บท
ตั้งค่า

30 อุ้มบุญ

หลังจากกินข้าวเสร็จแล้วพิมพกานต์ก็ทำการเก็บกวาดทันที

เก็บไปเช็ดน้ำตาไปอยู่อย่างนั้น พร้อมกับตัดพ้อเขาไป ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ เธอคิดถึง คิดถึงพี่ธีร์ของเธอ พี่ธีร์ที่อบอุ่นและแสนดี

“หนูข้าวมาทำอะไรตรงนี้ลูก” สายหยุดที่เดินเข้ามาในครัวเห็นพิมพกานต์ยืนล้างจานอยู่เธอก็เอ่ยทักในที พร้อมกับเดินเข้าไปแย่งจานออกจากมือ

“ข้าวทำได้ค่ะป้าสาย” พูดพร้อมกับส่งยิ้มให้ ยิ้มที่เธอพยายามจะปั้นมันออกมา เพราะในใจเธอตอนนี้มันแทบยิ้มไม่ออกเลย

“ไม่ได้ ๆ หนูข้าวไปนั่งเลย เดี๋ยวป้าทำเอง ไป ๆ ลูก” ว่าพร้อมกับดันตัวของหนูข้าวหอมของตนออก ก่อนจะดึงเอาเก้าอี้เคาท์เตอร์ที่อยู่ใกล้ ๆ มาให้ข้าวหอมนั่ง

“นั่งรอป้าอยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวป้าทำเอง”

“แต่ป้าสายอายุเยอะแล้วนะ ข้าวเป็นห่วง อีกอย่างป้าสายก็ไม่ค่อยสบายด้วย” น้ำเสียงที่แสดงถึงความเป็นห่วง ทำให้สายหยุดส่งยิ้มให้ พร้อมกับพูดบอกว่าตนนั้นไม่เป็นอะไรจริง ๆ

“ป้าทำได้จ้ะ จานไม่กี่ใบเอง” ว่าจบก็หันตัวไปล้างจานต่อจากที่ข้าวหอมทำไว้ ซึ่งไม่นานก็แล้วเสร็จ ก่อนจะเดินกลับมาหาข้าวหอมอีกครั้ง

“หนูข้าวกินอะไรมารึยัง ให้ป้าทำให้ไหม”

“ข้าวกินแล้วค่ะ”

“ถ้างั้นกินนมหน่อยแล้วกัน” ว่าจบก็เดินไปเปิดตู้เย็น เอานมมารินใส่แก้มในคนท้องอ่อน ๆ ได้ดื่ม และนำนี้ก็ไม่ใช่ของใครที่ไหน ของชลธีนั่นเอง

“นี่จ้ะ”

“ขอบคุณนะคะ” หลังจากรับแก้มนาแล้ว พิมพกานต์ก็ยิ้มเยอะให้กับตัวเองในใจ ขนาดพ่อของลูกยังไม่ดูแลเธอขนาดนี้เลย ซ้ำยังให้เธอกินอาหารที่เหลือจากเขาอีก...

“พ่อของตาหนูของป้า...คือคุณธีร์ใช่ไหมจ้ะ” สายหยุดถามขึ้นเมื่อเห็นว่าพิมพกานต์นั้นดื่มนมหมดแล้ว

“ทะ ทำไมป้าสายถามอย่างนั้นล่ะคะ” หากเขารู้ว่ามีคนอื่นรู้เขาจะไม่พอใจไหมนะ เขาจะโกรธเธอไหม

“เมื่อเช้าป้าเห็นคุณธีร์อุ้มหนูข้าว สภาพเอ่อ...ไม่ค่อยเรียบร้อยเท่าไหร่”

“คือว่า...คือว่า” ได้ยินป้าสายพูดมาแบบนี้ เธอก็ไม่รู้จะตอบยังไง จะปฏิเสธเธอก็ไม่ได้ ในเมื่อป้าสายเห็นในตอนเข้า จะโกหกเธอก็ไม่อยากทำ เพราะมันคือความจริงเรื่องที่เขาคือพ่อของลูก แต่ถ้าจะยอมรับก็กลัวว่าเขาจะโกรธ เพราะครั้งหนึ่งเขาเคยขอว่าไม่ให้เธอบอกเรื่องนี้กับใคร ซึ่งเธอก็รักษาสัญญามาตลอด

