31 ข้าวไข่เจียวที่หก
ในวันที่เลวร้ายก็ยังพอมีโชคอยู่บ้าง เมื่อเดินเข้ามาในบ้านหลังน้อยแล้วฝนก็ตกลงมาอย่างพอดิบพอดี ทำให้พิมพกานต์รอดจากการเปียกฝนไปหวุดหวิด ก่อนที่เธอจะเข้าไปอาบน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย
“เสื้อผ้าหายไปไหนหมดนะ” คนตัวเล็กบ่นพึมพำ ระหว่างรื้อหาเสื้อผ้า เพราะรู้สึกเหนี่ยวตัวจะลมทะเลทำให้เธอเข้าห้องน้ำโดยที่ไม่ได้ตรวจดูว่าจะมีเสื้อผ่าเปลี่ยนหรือไม่ ออกมาจากห้องน้ำก็ได้แต่นุ่งกระโจงอกออกมา ก่อนจะต้องสวมใส่เสื้อยืดตัวโครงของเขาตามเดิม เมื่อรื้อหาเสื้อผ้าแล้วไม่เจอเลยสักตัว
“วันนี้เราจะกินอะไรกันดีน้า” เมื่อแต่งตัวเสร็จแล้วก็เกิดรู้สึกหิวขึ้นมา จึงพูดกับเจ้าตัวเล็กในท้อง จะให้พูดกับใครได้ล่ะ ก็ตอนนี้เธอมีกันอยู่สองคนแม่ลูก ส่วนพ่อของลูกนั้นก็ไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน ตั้งแต่เดินหนีออกมาเธอก็ยังไม่เห็นเขาเลย
“ไข่เจียวแล้วกันนะคะ” หลังจากได้เมนูแล้วก็หายเข้าไปทำกับข้าวในครัวทันที พร้อมทั้งหุงข้าวด้วย ก่อนจะเดินกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับข้าวไข่ดาวหอมกรุ่นในมือ
“พี่ธีร์” เมื่อเดินออกมาแล้วเห็นเขายืนทำหน้านิ่งตัวเปียกโชกอยู่ที่ประตู จานข้าวถูกนำไปซ่อนไว้ข้างหลังทันทีอย่างอัตโนมัติ ด้วยเพราะฝังใจจากเมื่อกลางวันที่เขาให้กินแต่น้ำซุปกับข้าวเปล่า
“ไง” ว่าจบก็เดินสาวเท้าเข้ามาหาคนตัวเล็กที่เดินถอยหลังหนีตนไปเรื่อย ๆ
“ยะ อย่าเข้ามานะคะ”
“คิดว่าพูดแค่นี้จะห้ามฉันได้งั้นหรอ”
“พะ พี่ธีร์มาหาข้าวมีอะไรรึเปล่าคะ” เธอพยายามทำใจดีสู้เสื้อ เพราะสภาพตัวเองในตอนนี้ไม่พร้อมจะสู้กับเขาเลยจริง ๆ ไม่สิต้องบอกว่าไม่ว่าจะตอนไหนเธอก็ไม่พร้อมจะสู้ เพราะไม่ว่าจะสู้ยังไงเธอก็แพ้ให้เขาอยู่ดี
“นี่บ้านฉัน ฉันจะมาเมื่อไหร่ก็ได้” มือหนายื่นไปรูปไล้แก้มนวล ด้วยสัมผัสหยาบโลน พร้อมกับรอยยิ้มน่ากลัว ทำให้เธอต้องหันหน้าหนีด้วยความกลัว
