข้าไปอยู่ทีไรก็อบอุ่นทุกครั้ง อบอุ่นทั้งตัวและหัวใจ
“เอาสิ...ฉันเห็นแก่ลูกหรอกนะ”
“ขอบคุณนะคะ” และก็เป็นอย่างที่ใจคิดเมื่อเขาตอบตกลง ถึงเขาจะทำเพื่อลูกก็ตาม...ก่อนจะต้องเอ่ยถามเขาเสียงสั่นอีกครั้งเมื่อเขาทำท่าจะถอดกางเกง ทั้งที่แค่เขาไม่มีเสื้อเธอก็รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ แล้ว
“พะ พี่ธีร์ถอดกางเกงทำไมคะ”
“มันเปียก เธอจะให้ฉันนอนทั้งเปียก ๆ รึไง” และที่มันเปียกก็เพราะเธอนั่นแหละข้าวหอม ฉันเดินตามหาเธอไปทั่วทั้งเกาะ
หลังจากกลับมาจากทำงานแล้วป้าสายบอกว่าเธอยังไม่กลับบ้าน เขาก็ออกตามหาเธอ ตามจนฝนตกลงเม็ดก็ยังไม่หยุดตาม ถามใครก็ไม่มีใครเห็น วิ่งตามหาเธอไม่ทั่วจนเปียกโชกไปทั้งตัว ไม่ได้เหนื่อยน้อยกว่าการที่เธอเดินหลงไปที่ฟาร์มมุกเลยสักนิด
“ถ้างั้นข้าวขอนอนก่อนนะคะ” ว่าจบก็รีบขยับตัวมุดเข้าใต้ผ้าห่มทันที เธอไม่เคยชินเลยสักครั้งกับการที่จะต้องเห็นร่างกายอันเปลือยเปล่าของเขา
“หึ” หลังจากถอดเสื้อผ้าจนล่อนจ้อนแล้ว ชลธีก็สอดตัวเข้านอนใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันกับคนตัวเล็กทันที ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงแหบพร่า เมื่อเธอออกแรงดิ้นน้อย ๆ เพราะถูกเขาสวมกอดจากด้านหลัง ทั้ง ๆ ที่เธอบอกว่าอยากกอดเขาแท้ ๆ พอเขากอดก่อนก็มาดิ้นซะงั้น
“ถ้าเธอดิ้นแล้วมันตื่นขึ้นมาฉันไม่รับรองความปลอดภัยนะ”
“ขะ ข้าวไม่ดิ้นแล้วค่ะ ไม่ดิ้นแล้ว”
“อืม”
“ฝันดีค่ะ ข้าวรักพี่ธีร์นะคะ...” พิมพกานต์ว่าขึ้นท่ามกลางเสียงฝน และแสงไฟสลัวจากโคมไฟ แม้จะไม่ได้รับคำพูดตอบกลับมาของเขา แต่การได้อยู่ในอ้อมกอดของเขา ผ่านค่ำคืนอันหนาวเหน็บไปด้วยกัน แค่นี้เธอก็มีความสุขมากแล้ว
“...”