“ถ้าหนูข้าวยังไม่พร้อม ยังไม่ต้องบอกป้าตอนนี้ก็ได้จ้ะ” เห็นสีหน้าลำบากใจของเด็กสาวตรงหน้าแล้ว สายหยุดก็ไม่ซักไซ้อะไรต่อ ทุกคนก็คงมีเหตุผลเป็นของตัวเอง แต่เธออยากจะรู้จริง ๆ ว่าเหตุผลอะไรกันทำไมถึงทำให้ข้าวหอมไม่ยอมบอกเธอได้...ทั้ง ๆ ที่พ่อของลูกเป็นถึงเจ้าของเกาะ แถมยังทำธุรกิจมากมายจนร่ำรวยเรียกได้ว่ามีกินมีใช้ไปถึงลูกหลานเหลน ไม่มีอะไรให้น่าอายสักหน่อย

“ขอบคุณนะคะที่เข้าใจข้าว...” พิมพกานต์กำลังจะเอ่ยขอบคุณคนตรงหน้า แต่ยังไม่ทันที่จะพูดจบดี เสียงทุ้มของเขาก็ดังขึ้นเสียก่อน และสิ่งที่เขาพูดก็ทำเธอหน้าซีดในทันที

“เด็กในท้องเป็นลูกของผมครับ ข้าวหอมแค่ช่วยอุ้มท้องให้ เราไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกัน”

“ส่วนห้องที่ป้าสายถามผมว่าใครจะมาอยู่ คงได้คำตอบแล้วนะครับ” ชลธีว่าเสียงเรียบ พร้อมกับสายตาอ่านไม่ออก ที่จ้องมองมายังพิมพกานต์ที่นั่งหน้าซีดอยู่

เธอไม่คาดคิดมาก่อนเลยว่าจะได้ยินคำตอบนี้จากปากเขา สิ่งที่เขาพูดมามันแย่กว่าการที่เขาบอกให้เราปกปิดเรื่องระหว่างเราอีก เขาเห็นเธอเป็นเพียงคนที่อุ้มท้องให้ลูกของเขาเท่านั้น มันไม่ต่างจากแม่อุ้มบุญเลยสักนิด แล้วความรู้สึกของเธอล่ะ ความรู้สึกของเธอที่มีต่อเขามันเป็นเรื่องโกหกหลอกลวงทั้งหมดเลยสินะ

อันที่จริงเขาก็เคยบอกเธอไปแล้ว แต่เธอไม่เชื่อเขาเอง เธอคิดเอาเองว่าสักวันเขาจะกลับมาเป็นพี่ธีร์คนเดิมของเธอ หากเขารู้ความจริงของเรื่องทั้งหมดว่าจริง ๆ แล้วเธอกับผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่คนคนเดียวกัน และเธอก็ไม่ได้เป็นสาเหตุที่ทำให้พี่ชายและพี่สะใภ้ของเขาตาย แต่แบบนี้มันไม่ใช่แล้ว เขาไม่มีทางกลับมาได้ เพราะเขาไม่เคยมีความรู้สึกให้เธอตั้งแต่แรก

“ข้าวขอตัวก่อนนะคะ” เมื่อไม่สามารถจะทนอยู่ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนี่ได้ พิมพกานต์ก็ขอตัวออกไปทันที ในตอนนี้เธอไม่สามารถนั่งอยู่ตรงนี้ต่อได้จริง ๆ ยิ่งเขาเดินเข้ามาใกล้ ๆ เธอก็ยิ่งเจ็บ ยิ่งเห็นสายตาว่างเปล่าที่เขามองมามันก็ยิ่งเปิดหน่วงในใจ

“เดี๋ยวสิหนูข้าว” เรียกไว้ก็ไม่ได้ผล เมื่อหญิงสาวนั้นเดินไว ๆ อย่างไม่สนใจเสียงเรียกให้หลังเลยแม้แต่น้อย สายหยุดจึงกลับมาถามชายหนุ่มอีกคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องแทน