“ฉันน่ากลัวมากเลยสินะ” ชลธีว่าเสียงเรียบ เมื่อเห็นหญิงสาวตรงหน้าตัวสั่นทึ่ม เมื่อถูกเขาสัมผัส
“ขะข้าวแค่หนาวค่ะ” ในตอนนี้ฝนกำลังตก ทำให้เธอพอจะเถียงข้าง ๆ คู ๆ เอาตัวรอดไปได้บ้างเพราะไม่อยากให้เขาได้ใจกับสิ่งที่เขาทำ แต่คำตอบกลับของเขาทำเธอไปต่อไม่เป็นเลยทีเดียว
“งั้นมากอดกันให้ความอบอุ่นหน่อยดีไหม เนื้อแนบเนื้อ”
“ไม่เป็นไรค่ะ ข้าวว่าข้าวหายหนาวแล้ว” ว่าแล้วก็ขยับตัวออกห่างเขาไปอีก
“เหอะ ไม่หนาว ไม่กลัว แต่เดินหนีฉัน มันหมายความว่าไงข้าวหอม”
“ตอนนี้พี่ธีร์ตัวเปียก ข้าวกลัวว่าจะเปียก เพราะข้าวพึ่งอาบน้ำเสร็จ แล้วข้าวก็ไม่อยากอาบน้ำใหม่อีกรอบด้วย”
“หรอ”
“ค่ะ”
ได้ยินคำยืนยันของเธอชลธีก็ถอดเสื้อยืดสีขาวที่สวมอยู่ออกทันที ก่อนจะพูดต่อ
“แบบนี้ก็ไม่เปียกแล้ว” เห็นเธอนิ่งอึ้งไปกับการกระทำของตัวเอง มือหนาก็เลื่อนลงจะไปถอดกางเกงขาสั้นของตัวเองต่อ
“พะ พอแล้วค่ะ”
“หึ” เสียงหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ โดยมือหนาที่กำลังถอดกางเกงออกหยุดอยู่เพียงเท่านั้น
“พี่ธีร์มีอะไรก็พูดมาเถอะค่ะ ข้าวหิวข้าวแล้ว ลูกเองก็ด้วย”
“ถ้าฉันบอกว่าฉันเองก็หิวล่ะ” ชลธีว่าเสียงเรียบ พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม
“งั้นพี่ธีร์รอหน่อยได้ไหมคะ ข้าวขอกินข้าวก่อนเดี๋ยวข้าวไปทำให้พี่ธีร์ใหม่”
“แต่ฉันอยากกินตอนนี้” สิ่งที่เขาพูดทำให้พิมพกานต์จับจานข้าวไข่เจียวที่ซ่อนไว้ข้างหลังแน่นขึ้นทันที อย่างกลัวว่าเขาจะแย่งไป
“รอก่อนได้ไหมคะ ข้าวเองก็หิว” พิมพกานต์เอ่ยบอกเขาเสียงสั่น พร้อมทั้งเงยหน้ามองเขาด้วยน้ำตาที่คลอหน่วย จวนจะไหลอยู่รอมร่อ และมันคงจะไหลออกมาแน่ ๆ หากเขาแย่งเอาข้าวของเธอไปกิน
“ฉันก็หิว” ว่าพร้อมกับแย่งเอาจากข้าวที่เธอซ่อนอยู่ไว้ข้างหลังออกมา
“ฮึก เอาข้าวของข้าวคืนมานะ” แขนเรียวยกขึ้นไขว่คว้าเอาจานข้าวที่เขายกขึ้นไว้เหนือหัวทันที เมื่อเขาแย่งเอามันไปจากเธอ แรงอันน้อยนิดของเธอจะไปต่อสู้อะไรเขาได้