“ทำไมพูดแบบนั้นล่ะคะ คุณธีร์รู้ไหมคะว่าหนูข้าวรักคุณธีร์มาก” แม้ไม่รู้ว่าระหว่างนายหัวหนุ่มและข้าวหอมนั้นเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อได้เห็นสายตาเจ็บปวดของข้าวหอม หลังจากที่ได้ยินคำพูดของนายหัว เธอก็ไม่อาจอยู่เฉยได้

“รัก? หรอครับ หึ”

“เธอรักผมแล้วผมต้องรักตอบหรอครับ” ชลธีร์ว่าเสียงเรียบ การที่มีใครมารักเขา เขาจำเป็นต้องรักตอบงั้นหรอ แบบนี้เขาไม่ต้องรักสาว ๆ ที่ฝั่งทุกคนที่เข้ามาหาเขาเลยหรือไง

“ถ้าคุณธีร์จะทำอะไร ป้าอยากให้คิดดี ๆ นะคะ ป้าไม่อยากให้คุณธีร์มานั่งเสียใจทีหลังกับสิ่งที่ทำลงไป”

“ครับ” แต่มันจะไม่มีวันนั้นอย่างแน่นอน ประโยคหลังเขาต่อขึ้นในใจ ก่อนจะเดินเลี่ยงออกไป ทิ้งให้ป้าสายหยุดได้แต่ส่ายหัวแล้วมองตามเขา

“เกิดอะไรขึ้นกับคุณธีร์ของป้าอีกล่ะเนี่ย” สายหยุดคิดอย่างกลุ้มใจ อีกคนก็ดูรักมาก อีกคนก็เดาอะไรไม่เคยออกเลย ไม่รู้ว่าจะรักหรือร้าย แต่ดูท่าแล้วคงจะเป็นอย่างหลังมากกว่า

“ถ้าคุณคุณยังอยู่มีความเห็นยังไงก็มาเข้าฝันบอกสายทีนะคะ”

.

ด้านพิมพกานต์หลังจากที่เดินหนีออกมาแล้วเธอก็ไม่รู้จะไปไหน ได้แต่เดินเลียบชายหาดไปเรื่อย ๆ อย่างไร้จุดหมายมือบางยกขึ้นเช็ดน้ำตาที่ไหลรินออกมาบดบังการมองเห็นเป็นพัก ๆ คำพูดของเขามันบาดลึกลงไปในหัวใจของเธอ จนเลือดอาบนอง เพราะฝืนความเจ็บปวดไม่ไหวจึงไม่อยากที่จะอยู่ ณ ที่ตรงนั้นต่อเพื่อประจานความอ่อนแอของตัวเอง

แต่เดินมาก็ใช่ว่าเธอจะชำนาญทาง เพราะเงยหน้าขึ้นมาอีกทีเธอก็ไม่รู้แล้วตัวเองอยู่ที่ไหน เมื่อรู้ว่าตัวเองนั้นหลงทางแล้วจึงเดินเข้าไปใกล้สิ่งก่อสร้างที่หน้าตาเหมือนโรงเรือน ด้วยสัญชาตญาณว่าจะต้องมีคนอยู่ที่นั่น และมันก็เป็นจริงดังที่เธอคิด เพราะเมื่อเดินเข้าไปใกล้ ๆ ก็มีคนอยู่ที่นั่นจริง แถมเหมือนพวกเขากำลังทำงานอะไรกันอยู่ด้วย ซึ่งเธอไม่รู้ว่ามันคืออะไร ก่อนจะสะดุ้งน้อย ๆ เมื่อมีคนเรียก

“นังหนูมาทำอะไรที่นี่ หลงทางหรอ” หนึ่งในคนงานที่กลับจากเข้าห้องน้ำเดินเข้ามาเอ่ยถาม หญิงสาวในชุดเสื้อยืดตัวโครงแปลกตา

“ใช่ค่ะ ข้าวหลงทาง คุณป้าพอจะรู้ไหมคะว่าทางกลับบ้านใหญ่ไปทางไหน...เอ่อบ้านพักคนงานไปทางไหน” เพราะมัวแต่คิดเรื่องเขาทำให้เผลอพูดถึงบ้านของเขาโดยไม่รู้ตัว ก่อนจะรีบแก้

“บ้านพักคนงานหรอ เดินไปทางนู้นนะแล้วเลี้ยวขวาถ้าเห็นโขดหินใหญ่ ๆ แล้วก็เดินตรงไปเรื่อย ๆ ก็จะเห็นเอง”

“ว่าแต่หนูจะเดินไหวหรอ มันไกลนะ”

“ไกลมากเลยหรอคะ” เพราะตอนเดินหลงมานั้น เธอเดินมาเรื่อย ๆ เดินไปคิดไป ร้องไห้ไป ดีหน่อยที่ไม่ต้องปาดเหงื่อไปด้วยเพราะเมฆกำลังตั้งเค้า เดี๋ยวนะฝนจะตกหนิ ‘ตายแล้วข้าวหอม ทำไมถึงเดินไม่สนโลกแบบนี้’

“ก็ไกลอยู่นะ อีกสิบห้านาทีพวกป้าก็จะเลิกงานแล้ว เดี๋ยวหนูขึ้นรถพ่วงไปกับป้าก็ได้” เห็นหญิงสาวหน้าตาสะสวยทั้งกิริยามารยาทก็ดี เธอก็นึกเอ็นดู ก่อนจะขอตัวไปทำงานต่อ

“ขอบคุณนะคะ”

เมื่อหาคนไปส่งได้แล้วพิมพกานต์ก็มองหาที่นั่งรอเงียบ ๆ แม้จะอยากเข้าไปช่วยคุณป้าทำงานแต่ด้วยระยะทางที่เดินมาไกล ทำให้เธอรู้สึกเพลีย ๆ เลยได้แต่นั่งส่งยิ้มเป็นกำลังใจให้คุณป้าเท่านั้น

อีกอย่างงานที่คุณป้าทำเธอก็ไม่รู้ด้วยว่ามันคืออะไร มองจากระยะไกล ก็เห็นคุณป้าคุณลุง หรือไม่ก็คนอายุไล่เลี่ยกัน ดึงเชือกที่บางอย่างติดอยู่ ก่อนจะใช้ของที่มีลักษณะเหมือนมีดสับ ทำอะไรบางอย่างกับของที่ติดกับเชือก เพราะมองอยู่ในระยะไกลทำให้เธอมองได้ไม่ถนัดนัก จะเดินเข้าไปดูก็กลัวจะรบกวนการทำงานของคนอื่น อีกอย่างทางเดินนั้นก็เป็นที่แคบ ๆ เท่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นช่องไม้ไผ่ที่เหมือนจะเอาไว้เกาะเชือกและน้ำทะเล

“รอป้านานไหม” หลังจากนั่งมองนู่นนี่ไปเรื่อยเสียงคุณป้าคนเดิมก็ดังขึ้น

“ไม่นานค่ะ”

“งั้นรอป้าเก็บของแป๊บนึงนะ เดี๋ยวป้าไปส่ง”

“ได้ค่ะ ขอบคุณนะคะ”

“หนูพึ่งมาอยู่ที่นี่นานแล้วหรอ ป้าไม่เคยเห็นหน้าเลย” หญิงสาวหน้าตาดี เดินมาในฟาร์มมุกนับว่าเป็นสิ่งที่แปลกตามาก การมาของแม่หนูคนนี้ได้รับความสนใจจากคนงานหลายคน บ้างก็ปกติเพราะเคยเห็นหน้าคร่าตากันมาบ้างแล้ว บ้างก็ไม่เคยเห็นจึงฝากเธอมาถาม

“ข้าวมาอยู่นานแล้วค่ะ ข้าวทำงานที่โรงครัว”