“ฮือ ๆ คนใจร้ายเอาข้าวข้าวคืนมานะ” มือก็ไขว่คว้าเพื่อจะแย่งเอาข้าวกลับคืน น้ำตาก็ไหล่รินเป็นสายเมื่อความหิวนั้นเพิ่มมากขึ้น ชลธีที่เห็นแบบนั้นเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดการกระทำของตัวเองลงแม้แต่น้อย
ซ้ำยังยิ้มเยอะอย่างพึงพอใจอีกด้วย ราวกับสิ่งที่เขาทำนั้นเป็นเรื่องสนุกนักหนา สนุกอยู่บนความทุกข์ของเธอ
เพราะเธอนั้นตัวเล็กกว่าเขาอยู่มากทำให้ต้องเขย่งตัวเพื่อแย่งเอาจากข้าวที่เขาถือชูอยู่เหนือหัวไปมา สุดท้ายแล้วก็ทรงตัวไม่อยู่ ล้มเข้าหาเขา
“วร้าย” เปลือกตาบางปิดเข้าหากันแน่นทันที พร้อมกับมือที่เลื่อนมาโอบหน้าท้องนูนน้อยของตัวเองไว้ พร้อมกับเตรียมใจรับแรงกระแทกที่จะเกิดขึ้น แต่ทว่าผ่านไปหลายนาทีก็ยังไม่รู้สึกเจ็บ จึงค่อย ๆ ลืมตาขึ้น ก่อนจะพบว่าตัวเองนั้นอยู่ในอ้อมแขนของเขาอยู่
“ขะ ขอบคุณค่ะ ฮึก”
“ทีหลังก็ระวังหน่อย เธอไม่ได้ตัวคนเดียวนะ ในท้องเธอยังมีลูกฉันอยู่ด้วย” ชลธีว่าเสียงดุ ก่อนจะค่อย ๆ ช่วยจับให้เธอยืนได้ด้วยตัวเอง
“ขะ ข้าว” ความเหนอะหนะที่สัมผัสได้จากฝากเท้าทำให้พิมพกานต์ลืมก้มลงมองตามทันที ก่อนจะพบว่าตัวเองนั้นเหยียบข้าวที่หกอยู่ และใกล้ ๆ กันนั้นก็มีไข่เจียวสีเหลืองน่ากินที่เธอทอดอย่างตั้งใจ หกอยู่ด้วย
“ข้าว ข้าว ฮือ ๆ” เห็นแบบนั้นก็น้ำตาไหลพรากทันที ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งกับพื้น มือบางอันสั่นเทาค่อย ๆ เอื้อมไปหยิบจานข้าวที่พอมีข้าวเหลืออยู่ ก่อนจะค่อย ๆ เก็บเศษข้าวที่ตกอยู่ใส่จาน เก็บไปน้ำตาไหลไปอยู่อย่างนั้น โดยไม่พูดอะไรกับเขาเลยแม้แต่คำเดียว
“ฮือ ๆ”
“ข้าวหอมเธอทำบ้าอะไร หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ” เห็นเธอนั่งเก็บเม็ดข้าวที่หกใส่จาน ชลธีก็จับมือเธอไว้เพื่อห้ามทันที ก่อนจะถูกเธอสะบัดออกอย่างแรง
“ฉันบอกให้หยุด!”
“ฮือ ๆ พอใจพี่ธีร์แล้วใช่ไหมคะ” ตัดพ้อเขาไปพร้อมกับก้มเก็บข้าวใส่จานต่อ โดยไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองเขาเลยสักนิด
“ทำข้าวไม่ได้กินข้าว เห็นข้าวเป็นแบบนี้ มันทำให้พี่ธีร์รู้สึกดีมากเลยใช่ไหมคะ ฮือ ๆ”
“ข้าวแค่อยากกินข้าว ข้าวหิว ลูกก็ด้วย รู้ไหมคะว่าข้าวเดินหลงทางไปถึงฟาร์มมุก ข้าวกลับมาเหนื่อย ๆ ฮึก ข้าวแค่อยากกินข้าว ข้าวไข่เจียวธรรมดา ๆ พี่ธีร์ก็มาแย่งของข้าวไป”
“ข้าวบอกให้พี่ธีร์รอ รอแค่แป๊บเดียว ข้าวกินไม่นานพี่ธีร์ก็รู้ ทำไมพี่ธีร์ไม่ฟังข้าวบ้างฮือ ๆ ทำไมไม่ฟังกันบ้าง...” ตัดพ้อกับเขาประโยคสุดท้ายจบก็เป็นเวลาเดียวกับที่เธอนั้นเก็บข้าวและไข่เจียวที่หกใส่จานเสร็จพอดี ก่อนจะวางมันลงไว้กับพื้นตรงหน้า และนั่งกอดเข่าร้องไห้มองมันอยู่อย่างนั้น ไม่สนใจเขาที่ยืนทำตัวไม่ถูกเลยแม้แต่น้อย
“ฮือ ๆ”
ด้านชลธีที่เห็นเธอเป็นแบบนั้น อย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนก็ทำตัวไม่ถูกเลยทีเดียว เขาพูดอะไรเธอก็ไม่ตอบเอาแต่ร้องไห้ พูดเสียงดุเสียงดังใส่ก็แล้วเธอก็ยังเอาแต่กอดเข่าร้องไห้ จนเขาหงุดหงิดในที่สุด
“จะอะไรกันนักหนาวะ ก็แค่ข้าวไข่เจียว”
“ฮึก อืออออออ” พอได้ยินเขาพูดแบบนั้นน้ำตาเธอก็ไหลราวกับเขื่อนแตกในทันที ทีนี้เธอขยับตัวนั่งหันหลังให้เขาเลย เขามันคนใจร้าย! ทำเธอกับลูกไม่ได้กินข้าวแล้วยังมาหงุดหงิดใส่เธออีก
“แล้วมานั่งร้องไห้อยู่อย่างนี้จะได้กินไหมข้าวหอม” เขาก็คือเขา ไม่ยอมอ่อนลงให้เธอแม้แต่น้อย จนในที่สุดเธอก็ทนไม่ไหว ตอกกลับเขาคืนไปบ้าง
“ก็พี่ธีร์ทำข้าวข้าวหกแล้วจะให้ข้าวกินอะไรหรอคะ ให้ข้าวกินทั้งที่หกเลยใช่ไหมคะ!”
“เธอก็แค่ทำใหม่ มันก็แค่นั้น” เขาว่าขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ นั่นก็ทำให้อารมณ์คนท้องพุ่งขึ้นไปอีก
“ทำใหม่ พี่ธีร์ก็พูดง่ายนี่คะ พี่ธีร์ไม่ได้เดินอุ้มท้องร้องไห้เกือบกิโล เมื่อวานก็ไม่ได้กินข้าว เช้ามาก็ไม่ได้กิน แถมยังถูกพี่ธีร์รังแกอีก พอตอนเที่ยงได้กินข้าว ก็ได้กินแค่น้ำซุปเหลือ ๆ จากพี่ธีร์”
“พี่ธีร์คิดว่าข้าวมีแรงเหลือเฟือมากเลยหรอคะ แค่เสียใจจากคำพูดของพี่ธีร์ข้าวก็แทบจะไม่มีแรงทำอะไรแล้ว”
“แล้วนี่พี่ธีร์ยังมาแย่งข้าวข้าวอีก! พี่ธีร์จะใจร้ายกับข้าวไปถึงไหนคะ ข้าวก็เป็นคนนะคะ มีความรู้สึก! ฮึก ฮืออออ” หลังจากตอกกลับเขาไปเสียงดังแล้วก็มานั่งปิดหน้าร้องไห้ต่อทันที อย่างไม่สนใจว่าหลังจากที่ได้ฟังที่เธอพูดแล้วเขาจะรู้สึกอย่างไร เขาจะรู้สึกเสียใจกับสิ่งที่ทำกับเธอบ้างไหม...เธอไม่สามารถรู้ได้เลย...
“เธอ...” ได้ยินคนตัวเล็กตัดพ้อยาวเหยียดชลธีก็พูดอะไรไม่ออก แถมภาพที่เห็นเธอนั่งกอดเข่าร้องไห้มันก็ทำให้เขารู้สึกปวดหน่วงในใจอย่างประหลาด ก่อนจะรีบสลัดความคิดพวกนั้นทิ้งไป และก็มีความคิดหนึ่งเข้ามาแทนที่ นั้นก็คือประโยคก่อนหน้าที่เธอพูดว่าลูกเองก็หิว...
เขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรกัน ลืมว่ามีอีกชีวิตที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขารอรับสารอาหารจากเธออยู่ พอคิดได้แบบนั้นก็ตั้งใจจะออกไปหากับข้าวที่บ้านใหญ่มาให้เธอทันที แต่ทว่าข้างนอกนั้นฟ้ามืดแล้ว ทั้งฝนยังตกหนักอีก มองไปที่คนตัวเล็ก ก็ยังเห็นว่าเธอเอาแต่กอดเข่าร้องไห้อย่างน่าสงสารอยู่
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันทันที เมื่อต้องคิดหาวิธีทำให้ลูกได้กินข้าว ใช่เขาอยากให้ลูกได้กิน ไม่ได้อยากให้เธอได้กิน..แม้ว่ามันจะต้องผ่านเธอก็ตาม เขาเป็นห่วงลูกไม่ได้เป็นห่วงเธอ
ชลธีเอ่ยบอกตัวเองย้ำ ๆ อยู่อย่างนั้นว่าสิ่งที่เขากำลังเป็นอยู่ตอนนี้เพราะเป็นห่วงลูก กว่าจะรู้ตัวอีกที ก็มาหยุดอยู่ในครัวแล้ว
“เอาวะ” เมื่อทำอะไรไม่ได้ ออกไปข้างนอกก็ไม่ได้ เธอเองก็เอาแต่ร้องไห้แม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาก็คงต้องลงมือทำกับข้าวเอง เพราะไม่อย่างนั้นคงไม่ดีต่อลูกแน่
ยังดีที่เมื่อตอนอยู่ด้วยกันก่อนที่เธอจะท้องนั้นพิมพกานต์นั้นคอยสอนเขาทำเมนูง่าย ๆ อยู่เสมอ หากเมนูไหนยากเธอก็ให้เขาเป็นลูกมือแทน ลูกมือที่แปลว่าลูกมือจริง ๆ เพราะนอกจากให้ช่วยล้างผัก หยิบจับและส่งของให้แล้ว เธอก็ไม่ให้เขาทำอะไรอีก
ชลธีร์เริ่มจากการตอกไข่เป็นอย่างแรกในทันที เพราะเมนูที่เขาจะทำคือไข่เจียว เพื่อทดแทนกับที่ทำหกไป ที่มันหกมันไม่ใช่เพราะเขาคนเดียวสักหน่อย เพราะเธอด้วย หากเธอไม่เขย่งตัวแย่งจนตัวเองจะล้มเขาคงไม่ต้องทิ้งจานไข่เจียวเพื่อรับเธอไว้ เธอควรจะขอบคุณเขาอย่างซึ้งใจด้วยซ้ำที่ไม่ปล่อยให้เธอล้มลงไปกับพื้นจนลูกได้รับอันตราย ไม่ใช่มาร้องไห้ใส่เขาแบบนี้
ใช้เวลาไม่นานในความคิดของชลธี ไข่เจียวหน้าตาพอจะดูได้ก็แล้วเสร็จ ก่อนที่เขาจะหยิบจานและเดินไปตักข้าวเพื่อเอาไปเสิร์ฟในคนตัวเล็กที่ไม่รู้ว่าตอนนี้ยังนั่งร้องไห้อยู่รึเปล่า
หลังจากทุกอย่างแล้วเสร็จก็เดินกลับเข้ามาหาเธออีกครั้ง มุมปากหนายกยิ้มขึ้นมาทันที เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ภาพที่ต่างไปจากสิ่งที่เขาคิดไว้มาก