“ถึงว่าป้าไม่เคยเห็น” เพราะโรงครัวกับที่นี่ค่อนข้างห่างกันพอสมควร อีกอย่างงานที่เธอทำก็นาน ๆ ทำที ไม่ได้ทำตลอด ทำเป็นช่วงเท่านั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่จะไม่เห็นหน้ากัน

“แล้วคุณป้าทำอะไรกันที่นั้นคะ” เมื่อสบโอกาสพิมพกานต์ก็ร้องถามในสิ่งที่ตนสงสัยทันที

“อ๋อ ที่นั่นเป็นฟาร์มมุกน่ะ ถัดไปไม่ไกลก็ศูนย์วิจัย”

“ส่วนที่พวกป้าคือทำความสะอาดและกำจัดศัตรูของหอยมุก เราจะทำกันเป็นประจำทุกเดือน บ้างก็สองสามเดือนครั้งแล้วแต่ฟาร์ม ถ้าฟาร์มไหนศัตรูและสิ่งสกปรกเยอะก็ทำถี่หน่อย”

“ฟาร์มมุกหรอคะ ข้าวนึกว่าออกไปหาในทะเลซะอีก” พิมพกานต์ว่าอย่างยิ้ม ๆ ทำให้คุณป้านั้นยิ้มตามไปด้วย

“แบบในทะเลก็มีจ้ะ ในทะเลเป็นไข่มุกธรรมชาติ ส่วนนั้นนายหัวจะเป็นคนควบคุมดูแลในการออกไปหาแต่ละรอบ”

“บางครั้งนายหัวจะไปด้วย ไม่ก็จะให้ไอหมอกไป”

“ทำไมหรอคะ” จากที่ฟังเพลิน ๆ พอมีเขาเข้ามาเกี่ยวข้อง อยู่ ๆ ก็เกิดความอยากรู้เรื่องเขาขึ้นมา แม้ว่าจะเจ็บเพราะเขาแต่ถึงอย่างนั้นเธอก็รักเขามาก...

“หนูสงสัยสินะ ว่าทำไมนายหัวถึงต้องไปด้วยตัวเอง นายหัวน่ะเป็นห่วงความปลอดภัยของคนงาน อีกอย่างที่นายหัวไปด้วยตัวเองก็เพราะกลัวว่าคนงานจะหลงลืมที่จะดูแลรักษาสภาพแวดล้อมของท้องทะเล เก็บเอาอย่างอื่นที่ไม่ใช่หอยมุกมาด้วย”

“คนงานเก่า ๆ ที่ทำงานมานานนั้นจะรู้กันดี แต่คนงานใหม่ที่พึ่งเข้ามาจะไม่ค่อยรู้เรื่อง แอบเก็บนั้นเก็บนี่ติดมือมาทำให้ระบบนิเวศเสีย นายหัวจึงต้องไปควบคุมด้วยตัวเอง”

“สามีป้าเคยเล่าให้ฟังนะว่า ตอนออกเรือไปมีหลายครั้งเลยที่นายหัวจะลงไปงมหาด้วย” น้ำเสียงชื่นชมนายหัวของคุณป้า ทำให้พิมพกานต์อดไม่ได้ที่จะชื่นชมในตัวเขาไปด้วย หลงลืมสิ่งที่เขาทำให้เธอเจ็บช้ำก่อนหน้านี้ไปจนหมด ก่อนที่มือบางจะเลื่อนมือยกขึ้นจับสร้อยไข่มุกที่เขามอบให้เมื่อคุณป้าพูดถึงมัน

“อ้อ อย่างสร้อยไข่มุกที่หนูใส่อยู่ ป้าว่าก็น่าจะเป็นมุกธรรมชาตินะ เม็ดสวยสมบูรณ์มากเลย แบบนี้หายากมาก ๆ ถ้าขายคงจะได้หลายตัง”

“คนรักให้มาสินะ”

พิมพกานต์ไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่พยักหน้ารับเท่านั้น คนรักให้มาอย่างที่คุณป้าว่าก็จริง แต่มีเพียงเขาเท่านั้นที่เป็นคนรักของเธอ...ส่วนเธอคงไม่ได้เป็นคนรักของเขา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel